โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“เรมี่” แตกไลน์ขนมสัตว์เลี้ยง จับตลาดสัตว์แปลก

การเงินธนาคาร

อัพเดต 24 มี.ค. เวลา 13.44 น. • เผยแพร่ 24 มี.ค. เวลา 05.26 น.

“คนรุ่นใหม่” เน้นอยู่คอนโด สุนัข-แมวไม่ตอบโจทย์ หันเลี้ยง Exotic pet ประหยัดพื้นที่-สะท้อนตัวตน REMY แตกไลน์ขนมสัตว์เลี้ยงประเดิมกลุ่มสัตว์ฟันแทะ ราคาต่ำกว่าแบรนด์นอก50% รับเทรนด์เลี้ยงสัตว์แปลกพุ่งแรง-เล็งขยายตลาดต่างประเทศปีนี้

นางสาวสุดาทิพ เกียรติศรีชาติ กรรมการ กลุ่มบริษัท พัทยาฟู้ด เปิดเผยว่า ข้อมูลของศูนย์วิจัยกสิกรไทย - ตลาดสัตว์เลี้ยงปี 2568 คาดว่า ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงอยู่ที่ประมาณ 3.98 แสนตัน ขยายตัว 6% จากปีก่อน ตามจำนวนสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้น จำนวนสัตว์เลี้ยงของไทยยังมีแนวโน้มเติบโต

โดยในปี 2568 คาดว่า สัตว์เลี้ยงที่มีเจ้าของมีอยู่ราว 5.38 ล้านตัว เพิ่มขึ้นราว 6% แบ่งเป็นสุนัข 3.45 ล้านตัว แมว 1.94 ล้านตัว ส่งผลให้ยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงกว่า 76% จะอยู่ในกลุ่มอาหารสุนัข

แต่ในอนาคต คาดว่า สัดส่วนยอดขายอาหารแมวน่าจะเพิ่มขึ้น จากความนิยมเลี้ยงแมวที่มีมากขึ้น สะท้อนได้จาก ในช่วงปี 2564-2567 จำนวนแมวที่เลี้ยงโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 28% ต่อปี เทียบกับอัตราการเติบโตของสุนัขเลี้ยงที่ 19% ต่อปี

เมื่อ 2 ปีที่แล้วบริษัทจึงเปิดตัวเข้ามาในตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงผ่านแบรนด์ REMY แม้ว่าภาพรวมการแข่งขันตลาดนี้จะเข้าขั้น“เรดโอเชียน” แต่ REMY ไม่ได้ลงไปเล่นในสงครามราคา แต่เน้นคุณประโยชน์ทำให้ในปีที่ผ่านมาสามารถเติบโต 100% จากปีแรก

นอกจากโพรดักซ์เรือธงอย่าง อาหาร-ขนมสำหรับสุนัขและแมวแล้ว ในปีนี้ REMY เล็งเห็นโอกาสของกลุ่มอาหาร-ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ หรือ Exotic pet ที่กำลังมาแรงอย่างมาก โดยพัฒนาขนมเพื่อสุขภาพของสัตว์ฟันแทะมาในรูปแบบ Puree Jelly กับ นายสัตวแพทย์เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษ(Exotic pet) แห่ง Animal Space Hospital

“กลุ่มนี้ดีมานด์สูง แต่หาอาหารและขนมที่จับต้องได้ในไทยหายาก และยังมีราคาสูง REMY เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่เข้ามาทำอาหารและขนมสำหรับสัตว์ Exotic โดยพัฒนาตามอินไซด์ของสัตว์ จุดเด่นของ REMY คือทุกสูตรจะเสริมคุณค่าทางโภชนาการอย่างน้อย 2 ชนิด และใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกับอาหารคน ไม่เติมเกลือ น้ำตาล หรือวัตถุกันเสีย มีประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพเมื่อต้องกินระยะยาว

เบื้องต้นจะเริ่มจากผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มสัตว์ฟันแทะ วางจำหน่ายเดือนมีนาคม 2568 ในราคาจับต้องได้ 1 ซอง 55 บาท 3 ชิ้น ซึ่งเป็นราคาที่ถูกกว่าแบรนด์ต่างประเทศ 50% เพราะบริษัทเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์สำหรับส่งออกอยู่แล้ว จึงสามารถทำราคาที่คนไทยจับต้องได้มากกว่า”

เรมี่

สำหรับแผนรุกตลาดปี 2568 REMY วางงบลงทุนสำหรับการดีเวลลอปโพรดักซ์ใหม่และการตลาดราวๆ 20 ล้านบาท ปัจจุบัน REMY มีพอร์ตอาหารสุนัข35% อาหารแมว55%และExotic15-20% ในปีนี้มีแผนล๊อนซ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ในปีนี้ 30sku 15 แบ่งเป็นผลิตัณฑ์สำหรับแมวและ สุนัข10sku ในช่วงเดือนพฤษภาคม สัตว์Exotic 5 sku

ในส่วนของการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Exoticบริษัทเริ่มทำการตลาดล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2567 ที่ผ่านมาโดยเน้นคอนเทนต์เกี่ยวสัตว์แปลกบนช่องทางออนไลน์ ผ่านทีมสัตวแพทย์ในการให้ความรู้เชิงลึกการทำวีดีโอ และ คอนเท้นต์สื่อถึง“Human Grade สู่ Human Touch” ที่เข้าใจคนรักสัตว์เลี้ยง พร้อมสร้างการรับรู้แบรนด์ผ่านวิทยุ และกิจกรรมโรดโชว์ไปยังร้านเพ็ทช็อปทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี ผู้ชมชอบและสนใจคอนเทนต์เกี่ยวกับสัตว์แปลกอย่างมาก

