ญี่ปุ่นในอดีตก็คล้ายกับอีกหลาย ๆ เมืองทั่วโลก ที่มีมุมมืดอย่างธุรกิจค้าประเวณีอยู่ แต่ที่แตกต่าง คือธุรกิจดังกล่าวนี้ ทำอย่างยืนยงภาคภูมิ พัฒนาต่อเนื่องนานหลายร้อยปี จนคล้ายมีโลกส่วนตัวของตัวเอง ในเวลาต่อมา แม้ธุรกิจดังกล่าวจะถูกทำลายลง แต่เรื่องราวทั้งหลาย ก็คล้ายเป็นประวัติศาสตร์ส่วนมืด ที่น่าค้นหาที่สุดเรื่องหนึ่ง
วันนี้เราจะพาเที่ยวย่านโคมแดงแห่งเอโดะ“โยชิวาระ” กันค่ะ
ออกจากสถานีรถไฟใต้ดินมิโนวะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เราก็พบสี่แยกขนาดใหญ่ เดินตรงไปตามทางอีกพักหนึ่ง เราพบตัวเองอยู่ไม่ไกลจากปั๊มน้ำมันเล็ก ๆ ด้านหน้ามีเสาขนาดใหญ่ ตั้งป้ายเขียนไว้ว่า
‘Yoshiwara O-mon’
ประตูใหญ่แห่งโยชิวาระ
ณ เวลานี้มันเป็นเสาตั้งป้ายบอกทางบนถนนเส้นใหญ่ย่านมิโนวะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น แต่หากย้อนกลับไปเมื่อสักร้อยกว่าปีก่อน ที่แห่งนี้คือประตูที่ไม่อาจหวนกลับ ของย่านโคมแดงโยชิวาระ เมืองแห่งคณิกาและการเริงรมย์
ฝนตกปรอย ๆ ตลอดเวลาที่เราเดินมา และฟ้าเหนือกรุงโตเกียววันนี้ก็ดูขมุกขมัว
หลายปีก่อนเราบังเอิญได้ดูหนังที่ “ส่งเสริมโดยองค์กรการท่องเที่ยวญี่ปุ่น” ชื่อเรื่อง Sakuran (2007) เนื้อหาเกี่ยวกับเด็กหญิงคนหนึ่ง เกิดในครอบครัวยากไร้ และถูกขายเข้าสู่ซ่องแห่งหนึ่งในโยชิวาระ
โลกภายนอกที่แห้งแล้ง อดอยากปากแห้ง อับจนหนทาง ช่างต่างจากโลกแห่งแสงสีสวยงาม เสียงหัวเราะ ดนตรีครึกครื้น ภายในโยชิวาระเพียงประตูใหญ่กางกั้น
ประมาณปี 1617 ภายใต้การปกครองแบบอภิชนาธิปไตย สภาขุนนางผ่านร่างกฏหมายการจัดการสถานเริงรมย์ บังคับให้ซ่องทุกแห่งย้ายเข้าไปอยู่รวมกันในเขตพิเศษ เรียกว่าเขตโยชิวาระ
เบื้องหลังการออกกฏนี้ แม้ยังประโยชน์แก่กลุ่มนายทุนการค้าสีเทาในยุคนั้น แต่ก็เพื่อป้องกันการใช้ซ่องเป็นแหล่งประชุมซ่องสุมก่อกบฏ ย่านโคมแดงโยชิวาระจึงถือกำเนิดขึ้น พร้อมกฏบางอย่างที่แปลกตา เช่น การปลดอาวุธก่อนเข้าเขต การลงทะเบียนเข้าออกอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการจำกัดการเข้าออกของคนในอย่างเหล่านางโลม
เวลาผ่านไป แม้โยชิวาระคงสถานะเป็นเพียงย่านหนึ่งในเอโดะ (โตเกียวโบราณ) แต่กฏซึ่งแบ่งแยกย่านอย่างเคร่งครัด พร้อมกิจการที่แปลกแยก ทำให้โยชิวาระค่อย ๆ กลายร่างเป็นเมืองอันเป็นเอกเทศเมืองหนึ่ง ที่มีประเพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง
