เบื้องหลังของข่าว
- เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ศาลอาญากรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษายกฟ้อง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ 'ตู้ห่าว' ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 2 พร้อมพวก รวม 19 คน คดีฟอกเงิน ชี้พยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ขณะที่จำเลย 6 คนมีความผิดคดียาเสพติด-ครอบครองปืน-เปิดสถานบันเทิงผิดกฎหมาย และแรงงานข้ามชาติ
- คดีนี้มีส่วนสำคัญที่ทำให้สังคมรู้กับ 'ตู้ห่าว' และคำว่า 'จีนเทา' เรื่องราวของเขาได้รับการเปิดเผยไปแล้วส่วนหนึ่งตั้งแต่แรกที่คดีของ 'ตู้ห่าว' อยู่ในความสนใจของสาธารณชนเมื่อปี 2565 (หรือปี 2022) แต่สังคมยังรู้เรื่องของเขาน้อยมาก ดังนั้น The Better จึงขอรวยบรวมข้อมูลของเขาในเชิงลึกจากสื่อภาษาจีนมาให้รับทราบกัน
'ตู้ห่าว' ไม่ธรรมดาเพราะกว่าจะมีวันนี้
เมื่อปี 2022 สื่อภาษาจีน 'ย่าโจว โจวคาน' (亞洲週刊) รายงานประวัติเบื้องหลังของ ตู้ห่าว (หรือ ตู้ฮ่าว) เอาไว้ดังนี้ "ตู้ห่าว (杜浩) เป็นชาวเมืองเฉิงไห่ มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน เขาเติบโตในประเทศจีนตั้งแต่ยังเด็กและย้ายมาประเทศไทยในปี 1996 เพื่อเริ่มต้นธุรกิจ ในช่วงแรกเขาทำงานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและต่อมาก็ค่อยๆ ผันตัวมาเป็นไกด์นำเที่ยว ภายใต้การสนับสนุนและการดูแลของ "ลุง" (伯父 โดยความหมายคือพี่ชายของพ่อ แต่จากรายงานนี้บ่งนัยว่าอาจมีความหมายแฝง) ของเขา คือ ตู้ซื่อสี่ (杜式璽) ซึ่งเป็นผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย เขาค่อยๆ เติบโตขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และได้เป็นพลเมืองไทยในปี 2014 หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่เกือบหนึ่งทศวรรษ ตู้ห่าว ก็ได้กลายเป็น "บุคคลระดับผู้นำ" (領軍人物) ที่แท้จริงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยและมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงทางการเมืองและตำรวจของไทย เขามีส่วนเกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมต่างๆ มากมาย รวมถึงการท่องเที่ยว การเงิน อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม กลุ่มไทยโมเดิร์นจิวเวลรี่ (泰國現代珠寶集團) ของเขาเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นองค์กรเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย"
ก่อนหน้าที่จะมี "ชื่อเสียงในวงกว้าง" แบบนี้ ตู้ห่าว ยังปรากฏในรายงานของสื่อภาษาจีนอีกจำนวนหนึ่งด้วยในฐานะที่เป็นบุคคลสำคัญของชาวจีนโพ้นทะเลในไทย เช่น เมื่อปี 2011 สื่อภาษาจีนไท่หัวหว่าง (泰华网) รายงานว่า "ตู้ห่าวเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีแววดีซึ่งคลุกคลีอยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมานานหลายปี เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ช่วยเหลือคนอื่นเก่ง ฉลาดในการคิดและสร้างสรรค์ สนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรม มีความกระตือรือร้นในสวัสดิการของชุมชนชาวจีนโพ้นทะเล มีเพื่อนมากมาย และเป็นที่นิยมอย่างมาก"