ในปีนี้ REMY จะเปิดแคมเปญ “REMY’s FRIENDs” และเปิดตัวพรีเซนเตอร์งานPet Expo Thailand 2025 ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ

ขณะเดียวกันมีแผนขยายช่องทางการจำหน่ายจากปัจจุบันช่องทางหลักคือ กลุ่มโรงพยาบาลสัตว์ และ คลินิก เกือบ 200 สาขาทั่วประเทศ รวมทั้งยังขยายช่องทางการจัดจำหน่ายกลุ่ม Modern Pet shop เช่น Pet’N Me, Pet Us, Pet Club และ ร้านค้า Pet Shop กว่า 300 ร้านค้าทั่วประเทศไปยังตลาดต่างประเทศโดยมุ่งเป้าไปที่ประเทศที่นิยมเลี้ยงสัตว์แปลก เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ UAE มาเลเซียเริ่มจากการโรดโชว์ คาดว่าจะช่วยดันการเติบโตในปีนี้ 100%

เรมี่

ด้านนายสัตวแพทย์เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลี้ยงชนิดพิเศษหรือ Exotic pet จากโรงพยาบาลสัตว์ Animal Space Hospital กล่าวเสริมว่าเทรนด์ของสัตว์เลี้ยงกลุ่มสัตว์แปลก - Exotic กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในเอเชียที่มีการเติบสูงมาก นำโดย “จีน” ที่มีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดตามด้วยไต้หวัน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์

ส่วนประเทศไทยมีการเติบโตต่อเนื่องทุกปี จากเทรนด์คนรุ่นใหม่ที่เลี้ยงสุนัขและแมวน้อยลงประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในคอนโดมากกว่าอยู่บ้าน ส่งผลให้Exotic pet กลายเป็นเทรนด์อนาคตของคนรุ่นใหม่ที่ชอบความแปลกไม่อยากเลี้ยงสุนัข- แมว แต่ต้องการสัตว์เลี้ยงที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และสะท้อนตัวตนและความชอบของผู้เลี้ยงด้วยทั้งกระต่าย แกสบี้ ชิลชิลา เต่า งู นก ซึ่งได้รับการยอมรับมากขึ้นไม่ต้องแอบเลี้ยงเหมือนในอดีตและยังใช้พื้นที่น้อย บางคนเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงประเภทที่ 3 Add-onจากสุนัขและแมว ทำให้ปัจุบัน Exotic pet มีสัดส่วนถึง 15%ของตลาดรวมสัตว์เลี้ยง

อย่างไรก็ตาม Exotic pet ต้องการการดูแลและเข้าใจในการเลี้ยงอย่างมากเพราะมีอายุขัยยาวราวๆ 10 ปี ซึ่งสัตว์พิเศษมีความพิเศษคือป่วยง่ายต้องการวิตามิน ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาค่อนข้างสูง และมีทางเลือกจำกัด

การร่วมมือกับ REMY PET ดีเวลลอปผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์ในกลุ่มนี้จึงเป็นการตอบสนองความต้องการของเจ้าของสัตว์ที่มีความต้องการ มีกำลังซื้อสูง และ มองหาผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ REMY ในกลุ่ม Exotic มีทั้งหมด 3 รสชาติมาด้วยคอนเซปท์ Healthy Berry Plus Vit C ได้แก่ สูตรสตรอว์เบอร์รี่ผสมโหระพาและวิตามินซี (บำรุงสายตา), สูตรแบล็กเคอร์แรนท์ผสมเมล็ดแฟลกซ์และวิตามินซี (บำรุงขนและผิวหนัง), และสูตรแครนเบอร์รี่ผสมพาร์สลีย์และวิตามินซี (ดูแลทางเดินปัสสาวะ)

“Exotic pet เป็นกลุ่มที่มีดีมานด์และกำลังซื้อสูงโดยเฉพาะกทม.และปริมนฑล เทรนด์ปัจจุบันคือเลี้ยงสัตว์จำนวนน้อยตัวลงแต่จ่ายเงินดูแลมากขึ้นทั้งการเจ็บป่วย อาหาร ของเล่น เอสเซสเซอรี่ โดยสัดส่วนการจ่ายใหญ่สุดคืออาหาร50% วัคซีน 10%และ อื่นๆทั้งของใช้ Accessories กรูมมิ่งและเฮลท์แคร์ 40%

โพรดักซ์แรกที่เราทำคือขนมสำหรับสัตว์ฟันแทะ ในรูปแบบเจลลี่จากผลเบอร์รี่และสมุนไพรธรรมชาติ มีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้แก่สัตว์ฟันแทะ โดยเฉพาะหนูแกสบี้ที่ไม่สามารถสร้างวิตามินซีได้เองโดยเสริม Vitamin C เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงเพิ่มขึ้น เหมาะกับชิลชิลา กระต่าย แกสบี้ และฟันแทะทุกชนิดแต่ปริมาณขึ้นอยู่กับขนาดตัว”

เรมี่
เรมี่

อ่านข่าว แวดวงธุรกิจ ที่น่าสนใจ ทั้งหมด ได้ที่นี่

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...