ถาม…
ด้วยความเคารพนะครับ อยากให้พี่พศินลองแนะแนวทางการทำบุญในแง่มุมที่มากกว่าการถวายสังฆทาน การใส่บาตร การถวายปัจจัย ให้หน่อยครับ
ผมเองพอทราบเล็กๆ น้อยๆ ว่าการมีสติกับตนเองก็เป็นหนึ่งในการสร้างบุญที่นอกเหนือไปจากการทำทาน แต่อยากทราบว่ามีทางไหนอีก เพื่อจะได้เอาไปปฎิบัติเอง และเผยแพร่ให้กัลยาณมิตรอื่นๆ ด้วยครับ ขอบคุณครับ
ตอบ…
บุญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั้นมันมาจากตัวตนของเรา หมายความว่า..
ถ้าเราทำตนให้เป็นคนที่คิดดี พูดดี ทำดีได้ นั่นถือว่า เป็นบุญสูงสุด และเป็นต้นกำเนิดของบุญทั้งหมด เพราะเมื่อเราเป็นคนดี เราก็จะเมตตาผู้อื่น เมื่อเราเมตตาเขา เราก็อยากช่วยเหลือเขา เมื่อเราช่วยเหลือเขา เราก็จะยินดีกับเขา เมื่อยินดีกับเขา เราก็จะรู้จักวางเฉยเมื่อเกิดสิ่งไม่ดีขึ้นกับเรา
ตรงนี้สำคัญมากกว่าการเข้าวัดทำบุญ สำคัญมากกว่าการสวดมนต์ สำคัญมากกว่าการรักษาศีล สำคัญมากกว่ากฏเกณฑ์ทั้งหลายที่ระบุไว้ในตำรา เพราะตัวตนของเราคือรากฐานของความดี และความชั่วทั้งหมดในชีวิตของเรา
อยากให้เรามองจิตใจของตนเองเป็นงานศิลปะ ส่วนตัวเรานั้นเป็นเหมือนศิลปินที่กำลังสร้างงานศิลปะชิ้นนี้ ขอให้คิดว่า ทำอย่างไร จิตใจหรืองานศิลปะชิ้นนี้จะสวยงามกว่าเมื่อวาน สร้างใจของเราให้มันสวย ให้มันดีขึ้นทุกวัน เรื่องแบบนี้ไม่ต้องแข่งกับใคร คนอื่นเขาเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขา
เราแข่งกับตัวเอง ตอบตัวเองได้ว่า เราจะดีขึ้นทุกวัน ทำให้ศิลปะในใจของเราให้มันสวยและมีคุณค่ามากขึ้นทุกวัน หลักธรรมทุกข้อในศาสนาพุทธล้วนโยงมาสู่สิ่งนี้เท่านั้นเอง ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะสอนสิ่งใดก็เป็นไปเพื่อการทำดี ละชั่ว ทำจิตให้บริสุทธิ์ หลักธรรมในหมวดศีล สมาธิ ปัญญา ก็เป็นไปเพื่อทำให้จิตบริสุทธิ์
ดังนั้น วิธีที่เข้าถึงตรงที่สุด ลัดสั้นที่สุดก็คือ ทำลงไปที่ใจ พยายามเปิดใจของเราให้มันกว้างขวาง ทำลายความเป็นเรา เขา เธอ ฉัน ให้ได้มากที่สุด พยามยามคิดว่า ผู้อื่นเป็นคนในครอบครัวของเรา มองสุนัขหนึ่งตัวก็มองว่า มันก็มีหนึ่งชีวิตเท่าๆกับเรา เขาทำผิด ก็มองว่า เรายังผิดได้ ทำไมเขาจะผิดไม่ได้