โยชิวาระโอมง ประตูใหญ่แห่งนี้ที่ตั้งตระหง่านหลายร้อยปี จึงกลายเป็นหลักชัย
สำหรับเหล่าชายหนุ่ม คือทางเข้าแห่งแดนสวรรค์รำไร
สำหรับเด็กหญิงคนหนึ่ง คือจุดผ่านแห่งเส้นทางที่ไร้ทางหวนกลับ
ชีวิตในโยชิวาระไม่ง่ายนัก
หลังพ่อแม่จากไป (พร้อมเงิน) เด็กหญิงถูกส่งไปเป็นคามุโระ (เด็กหญิงรับใช้) ของคณิการะดับชั้นโอยรันนางหนึ่ง พี่หญิงผู้เป็นนาย แม้อารมณ์ร้าย แต่ก็มีเมตตาอยู่ในที
ด้วยนิสัยดื้อแพ่งแต่หัวไว และรูปโฉมที่คมคายน่ารัก นายท่านของซ่องเห็นแววฉายชัด อนุญาตให้เธอเล่าเรียนเขียนอ่านศิลปวิทยาการ หวังปั้นเธอเป็นคณิกาชั้นสูงที่เฉิดฉาย
คามุโระตัวน้อยแม้ไม่ชอบใจ แต่ก็เติบโตสวยงามขึ้นเป็นลำดับ
คืนหนึ่งเธอตกใจตื่น ด้วยได้ยินเสียงร้องครางของพี่หญิงโอยรัน เธอคลานเข้าหา และค่อยเลื่อนเปิดฉากบังตาออกทีละน้อย
เธอเห็นพี่หญิงเปลือยเปล่า ดิ้นรนร้อนเร่าอยู่บนตัวชายชนชั้นสูงผู้หนึ่ง เด็กหญิงได้แต่ตกตะลึง ฉับพลันนั้นพี่หญิงก็หันมา ดวงตากลมโตสองคู่สบกัน
พี่หญิงกลับคลี่ยิ้มน้อย ๆ ให้เธอ
ทั้งภาคภูมิ ทั้งขมขื่น ทั้งเย้ายวนใจ
สินค้ามีชื่อที่สุดในโยชิวาระ มิใช่นางโลมใจกล้ากักขฬะ หากแต่เป็นกุลสตรีดีงามล้ำเลิศ
โยชิวาระแบ่งคณิกาออกเป็นหลายระดับ ตามรูปโฉม ระดับการศึกษา รสนิยมศิลปะ และความสามารถส่วนตน
คณิกาชั้นล่างต้องนั่งตู้กรงให้ลูกค้าเลือกสรร คณิกาชั้นกลางมีนายหน้าจัดหา และคณิกาชั้นสูง โดยเฉพาะชั้นบนสุดเยี่ยงโอยรัน ไม่เพียงมีนายหน้าช่วยคัดสรร ยังมีสิทธิปฏิเสธลูกค้าได้ตามใจ
ว่ากันว่า หากชายคนหนึ่งอยากร่วมเรียงเคียงหมอนกับโอยรันสักครั้ง ไม่เพียงต้องทุ่มเงินจ่ายค่าพบปะ ยังต้องพบถึง 3 ครั้ง กว่าที่โอยรันผู้นั้นจะตัดสินใจ ยินยอมมีสัมพันธ์กันหรือไม่สักครั้ง
การชนะใจโอยรัน กลายเป็นกิจกรรมการแข่งขัน ที่ชายชั้นสูงกระหายอยากชนะแทบขาดใจ
โยชิวาระจึงประหนึ่งสวรรค์บนดิน สำหรับบุรุษเพศและธุรกิจสีเทาในยุคนั้น
แต่สตรีเหล่านั้น เหล่าคณิกาเป็นเช่นไร คงไม่มีผู้ใดหยั่งรู้จิตใจเธอ
“ดอกพลัมเคยสะพรั่ง
กลับหลุบต่ำลู่หลบลมลมแรงสุดทานทน
หวังสักครั้งบานอีกครา”
-บทกวีของคณิกาชั้นสูงนาม Hana-ogi-
("The plum-blossoms that tightly closed themselves in order not to be shaken by a merciless wind may be found in bloom next Spring.")
