“ฟุตปาธไทย” เป็นของทุกคน ยกเว้นคนเดิน!
เป็นคำถามคาใจมานานแสนนานว่าตกลงแล้วทางเท้า หรือ ฟุตปาธของบ้านเรานั้นมันเป็นของใครกันแน่ เพราะยิ่งในเมืองใหญ่ๆ แล้ว พื้นที่การเดินแทบจะไม่เหลือให้คนที่สัญจรด้วยเท้าเลยแม้แต่น้อย
ยกตัวอย่างในกรุงเทพเมืองฟ้าอมร หลายๆ ย่านนั้นการเดินทางบนฟุตปาธจากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งแทบจะเหมือนการเดินวิบาก ด้วยสภาพพื้นที่ไม่ใคร่จะดีอยู่แล้วเรายังจะต้องหลบสารพัดสิ่งกีดขวางกันอีก บางจุดฟุตปาธก็เล็กกระจึ๋ง แต่ก็ไม่วาย ยังจะเอาของมาตั้งกันอีก และนี่คือสิ่งที่เราจะพบเจออยู่เสมอ
1 ร้านค้าผู้ยึดครอง : หาบเร่ แผงลอย ร้านอาหาร ที่ไม่มีการจัดระเบียบเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พื้นที่คนเดินเท้าลดน้อยถอยลงอย่างเห็นได้ชัด นึกภาพทางเท้าย่านสยามก่อนมีการจัดระเบียบสิ! ที่เดินในช่วงเย็นค่ำหายากยิ่งกว่าทองเสียอีก! การจัดระเบียบที่ดีจะทำให้มีจุดผ่อนผันที่ขายได้และจุดห้ามขายตามความเหมาะสม
2. ป้ายนู่น ป้ายนี่ ป้ายนั่น : ป้ายบอกทาง ป้ายโฆษณา ป้ายหมู่บ้านจัดสรร ป้ายหาเสียง (ที่ไม่เจอมานานมากแล้วเพราะยังไม่เลือกตั้งสักที) ที่ขาดการจัดวางที่ดี เดินๆ ไปป้ายหนึ่งอยู่ขวาเดินต่ออีกสามก้าว ป้ายโผล่มาทางซ้าย บางทีก็โผล่มากลางทางเดิน
3. เสาไฟมหัศจรรย์ : แยกออกมาจากบรรดาป้ายคือเสาไฟ เสาไฟฟ้านี่แหละ ที่บางทีตัวมันเองก็อยู่ผิดที่ผิดทาง ที่ต้องถามในใจว่า “พี่โผล่มาทำไมตรงนี้” แต่ยังดีที่ถนนบางเส้นเอาสายไปลงดินแล้ว ดูเป็นประเทศโลกที่หนึ่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
4. ป้อม? : ป้อมนี้ไม่ได้หมายถึงชื่อคนแต่อย่างใด แต่หมายถึงป้อมปฏิบัติงานต่างๆ ไม่ว่าจะทั้งป้อมงานจราจรหรือป้อมหน่วยงานต่างๆ ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนฟุตปาธจนเหลือที่คนเดินเพียงแค่ตรอกรูหนู
5. มอเตอร์ไซค์ตัวร้ายกับนายคนเดินตาดำๆ : คู่ปรับตลอดกาลของคนเดินเท้า แม้จะมีมาตรการจับ-ปรับ ผู้ที่ขับขี่บนฟุตปาธแล้วก็ตาม แต่ก็มิอาจนำพาสักเท่าไหร่ ซึ่งบางครั้งเราก็สงสัยว่าเอ๊ะ…เธอมีสิทธิ์อะไรมาบีบแตรไล่ฉันบนทางเท้ากันล่ะนี่
6. “สิ่งนี้” มันเป็นของบ้านใคร : เรื่องของจิตสำนึกบางครั้งก็ห้ามกันไม่ได้ เมื่อทางเท้าเป็นของสาธารณะ แต่บางบ้านหรือบางคนกลับเอาข้าวของมาตั้งให้ระเกะระกะเสียนี่ รวมไปถึงการเอารถทั้งคันขึ้นมาจอดบนทางเท้า แล้วคนจะเดินยังไง? ก็ต้องลงไปเดินเลี่ยงที่ถนนเสี่ยงรถชนแทนยังไงกันเล่า
นี่ยังไม่พูดถึง “สภาพ” ของฟุตปาธที่อิฐบล็อคโยกเยกไปมา, การปูพื้นที่ไม่แน่นหนาพอจนทำให้เดินแล้วน้ำกระเซ็น, พื้นที่ปูเรียบไม่เท่ากัน, การรองรับผู้พิการที่ขาดๆ เกินๆ เพราะถ้าเอาเรื่องเหล่านี้มาร่วมด้วย ฟุตปาธไทยเรียกได้ว่าย่ำแย่เกินคณา
เรื่องปัญหาทางเท้าที่ไม่มีที่เดินอาจจะฟังดูเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ไอ้สิ่งเล็กๆ นี่แหละ ที่จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงเรื่อง “จิตสำนึก” ได้เป็นอย่างดี หากมองเรื่องของประโยชน์สาธารณะมาก่อนตัวเองและใส่ใจประชาชนมากขึ้นอีกสักนิด ปัญหาเรื่อง “ฟุตปาธไทย เป็นของใครๆ แต่ไม่ใช่คนเดิน” ก็จะทุเลาลงไปอย่างเห็นได้ชัด และเป็นก้าวหนึ่งที่สำคัญในการนำเราไปสู่ “ประเทศที่พัฒนาแล้ว” ได้เลยล่ะ