โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

'ท็อป - จิรายุส' เปิด ‘5 กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ’ ในการเป็นเจ้าของ Bitkub

NATIONTV

อัพเดต 24 ม.ค. 2565 เวลา 11.15 น. • เผยแพร่ 24 ม.ค. 2565 เวลา 10.38 น.

ท็อป – จิรายุส ผู้บริหาร-เจ้าของ Bitkub (บิทคับ) บล็อกเชนคริปโทฯชื่อดัง เปิดเผย 5 ข้อสำคัญ กุญแจสู่ความสำเร็จของชีวิตและการทำธุรกิจ

เชื่อว่า วินาทีนี้ ชั่วโมงนี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก ชื่อของ'ท็อป - จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา' หนุ่มวัย 31 ปี นักธุรกิจ ผู้ก่อตั้งบริษัท บิทคับ ศูนย์แลกเปลี่ยนคริปโทเคอร์เรนซี และเป็นหนึ่งใน คณะกรรมการสมาคมฟินเท็คแห่งประเทศไทย 

 

ณ วันนี้ชื่อเสียงของ ท็อป - จิรายุส นับว่ามีบทบาทสำคัญในโลกการเงินดิจิทัลของไทย และเป็น 1 ในบุคคลที่ถูกจับตามองมากที่สุดในยุคนี้ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ความสำเร็จข้างต้นของเขาคนนี้เกิดมาได้อย่างไร?? 

 

จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา หรือฉายา ท็อป เจ้าของ startup 1,000 ล้าน จบการศึกษาในระดับปริญญาโทที่ Oxford ธุรกิจแรกที่เขาเริ่มทำก็คือ ที่เว็บไซต์ซื้อขายบิทคอยน์ ชื่อว่า Coins.co.th เพื่อให้บริการซื้อขายบิทคอยน์กับผู้ที่สนใจซึ่งในระยะแรกของธุรกิจยังเป็นเพียงแค่เว็บไซต์และยังไม่ได้เป็นแพลตฟอร์ม Exchange จริงๆ ที่เมื่อรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าแล้ว

ท็อป-จิรายุส ต้องรีบไปดำเนินการจัดการซื้อบิทคอยน์จากแพลตฟอร์มอื่นๆ เพื่อเอามาให้ลูกค้า เช่นเดียวกับที่ลูกค้าต้องการขายก็ต้องรีบไปขายเพื่อนำเงินมาคืนลูกค้า ในช่วงนั้นคุณท็อปต้องทำทุกอย่างเองเพียงคนเดียว เพราะว่าทั้งธุรกิจมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น และมีในบางครั้งที่หมุนเงินไม่ทันถึงกับต้องไปเคาะประตูห้องคุณพ่อคุณแม่เพื่อยืมเงินไปคืนให้ลูกค้าในเวลาตี 3 เวลานั้นคุณท็อปต้องทำงานอย่างหนักมากเพราะตลาดบิทคอยน์แทบจะเป็นตลาดเงินที่เปิด 24 ชั่วโมง

เขาทำงานอย่างเดียวและแทบไม่ออกสังคมเลยเป็นเวลากว่า 10 เดือน จนสร้างความไม่สบายใจให้กับครอบครัวว่า เขาคนนี้กำลังทำอะไรอยู่เพราะทุกคนไม่มีใครเข้าใจถึงธุรกิจที่คุณท็อปกำลังทำอยู่เลย!!

 

แม้ในภายหลังเมื่อ ท็อป จิรายุส สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งและต้องการจ้างพนักงาน เพื่อให้มาช่วยทำงานแต่ปรากฎว่าก็ไม่มีใครมาทำงานด้วยเลยเพราะทุกคนไม่เข้าจว่าสิ่งที่คุณท็อปกำลังทำอยู่มันคืออะไร จนกระทั่งพนักงาน 2 คนแรกก็คือญาติของคุณท็อปที่ว่างงานพอดีคุณท็อปจึงดึงมาช่วยทำงาน

ภายหลังเมื่อธุรกิจเริ่มโตขึ้น ท็อป จึงย้ายออกจากออฟฟิศแรกคือชั้นลอยของที่บ้านไปหาเช่าพื้นที่ Co-working space ทำเป็นออฟฟิศแห่งแรกของบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ และค่อยๆ ขยายออฟฟิศขึ้นตามอัตราการเติบโตของธุรกิจ

 

เพราะเป็นสิ่งใหม่จึงเริ่มมีคำเตือนจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องกับการเงิน

ในช่วงแรกที่ทำธุรกิจนี้ ท็อป จิรายุส ได้รับหนังสือเตือนจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ในสมัยนั้นยังไม่เข่าใจเรื่องของบิทคอยน์ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ จดหมายเตือนนี้ทำให้คุณท็อปต้องถกเถียงอนาคตกับครอบครัวและพยายามอธิบายในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ ตราบจนกระทั่งหน่วยงาน ปปง. ส่งจดหมายเตือนมาถึงคุณท็อปโดยตรงเพื่อเรียกตัวไปสอบสวนในสิ่งที่คุณท็อปกำลังทำอยู่ และก็เป็นอีกหนึ่งครั้งที่คุณท็อปต้องถกเถียงในเรื่องของบิทคอยน์กับครอบครัว ด้วยความที่ทุกคนก็ยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณท็อปทำอยู่นั่นเอง เพื่อการเตรียมตัวเข้าไปชี้แจงกับ ปปง.