ให้มองเลยคำว่าผิด หรือถูกไปสู่ความเข้าใจและให้อภัย ถูกคนเอาเปรียบไปบ้าง ก็มองว่า เราให้เขาจะเป็นไรไป คนอื่นด่าว่าเราไปบ้าง ก็มองว่า ถ้าเขาด่าแล้วสบายใจ เราก็ให้เขาด่า ช่วยให้เขามีความสุข เรื่องเหล่านี้มันคงทำได้ไม่ง่าย แต่ก็มีทางเป็นไปได้ ถ้าเราฝึกทำบ่อยๆ ทำสิ่งเหล่านี้บ่อย ๆ แล้วจิตมันจะเปลี่ยนของมันเอง อะไรที่เคยโกรธก็จะไม่โกรธ อะไรที่เคยคิดว่า ฉันไม่ยอมก็จะยอมได้ง่าย ๆ
นี่คือการเปลี่ยนแปลงจิตของตนเองให้กลายเป็นจิตพระโพธิสัตว์ เมื่อใช้จิตแบบนี้ไปทำทาน อานิสงค์ของทานก็จะสูงมากกว่าการทำทานของคนทั่วไป เพราะผู้ที่ทำมีจิตบริสุทธิ์
เมื่อใช้จิตแบบนี้ไปทำสมาธิ มันก็จะได้สมาธิ ได้ฌาน ได้ญาณ
เมื่อใช้จิตแบบนี้ไปทำวิปัสสนา มันก็จะมีโอกาสเข้าถึงปัญญาสูงสุด บรรลุสู่ความเป็นอริยบุคคลได้
ใจของเรานั้นเหมือนกับดิน ส่วนการทำบุญต่าง ๆ นั้น เปรียบได้กับต้นไม้ ทำดินของเราให้มันอุดมสมบูรณ์เอาไว้ก่อน ถ้าดินสมบูรณ์แล้ว เราจะเอาต้นอะไรมาปลูก มันก็จะออกดอกออกผลได้อย่างรวดเร็ว
เป็นกำลังใจให้ทำสิ่งดี ๆ ต่อไปครับ…
ความเห็น 9
Yongyuth
ทำบุญแล้วต้องได้กุศลด้วยจึงเป็นบุญที่ไม่มีโทษเพราะทำด้วยปัญญาแต่บางท่านทำบุญโดยหวังว่าจะได้ สิ่งนั้นสิ่งนี้มันเป็นกิเลส โลภะ ดังนั้น มันจึงเป็นการทำบุญที่ไม่บริสุทธิ์ เพราะจะนำไปสู่การเกิด จึงไม่ใช่ทำบุญเพื่อพ้นทุกข์ ตามหลักทางสายกลางคือเป็นการทำบุญในปิดทองหลังพระ ละ ความยึดมั่นถือมั่นในตัวกูของกูขณะทำบุญสุนทรทาน
28 ต.ค. 2562 เวลา 02.16 น.
Yongyuth
การ ที่จะทำใจได้ ก็ต้องเป็นผู้มีบุญบารมี อย่างนั้น ผู้ที่ทำใจปล่อยวางได้ ก็เพราะเขาเป็นผู้ กี่เคยเสียสละ คือมี จาคานุสสติ อยู่เ เสมอเสมอ
26 ต.ค. 2562 เวลา 13.49 น.
Yongyuth
ทำดีโดย ไม่ต้องแข่งดีเรียกว่าทำดี แป๊บปิดทองหลังพระ เป็นการละตัวกูของกู นำไปสู่ ความ ว่าง จากตัวตน เรียกว่าสลายตัวกูของกูหรือตัวมานะอันเป็นสังโยชน์ข้อที่ 8 ซึ่งจะรับได้เฉพาะ กำลังของพระอรหันต์ หรืออรหัตตมรรค เท่านั้น
26 ต.ค. 2562 เวลา 12.06 น.
Yongyuth
ทำใจมันต้องมีปัญญา ซึ่งเป็นกุศลจิต ชนิดมีปัญญา ส่วนทำบุญแต่ขาดปัญญาคือว่าทำบุญ แต่ไม่ได้กุศล ได้แต่บุญ
20 ต.ค. 2562 เวลา 15.07 น.
น้อง จันจิ
สาธุค่ะ🙏🙏🙏
14 ต.ค. 2562 เวลา 12.20 น.
ดูทั้งหมด