ต่อมาเมื่อปี 2017 มีรายงานว่าวันที่ 22 สิงหาคม คณะผู้แทนเยี่ยมชมหอการค้าไทย-จีนเซินเจิ้นได้เดินทางไปเยี่ยม ตู้ห่าว ที่ประเทศไทย โดยมีรายงานในเว็บไซต์ Sohu ของจีน ว่า "วันที่ 22 และ 24 คณะได้เข้าเยี่ยมชมกิจการของ ตู้ห่าว ที่ปรึกษาหอการค้าจีนในประเทศไทย ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลสหพันธ์สาธารณรัฐจีน-ไทย และผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ในประเทศไทย (泰国新侨 หมายถึงคนจีนโพ้นทะเลที่เพิ่งย้ายมาตั้งถิ่นฐานในไทย) และได้รับเชิญให้เยี่ยมชมสาขาของกลุ่มบริษัทไทยโมเดิร์นจิวเวลรี่ในกรุงเทพฯ และภูเก็ตด้วย"
เช่นเดียวกับรายานของ 'ย่าโจว โจวคาน' รายงานเมื่อปั 2017 ระบุเหมือนกันว่า "ตู้ห่าว หลานชายของผู้นำชาวจีนโพ้นทะเลผู้รักชาติที่มีชื่อเสียงอย่าง ตู้ซื่อสี่ ในประเทศไทย จากเมืองซัวเถาไปเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยในปี 1996 หลังจากขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่เกือบหนึ่งทศวรรษ เขาก็กลายเป็นผู้นำที่แท้จริงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว การเงิน อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม กลุ่มไทยโมเดิร์นจิวเวลรี่ของเขาได้กลายเป็นองค์กรเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย"
โดยการพบปะกันในครั้งนั้น "เซี่ยฮุ่ยหรง (谢惠蓉 ซึ่งเป็นประธานสหพันธ์ชาวจีนโพ้นทะเลซัวเถา) และ ตู้ห่าว ยังได้หารือเกี่ยวกับการวางแผนและการจัดตั้ง "สมาคมชาวจีนโพ้นทะเลแห่งซัวเถาประเทศไทย" ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมการพัฒนางานนี้ในอนาคตอย่างแข็งขัน รวมชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย ดึงดูดชนชั้นสูงจากทุกสาขาอาชีพ และมุ่งมั่นที่จะสร้างให้สมาคมชาวจีนโพ้นทะเลเป็นเวทีสำคัญในการติดต่อและให้บริการชาวจีนโพ้นทะเลในประเทศไทย"
รายงานนี้แสดงให้เห็นว่า ตู้ห่าว มี 'คอนเนกชั่น' ที่แข็งแกร่งทั้งในไทยและในจีน ในปีต่อมา คือ 2018 ยังมีรายงานจากเว็บไซต์ Sohu อีกว่า
"ในปี 2008 ตู้ห่าว ซึ่งเป็นชายหนุ่มที่มีแววดีได้แต่งงานกับครอบครัวชาวไทยที่มีชื่อเสียง … พื้นเพของครอบครัว (ของภรรยา) ที่โดดเด่นได้ปูทางไปสู่ความสำเร็จในอาชีพการงานของตู้ ผู้ซึ่งมีความฉลาด กล้าหาญ และสร้างสรรค์" และ "หลังจากเกือบหนึ่งทศวรรษของการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีขนาดใหญ่ เขาได้กลายเป็นผู้นำที่แท้จริงในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทย"
Sohu รายงานว่า "แม้จะประสบความสำเร็จ แต่ ตู้ห่าว ยังคงทำตัวเป็นคนดีและกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือสังคมและไม่เคยลืมตอบแทนความกตัญญูกตเวที ด้วยสายสัมพันธ์ของครอบครัว เขามักจะช่วยเหลือชาวจีนโพ้นทะเลและผู้อพยพในการแก้ไขปัญหาในชีวิตและอาชีพของพวกเขาในประเทศไทยอย่างไม่เห็นแก่ตัว ด้วยหัวใจรักชาติ เขามีส่วนสนับสนุนอย่างแข็งขันในการรวมประเทศมาตุภูมิอย่างสันติและการพัฒนาโครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง เขาเป็นที่รู้จักในนาม "ตู้เยว่เซิง" ของชาวจีนโพ้นทะเลรุ่นใหม่!"
