โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

4 ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "การวิเคราะห์ทางเทคนิค"

Finnomena

อัพเดต 05 มี.ค. 2561 เวลา 07.19 น. • เผยแพร่ 05 มี.ค. 2561 เวลา 07.11 น. • Monkey Money
4 ข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทางเทคนิค

การวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือการใช้กราฟ เป็นแนวทางที่นักลงทุนหรือเทรดเดอร์รุ่นใหม่นิยมใช้มาเป็นเวลานาน จนเกิดเป็นหลักสูตรการสอน หนังสือ ฯลฯ ที่เกี่ยวกับการใช้กราฟจำนวนมาก แต่ยังมีผู้ที่เข้าใจคลาดเคลื่อนถึงหัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคอยู่ค่อนข้างมาก ไปดูกันว่ามีเรื่องอะไรบ้างและความจริงคืออะไร

หนึ่ง..กราฟเทคนิคเป็นเพียงตัวช่วยวางแผนการเทรด ไม่การันตีความเป๊ะ

ผู้ที่ใช้กราฟในการเทรด หลายคนคิดไปว่าเป็นเครื่องมือที่มีความแม่นยำ 100% แต่ในความเป็นจริงแล้ว เครื่องมือต่างๆที่นำมาใช้เป็นเพียงสิ่งที่นำมาใช้ในการวางแผนเท่านั้น พูดง่ายๆคือเป็นเพียงการคาดการณ์ “ความน่าจะเป็น” เช่น ช่วยกำหนดจุดซื้อ จุดขายและจุดตัดขาดทุน ไม่ได้หมายความว่าราคาจะเป็นตามที่เครื่องมือบอกเสมอไป

ตัวอย่างเช่น เครื่องมือเทคนิคที่เราใช้ประจำอาจบอกว่าราคาเป้าหมายของหุ้นตัวหนึ่งอยู่ที่ 20 บาท ปรากฎว่าราคาไปไม่ถึงเป้าหมายก็เปลี่ยนทิศทางเป็นขาลงไปเสียก่อน แต่เรายังยึดติดว่ามันจะต้องถึงเพราะเครื่องมือบอกเช่นนั้น ในความเป็นจริงคือในตลาดหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เทรดเดอร์จึงต้องวางแผนป้องกันความเสี่ยงด้วยการกำหนดจุดตัดขาดทุนไว้ทุกครั้งหากผิดแผน

สอง..ใช้เครื่องมือให้มากที่สุดยิ่งมีความชัวร์มากเท่านั้น 

เทรดเดอร์มือใหม่หลายคนที่เรียนการใช้เครื่องมือหรือ Indicator มา จะรู้สึกร้อนวิชาอยากใช้ประกอบการวิเคราะห์ไปหมด เรียกได้ว่าบางทีเปิดหน้าจอมามีเครื่องมือเต็มไปหมดจนรกจอ เพราะคิดว่าไปหากยิ่งมีตัวช่วยเยอะเท่าไรก็ยิ่งชัวร์เท่านั้น

ความจริงแล้ว เราควรเลือกเครื่องมือเทคนิคเพียงแค่ไม่กี่ชิ้นก็เพียงพอแล้ว เพราะยิ่งใช้มากเท่าไรจะยิ่งสับสนมากเท่านั้น เพราะเครื่องมือแต่ละชิ้นจะมีการใช้งานที่ต่างกัน เช่น บางตัวใช้เพื่อคอนเฟิร์มทิศทางระยะสั้นบางตัวคอนเฟิร์มระยะยาว ถ้าเอามาใช้พร้อมกันจะตีกันเอง (ยกตัวอย่าง เราไม่เคยเห็นใครใช้ทั้งดาบและหอกในเวลาเดียวกัน เพราะหน้าที่มันต่างกัน) เราจึงควรศึกษาการใช้เครื่องมือให้ครบและเลือกใช้ให้ตรงกับจริตของเราดีกว่า

สาม..มี Trade Setup ที่สมบูรณ์แบบบนโลกนี้ 

เทรดเดอร์หลายคนที่ได้ไปเรียนกับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบความสำเร็จซึ่งแต่ละคนจะมีหน้าเทรด หรือที่เรียกว่า Trade Setup ของตัวเองที่ทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ ผู้ไปเรียนกลับมั่นใจในวิชานั้นๆเต็มที่และคิดว่าเป็นเครื่องมือที่สมบูรณ์แบบ

แต่ในความเป็นจริง ไม่มี Trade Setup ของใครที่สมบูรณ์แบบที่สุด อาจจะดีที่สุดในบางช่วงเวลาที่ต่างกัน ดังนั้นอย่าไปยึดติดกับวิชา เพราะอาจารย์ที่ไปเรียนมา ล้วนแล้วแต่มีทั้งประสบการณ์ที่ดีและแย่ด้วยกันทั้งสิ้น

สี่..เป็นนักลงทุนปัจจัยพื้นฐานห้ามนำปัจจัยเทคนิคมาใช้ 

จริงอยู่ว่าเราควรเลือกใช้แนวทางใดแนวทางหนึ่งให้ชัดเจน ไม่เช่นนั้นจะสับสนในแนวทางการลงทุน อย่างที่มีคำพูดว่า วีไอจำเป็น (ตอนซื้อใช้ปัจจัยเทคนิคแต่พอติดหุ้นไปอ้างว่าดูปัจจัยพื้นฐาน) แท้จริงแล้วนักลงทุนที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน (ยกเว้นวีไอสายฮาร์ดคอร์) ก็สามารถนำกราฟเทคนิคไปใช้ได้เช่นกัน แต่อาจมีสัดส่วนเพียง 20% และใช้ให้เหมาะสม เช่น ใช้ไทม์เฟรมระดับเดือนเพื่อยืนยันแนวโน้ม ส่วนเทรดเดอร์สายกราฟ ก็สามารถใช้ปัจจัยพื้นฐานมาประกอบได้เช่นกัน เช่น เลือกหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดี แนวโน้มที่หุ้นจะขึ้นย่อมมีสูงกว่าหุ้นพื้นฐานแย่ เป็นต้น

และนี่คือ 4 ข้อที่คนใช้กราฟเทคนิคมือใหม่หลายคนยังเข้าใจผิดอยู่ สรุปก็คือเทรดเดอร์ควรที่จะเข้าใจ “หลักปรัชญา” หรือหัวใจสำคัญของการใช้เครื่องมือทางเทคนิคให้เข้าใจ มากกว่าไปให้ความสำคัญกับการนำเครื่องมือไปใช้ทำกำไรให้ได้เท่านั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลาที่เราเรียนวิชาป้องกันตัวอย่าง ยูโด คาราเต้ เทควันโด คลาสแรกคือการเรียนหลักปรัชญาของวิชาเสียก่อน ไม่ใช่ไปเรียนกระบวนท่า ขอให้ทุกท่านโชคดีกับการลงทุนครับ

โดย Monkey Money

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...