ไม่นานจากนั้น พี่หญิงโอยรันก็ถูกซื้อตัวไป โดยไดเมียวที่ฐานะมั่งคั่งผู้หนึ่ง ก่อนจากกัน พี่หญิงมอบปิ่นปักผมให้เธอ
“ถ้าอยากออกจากนรก ก็จงปีนขึ้นมาเอง”
ไม่กี่ปีจากนั้น เด็กหญิงก็พบตัวเองในชุดนางโลมชั้นล่าง นั่งอยู่หลังตู้กรงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ใต้ต้นสนที่ร่วงโกร๋น ไม่ไกลจากโรงพยาบาลไทโตะ เรายืนอยู่หน้าศาลเจ้าเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
‘Yoshiwara - jinja’ ศาลเจ้าแห่งโยชิวาระ
บนแผ่นดินแห่งเทพเจ้าพันแปดร้อยองค์อย่างญี่ปุ่น คณิกาไร้รากก็มีเทพให้ยึดเหนี่ยวจิตใจเช่นกัน ศาลเจ้าโยชิวาระข้ามผ่านเวลาหลายร้อยปี
เยื้องกันมีสวนเล็ก ๆ เป็นซากที่เหลือของบึงน้ำขนาดใหญ่ ที่เป็นทั้งที่พักผ่อนหย่อนใจ และที่หลบภัยของคณิกา บัดนี้เหลือเพียงสระน้ำเล็ก ๆ และพระพุทธรูปพระโพธิสัตว์ไม่กี่องค์ เหม่อมองส่ิงรอบด้านที่ผันแปรตลอดเวลา
หลังปี 1958 ญี่ปุ่นผ่านร่างกฏหมายห้ามค้าประเวณี การค้าบริการทางเพศอย่างโจ่งแจ้ง เป็นล่ำเป็นสัน ภายในโยชิวาระค่อย ๆ หมดไป พร้อมกำแพงและประตูใหญ่ที่ถูกทลาย โยชิวาระสิ้นชื่อไปในที่สุด
ฝนที่ตกปรอย ๆ เริ่มตกหนักและแรงขึ้นเรื่อย ๆ เราวิ่งกลับไปทางสถานีรถไฟฟ้า บ้านเรือนสองฟาก บ้างมีเค้าความโบราณสมัยโยชิวาระรุ่งเรือง บ้างเป็นตึกสมัยใหม่ แปะป้าย soap land
เราวิ่งไปบนถนน Naka no cho นั่นเอง
เวลาผ่านไป จากนางโลมชั้นล่าง เด็กหญิงค่อย ๆ เลื่อนขั้น ผ่านชั้นกลาง ก้าวสู่คณิกาชั้นสูง ขึ้นเทียบเคียงโอยรัน นางโลมผู้เป็นหนึ่งขณะนั้นในที่สุด
แต่วันหนึ่งก็เกิดเหตุไม่คาดฝัน โอยรันผู้นั้น กระทำ “shinju” หรือการฆ่าตัวตายคู่พร้อมชายคนรัก สังเวยความฝันที่ไม่อาจเป็นจริงได้
ศพของนางและคู่รัก ถูกมัดประจาน และโยนทิ้งไว้เยี่ยงสุนัขข้างวัดแห่งหนึ่ง
เด็กหญิงแม้กระหยิ่มยิ้มในใจ กับตำแหน่งโอยรันที่กำลังตกมา แต่ความรักท่วมท้นที่เห็นกับตา พาให้ความรู้สึกลี้ลับในใจฟูฟ่องขึ้น
เธอหันมองหา “เขา” ของเธอ เขาที่ทำงานจิปาถะอยู่ในซ่องแห่งนี้
การออกจากโยชิวาระกระทำได้หลายทาง
หนึ่งคือไถ่ตัวออกไป
คณิกาบางนางพยายามเก็บออม ไถ่ตัวของตนออกจากนรกแห่งนี้ โชคร้ายข้าวปลาเครื่องแต่งกายที่พวกนางใช้หากิน กลับถูกนายท่านบวกรวมกับหนี้สิน ทำให้วิธีการนี้แทบเป็นไปไม่ได้
แต่การหาเศรษฐีสักคนมาไถ่ตัวให้ อาจเป็นหนทางที่ง่ายกว่า และเป็นความฝันของคณิกาทุกนางในโยชิวาระ
สองคือหนีออกไป