ตู้เยว่เซิง (杜月笙) เป็นบุคคลในประวัติศาสตร์ที่มีแซ่ (นามสกุล) เดียวกับตู้ห่าว ตู้เยว่เซิง คือ หัวหน้าแก๊งมาเฟียชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ โดยสร้างฐานะจากการค้าฝิ่นก่อนที่จะผันตัวมาเป็นเจ้าพ่อทางการเงิน เขาสนับสนุนเจียงไคเชกและก๊กมินตั๋งในการต่อสู้กับคอมมิวนิสต์และญี่ปุ่น แต่ก่อนที่เซี่ยงไฮ้จะถูกยึดครองโดยคอมมิวนิสต์ ตู้เยว่เซิงก็ได้ย้ายไปฮ่องกง โดยอาศัยอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1951 ชื่อเสียงของ ตู้เยว่เซิง นั้นเทียบกับ 'เจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้' ตัวจริงคนหนึ่ง
ตู้ห่าว ก็ถือเป็น 'เจ้าพ่อ' คนหนึ่งเหมือนกัน แต่ชื่อเสียงการเป็นเจ้าพ่อของเขาเริ่มที่จะฟุ้งกระจายหลังจากที่มีข้อกล่าวหาว่าเขาพัวพันกับธุรกิจสีเทา
กลับมาที่รายงานของ 'ย่าโจว โจวคาน' เมื่อปี 2022 ได้รายงานความสำเร็จของ ตู้ห่าว ในฐานะนักธุรกิจในไทยว่าเขา "มีส่วนร่วมในการสร้างรูปแบบคลาสสิกสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเพื่อเดินทางมาประเทศไทย โดยดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยค่าธรรมเนียมแบบกลุ่มที่ต่ำ ร่วมมือกับมัคคุเทศก์ ชักจูงให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายเงินในร้านขายเครื่องประดับ ร้านขายสินค้าจากยางพารา และแหล่งซื้อของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยวที่เปิดโดยบริษัทของเขา จากนั้นจึงแบ่งปันกำไรกับมัคคุเทศก์ ความสำเร็จของรูปแบบนี้ไม่เพียงสร้างปาฏิหาริย์ของการที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนหลายสิบล้านคนที่มาเยี่ยมชมประเทศไทยทุกปี แต่ยังได้วางรากฐานสำหรับข้อเสียต่างๆ เกี่ยวกับเรื่อง "ทัวร์ศูนย์เหรียญ" อีกด้วย โรคระบาดที่กินเวลานานสามปีได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่ออาณาจักรธุรกิจของ ตู้ห่าว ทำให้เขาหันไปทำอุตสาหกรรมสีเทา เช่น สื่อลามก การพนัน และยาเสพติด และเขาถูกสงสัยว่าฟอกเงินระหว่างประเทศ"
การจับกุม ตู้ห่าว ในเวลานั้นถือเป็นต้นกำเนิดแรกๆ ของคำว่า 'จีนเทา' และสื่อภาษาจีนรายนี้ยังให้ฉายากับเขาว่าเป็น "ห้าพยัคฆ์คนจีนแห่งธุรกิจสีเทา" (華人灰產五猛虎) แต่หลังจากที่ศาลไทยยกฟ้อง ตู้ห่าว ในข้อหายาเสพติด-ฟอกเงินแล้ว คำว่า "จีนเทา" และข้อกล่าวหาอื่นๆ เกี่ยวกับตัวเขาอาจจะต้องแก้ไขกันต่อไป ยกเว้นว่ากระบวนการยุติธรรมต่อเขาต้องดำเนินต่อไป เพราะคำตัดสินของศาลล่าสุดเป็นคำตัดสินของศาลชั้นต้นเท่านั้น
โดยทีมข่าวต่างประเทศ The Better
Photo - 汕头侨联