 

ในวันนั้น ท็อป ต้องขอความช่วยเหลือไปยังเพื่อนที่มีความรู้ด้านกฎหมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วยเหลือแม้แต่คนเดียว สุดท้าย ท็อป จิรายุส ก็ต้องหาความรู้ด้วยตนเองทั้งหมดโดยแบ่งเวลาในช่วงหลักเลิกงานศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการเงินด้วยตนเองเพื่อเตรียมเข้าชี้แจงกับ ปปง. และททำให้คุณท็อปต้องเป็นผู้ set up ระบบ reporting ให้กับประเทศไทยเพราะต้องนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยก็ยังไม่มีระบบนี้ หลังจากกลับมาจากการชี้แจงปรากฏว่าพนักงานในบริษัทฯ ถึงกับลาออกไปกว่าครึ่งบริษัทเพราะความกลัว

แม้ว่าจะสามารถผ่านการชี้แจงจาก ปปง.มาได้ แต่ภายหลังธนาคารแห่งประเทสไทยก็มีหนังสือเรียกตัวมาหาคุณท็อปอีกครั้งและก็เช่นเดิมที่คุณท็อปก็ต้องถกเถียงในเรื่องนี้กับครอบครัวอีกครั้งด้วยความที่สิ่งที่ทำเป็นสิ่งใหม่และไม่มีใครเข้าใจนั่นเอง คุณท็อปก็ต้องเข้าไปชี้แจงเรื่องบิทคอยน์กับธนาคารแห่งประเทศไทยตามหมายเรียกตัว ผลก็คือทำให้พนักงานขอลาออกอีกครึ่งบริษัท หลังจากที่คิดว่าทุกอย่างน่าจะจบ หน่วยงานอย่างกรมสรรพากรก้เข้ามาทำการตรวจสอบการเงินของบริษัท โดยทั้งคุณท็อปต้องเข้าไปชี้แจงกับสรรพากรและสรรพากรเองได้ส่งเจ้าหน้าที่มาทำการตรวจสอบถึงบริษัท ซึ่งทั้งบริษัทฯ ต้องมาช่วยกันจัดการเรื่องบัญชีติดต่อกัน 2-3 เดือนจนพนักงานถึงกับต้องขอลาออก

 

1 เมษายน ปี 2560 เมื่อประเทศญี่ปุ่นออกมาประกาศว่าบิทคอยน์ คือ สิ่งที่ถูกกฎหมาย และวันนั้นเองคือวันที่ปัญหาทุกอย่างที่ ท็อป จิรายุสเผชิญมาได้คลี่คลายลง และทำให้คนทั่วไปรู้จักและตื่นตัวกับบิทคอยน์มากขึ้น และเป็นวันที่คุณท็อปได้พิสูจน์ในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เคยคิดว่าผิดนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องนั่นเอง และท้ายที่สุดคุณท็อปก็ได้ขายบริษัทแรกที่สร้างขึ้นให้กับ Gojek ที่เข้ามาซื้อกิจการไป

 

 

มุ่งมั่น..เดินหน้าสู่บริษัทที่ 2

 

เมื่อ บิทคอยน์ ได้รับการรับรองทำให้สื่อทุกสายพุ่งเป้าไปที่ ท็อป จิรายุส จนได้รับเชิญไปพูดกว่า 300 ครั้งในปีเดียว แม้ว่าเมื่อขายบริษัทไปแล้วและมีความคิดอยากจะพักแต่เมื่อมีการประกวดแข่งขัน Fintech challenge ของ ก.ล.ต. ทาง ท็อป ก็ได้เข้าแข่งขันด้วยและได้รับรางวัลชนะเลิศในที่สุด ซึ่งทำให้ตอนนั้น ท็อป จิรายุส มีแนวคิดที่อยากจะเปิดบริษัทฯ เพื่อดำเนินธุรกิจ Fintech ในประเทศไทยอย่างจริงจัง โดยมีการผลักดันให้เกิดการแก้ไขกฎหมายเพื่อรองรับบิทคอยน์มากขึ้น

 