แต่เพราะโยชิวาระ คือย่านค้ามนุษย์ถูกกฏหมาย หากพวกนางหนีออกไป ย่อมต้องกลายผู้ร้ายและถูกตามล่า ตลอดประวัติอันยาวนาน แทบไม่มีสตรีนางใดหลุดรอดไปได้
สามคือความตาย
ทางเลือกสุดท้ายอันแสนสบาย ที่จะได้ปลดปล่อยพวกเธอจากชีวิตอันโหดร้าย จากฝันอันแสนเศร้าที่ไม่เคยจบลงนี้เสียที
เราวิ่งมาตามทาง จนใกล้ถึงสถานีมิโนวะ ฝนก็หยุดตกพอดี จึงวนไปด้านหลังสถานี เพื่อไปที่วัดแห่งหนึ่ง
‘Jokan-ji’ วัดแห่งการโยนทิ้ง
ตัววัดเงียบสงัดจนได้ยินเสียงหายใจ เราเดินเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ นึกไม่ถึง พระญี่ปุ่นรูปหนึ่ง เหมือนเดาได้ว่าเรามาเพื่ออะไร จึงผายมือบอกทางให้เราเดินเข้าไป ยังสุสานโบราณแห่งหนึ่ง
แท่งหินเรียวฝังเรียงเป็นระเบียบ ยิ่งขับให้บรรยากาศนิ่งสงบ เงียบสงัด พลันเห็นแท่งหินสลักขนาดใหญ่แปลกตา ด้านหน้า มีของเซ่นไหว้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่เป็นระเบียบวางอยู่
เหล่านางโลมมีชีวิตไม่ยืนยาวนัก ส่วนหนึ่งไม่อาจทนชีวิตอันมืดดำ สังหารตนลาจากโลกไป อีกส่วนพวกนางมักติดโรคร้าย และถูกโยนทิ้งไว้ในห้องทึบ ป้องกันโรคระบาด จึงเสียชีวิตกันมาก ในวัยอันไม่สมควร
เหล่านางโลมที่เสียชีวิตอย่างไร้ญาตินำฝัง ไม่ว่าจะตายเพราะเหตุใดก็ดี ต่างถูกโยนทิ้งไว้ข้างวัดแห่งนี้ มีสภาพไม่ต่างกับสัตว์ตายซากหนึ่ง
ท้ายสุดหลุมศพไร้ญาติจึงถูกสร้างขึ้น ยามมีชีวิตแม้ไร้ค่าไร้ราคา แต่ยามตายอย่างน้อยมีดินกลบหน้า เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้ว
ไม่นานจากนั้น เด็กหญิงขึ้นสู่ตำแหน่งโอยรันคนใหม่ ทั้งสวยงามเฉลียวฉลาด ทั้งร้อนแรงเย้ายวนใจ
ในขบวนแห่โอยรันคนใหม่ เด็กหญิงที่บัดนี้เป็นสาวงาม สวมกิโมโนหรูหรา เครื่องประดับสูงค่า รายล้อมด้วยบริวาร ค่อยเยื้องย่างในท่าเฉพาะ เฉิดฉายไปบนถนน Naka no cho
เธอปีนป่ายมาถึงจุดสูงสุดของนรกแล้ว ณ บัดนั้น
ขุนนางหนุ่มผู้หนึ่งลอบมองและหลงรักเธอ หลังพบหน้าร่วมสัมพันธ์ ไม่นานเขาขอไถ่ตัวเธอไปอยู่ร่วมกัน ที่โลกภายนอก จะไม่มีกำแพงกางกั้นเธออีกต่อไป
ภาพยนตร์เรื่องนั้นจบลงในคืนก่อนส่งตัวเธอออกจากโยชิวาระ
เด็กหญิงลูบไล้ปิ่นปักผมที่พี่หญิงเคยมอบให้ ก่อนจะส่งต่อให้คามุโระที่รับใช้เธอ
มีคนกล่าวว่า สำหรับเหล่าคณิกาแล้ว
แม้พันคนมอง
แม้ร้อยคนซื้อ
เหลือสิบคู่เคียงเพียงหนึ่งหัวใจรัก
-แพร่หลายในวรรณกรรมยุคหลัง ไม่ทราบชื่อผู้แต่ง-
(Thousand hawkers,
Hundred customers,
Ten clients,
And one lover.)
คืนนั้นซากุระที่ริมถนน Naka no cho ผลิบาน เด็กหญิงและเขาคนนั้นกลับได้พบกัน ใต้แสงจันทร์ ใต้ดอกซากุระที่สั่นไหว พวกเขาก็ลอบหนีออกไปจากโยชิวาระด้วยกัน
เพื่อสัมผัส เพียงชั่วเสี้ยววินาทีแห่งอิสรภาพ
แม้เรื่องจะจบแบบให้เราคิดต่อ แต่ฮิกุราชิโอยรัน หรือเด็กหญิงตามท้องเรื่องคนนั้น คงตายพร้อมชายคนรักของเธอ หรือบางทีพวกเขาอาจฆ่าตัวตายพร้อมกัน ไม่ไกลจากวัดแห่งนี้
มองกลับไปที่หินสลัก เพิ่งสังเกตว่า ใครคนหนึ่งซื้อปิ่นปักผมเล็ก ๆ มาเซ่นไหว้
ฝนหยุดตกแล้ว กลิ่นดินหอมลอยล่องในอากาศ ฟ้าเปิดออก แสงแดดอ่อน ค่อยๆส่องลงมาต้องหินสลัก
เราพนมมือ อธิษฐานบางอย่างในใจ
อ้างอิง
De Becker, J. E. (1971). Nightless City: Or the History of the Yoshiwara Yukwaku. Tuttle Publishing.
Sakuran (2007)
ติดตามบทความใหม่ ๆ จากเพจวันนี้ชั้นติ่งอะไรได้ทุกวันอังคารที่ 2 และ 4 ของทุกเดือน บน LINE TODAY และหากสามารถอ่านบทความอื่น ๆ ได้ที่เพจวันนี้ชั้นติ่งอะไร
ความเห็น 8
แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมอ่านบทความนี้แล้วทำให้นึกถึงในเรื่องของการค้ามนุษย์ไปได้.
12 พ.ย. 2562 เวลา 04.16 น.
Pao Pao
ขอบคุณที่เขียนบทความดีๆ ให้อ่านอีกแล้วนะคะ
อ่านแล้วรู้สึกเศร้าจริงๆ ค่ะ สงสารหญิงสาวมากมายที่ถูกทิ้งให้ตายจากไปด้วยความผิดหวังในชีวิต ปิ่นปักผมที่มีคนนำมาเซ่นไหว้นั้น เห็นแล้วคงแอบสะเทือนใจ
12 พ.ย. 2562 เวลา 02.23 น.
คงไม่ต่างอะไรมากกับหนังเอวีเบื้องหน้าที่เราดู แต่เบื้องหลังนั้นอาจมีบางคนที่ประสบชะตาคล้ายกันเพียงแต่เปลี่ยนรูปแบบเป็นอย่างอื่นเท่านั้น
12 พ.ย. 2562 เวลา 03.57 น.
วีถีปลาดิบยังคงมีให้เห็นทั่วไป จวบจนบัดนี้ก็ยังคงค้าบริการ แลกเพียงความอยู่รอดไปวันๆมันคือค่านิยมของบุคคล และพวกแก๊งค์ยากูซ่าที่ค้ากำไรจากเรืองร่าง วิถีชีวิต วนเวียนไปไม่วันจบ สตรีญี่ปุ่นถึงไม่ค่อยมีสิทธิ มีการแสดงออกมากมายนัก นี่แหละวัฎจักรของบูชิโด และ เกอิชา
12 พ.ย. 2562 เวลา 06.41 น.
Kimji♾ Allianz💙💜
🚨เบาหวาน หลายปี ไม่ดีขึ้น!
#สมุนไพร ผู้ใช้จริงบอกต่อ🌿
🔥ICAN มีส่วนช่วย🔥
❌มือเท้าชา เจ็บปลายมือเท้า
❌สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด
❌อ่อนเพลีย ไม่มีแรง
❌ปัสสาวะบ่อยกลางคืน มดขึ้น
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ปรึกษาปัญหา
โทร.063-916-8968
🐛บำรุงร่างกาย จากภายใน🐛
✅ฟื้นฟูตับอ่อน ไต หัวใจ
✅ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
✅ควบคุมความดัน
✅บำรุงสายตา
✅นอนหลับสนิทมากขึ้น
🔥โปรโมชั่นพิเศษสุด สำหรับวันนี้เท่านั้น!🔥
🚚ส่งด่วนฟรีทั่วประเทศไทย
🚚เก็บเงินปลายทางก็มีนะคะ
10 ธ.ค. 2562 เวลา 14.07 น.
ดูทั้งหมด