ท็อป จิรายุส จึงเปิดการระดมทุนด้วยมีการยื่นข้อเสนอไปที่กองทุน SBI ซึ่งเป็นกองทุนใหญ่จากญี่ปุ่นที่แสดงความสนใจแต่มีเงื่อนไขมากมาย จึงลองเอาโปรเจกต์ไปเสนอกับนักลงทุนรายอื่นจนสามารถระดมทุนรอบแรกได้ถึง 67 ล้านบาทซึ่งมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ซึ่งเป็นจุดกำเนิด Bitkub มาจนถึงปัจจุบัน และในภายหลังก็ได้รับการลงทุนเพิ่มจาก DTAC จนทำให้ Bitkub มีมูลค่าถึง 525 ล้านบาทในขณะนั้น และคุณท็อปเองก็ได้บริหาร Bitkub จนสามารถเติบโตได้ถึง 1,000 % ได้ถึง 3 ปีติดต่อกันซึ่งสาเหตุที่ทำให้ Bitkub ครองความเป็นที่หนึ่งได้เพราะเกิดจากความเชื่อใจเป็นสำคัญเพราะคุณท็อปอยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน

 

ด้วยอุปนิสัยที่ไม่ยอมแพ้จึงทำให้ ท็อป จิรายุส ตั้งใจที่จะพิสูจน์ความเชื่อของคนอื่นในสิ่งที่พวกเขาคิดว่าผิดให้ได้จึงเป็นแรงผลักดันให้ ท็อป กล้าที่จะเผชิญหน้าอย่างไม่ยอมแพ้ และด้วยความที่เป็นคนที่มีเป้าหมายเดียวในชีวิตในแต่ละช่วงชีวิตจึงทำให้ ท็อป จิรายุสตั้งใจที่จะโฟกัสเป้าหมายแต่ละอย่างและทำให้ประสบความสำเร็จให้ได้

 

ล่าสุด…เมื่อวานนี้ (23 ม.ค.65)  ท๊อป-จิรายุส ได้กลายเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ที่ได้เข้ารับมอบปริญญาบัตร ศิลปศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาเศรษฐกิจดิจิทัล จากมหาวิทยาลัยรังสิต ในพิธีประสาทปริญญามหาวิทยาลัยรังสิต ประจำปี 2564 ขึ้นแท่น ดร.(กิตติมศักดิ์) ท๊อป-จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา

ท็อป จิรายุส ได้ถ่ายทอดความรู้สึกและความภาคภูมิใจกับวันครั้งสำคัญของชีวิต ผ่านเฟซบุ๊ก ท๊อป จิรายุส - Topp Jirayut ใจความระบุว่า

" เป็นอีกวันที่ผมรู้สึกหายเหนื่อย และได้รับแรงบันดาลใจใหม่เพื่อทำสิ่งดีๆ ต่อไป ผมหวังว่าผมจะสามารถเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจของทุกท่านเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีให้กับประเทศต่อไปนะครับการใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย แล้วสามารถทำตามความฝันที่ได้หวังไว้ คือการค้นพบคุณค่าในชีวิตอย่างแท้จริง

 

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา

ผมได้เดินสายแบ่งปันความรู้ ควบคู่กับการบริหารธุรกิจ พูดและบรรยายผ่านเวทีนับพัน เพื่อถ่ายทอดความรู้และสร้างความเข้าใจเรื่องเศรษฐศาสตร์ในโลกยุคใหม่และสินทรัพย์ดิจิทัล โดยหวังอยู่เสมอว่า ความเข้าใจนี้ จะรวมเป็นพลังแห่งการพัฒนา เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้พร้อมรับมือกับโลกยุคใหม่ที่กำลังจะมาถึง

ขอขอบคุณมหาวิทยาลัยรังสิต

ที่ให้ผมเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ ที่ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ในสาขาวิชานี้ และนี่เปรียบเสมือนกำลังใจในสิ่งที่ผมได้เชื่อ และฝ่าฟันมาโดยตลอด "

เผย 5 ข้อ กุญแจสู่ความสำเร็จ 

ผู้บริหารไฟแรงและเจ้าของบิทคับคนดัง ยังแชร์แนวคิดดีๆ เกี่ยวกับการประสบความสำเร็จในชีวิตและธุรกิจ ไว้อย่างน่าสนใจ โดยเรียกว่า 5 ข้อกุญแจสู่ความสำเร็จ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านและสำหรับใครที่กำลังค้นหาตัวเอง รายละเอียดระบุไว้ ดังนี้

  • มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น เพื่อสร้างสิ้งใหม่ที่ไม่ใช่ค่าเฉลี่ยของสังคม 
  • อดทนทั้งกายและใจ ฝ่าฝันทุกอุปสรรที่เข้ามา 
  • ทำสิ่งที่เราแคร์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการทำงาน 
  • ต่อสู้กับ Outer voice โดยไม่ลืม Inner voice ที่ตั้งเป้าหมายไว้กับชีวิตตนเอง
  • เรียนรู้ตลอดชีวิต 

ขอขอบคุณ ฐานเศรษฐกิจ และ ข้อมูลดีๆ web เถ้าแก่ใหม่ 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0