โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

ปี23 “Private Fund” & “PVD” โตต่อเนื่อง +10.36% และ +2.83% ตามลำดับ… “บลจ.พรินซิเพิล” แชมป์กองทุนส่วนบุคคลโตสุด +206.56% ส่วน “บลจ.เคดับบลิวไอ” แชมป์กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โตสุด +967.28% !!!

Wealthy Thai

อัพเดต 24 ต.ค. เวลา 15.41 น. • เผยแพร่ 02 ก.พ. 2567 เวลา 10.18 น. • สรวิศ อิ่มบำรุง

สาระ Fund วันละนิด: วันนี้จะพามาส่องอีก 2 ธุรกิจหลักในอุตสาหกรรมกองทุน ได้แก่ “กองทุนส่วนบุคคล” (Private Fund) และ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” (Provident Fund: PVD) กันบ้าง
ในปี2023 ที่ผ่านมา กองทุนทั้ง 2ประเภท มีการเติบโตขึ้นต่อเนื่องไม่ต่างอะไรกับ “กองทุนรวม” โดยในส่วนของ “กองทุนส่วนบุคคล” นั้น มีสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปี23 ที่ 2.17 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น +10”36% จากสิ้นปีก่อน แม้ว่าจะมีประเด็นเรื่องการ “เก็บภาษีเงินลงทุนต่างประเทศ” ในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ก็ดูไม่ได้ทำให้การเติบโตชะลอตัวลงแต่ประการใด
ด้าน “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” สิ้นปี23 มี AUM ทั้งสิ้น 1.42 ล้านล้านบาทเพิ่มขึ้นเล็กน้อย +2.83%อาจจะดูไม่ร้อนแรงแต่ก็เป็นลักษณะปกติของการเติบโตของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
โดยแต่ละบลจ.มีการเติบโตใน 2 ธุรกิจนี้เป็นยังไงบ้างนั้น ทางทีมงาน ‘Wealthy Thai’ ได้สรุปรวบรวมเอาไว้ให้หมดแล้ว ตามไปดูพร้อมๆ กันได้เลย

"กองทุนส่วนบุคคล" ปี23 AUM แตะ 2.2 ลลบ. โตแรง +10.36%…“บลจ.พรินซิเพิล” โตสุด +206.56% ส่วน “บลจ.เอ็กซ์สปริง” ร่วงสุด -25.38%, “บลจ.เอไอเอ” ส่วนแบ่งมากสุด 33.62%

อาจด้วยโลกการลงทุนเปิดกว้างขึ้นและโพรดักท์การลงทุนก็มีความหลากหลาบและสลับซับซ้อนมากขึ้น ทำให้บริการ “กองทุนส่วนบุคคล” เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะมีประเด็นเรื่องการเก็บภาษีเงินลงทุนในต่างประเทศเข้ามาแทรกในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม ก็ดูไม่ได้ทำให้การเติบโตของกองทุนส่วนบุคคลลดลงแต่ประการใด
“ผู้เล่นในธุรกิจนี้ ก็มีมากมายหลายหลาก ฝั่งบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ก็มีกระโดดเข้ามาทำ บลจ.รูปแบบใหม่ๆ ก็สนใจเช่นกัน เรียกว่า เป็นตลาดที่มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในการสำรวจนี้ จะโฟกัสบลจ.และบล. ที่เป็นสมาชิกของ ‘บริษัทจัดการลงทุน’(AIMC) เท่านั้น
สิ้นปี2023 “กองทุนส่วนบุคคล”มีสมาชิกทั้งสิ้น 23 แห่งมี AUM ทั้งสิ้น 2,170,065.37 ล้านบาทเพิ่มขึ้น +10.36% จากสิ้นปีก่อน โดยมีบลจ. 10แห่ง คิดเป็น 43% จากทั้งหมด ที่โตชนะอุคสาหกรรม ในขณะที่อีก 13 บลจ. คิดเป็น 57% โตแพ้ค่าเฉลี่ย ในจำนวนนี้มี 4 บลจ.ที่โตลดลง

สำหรับ 4 บลจ.ที่มีกองทุนส่วนบุคคลเติบโตมากสุดในปีที่ผ่านมา โตเฉลี่ยมากกว่า 40% นำมาโดย อันดับ1) “บลจ.พรินซิเพิล” +206.56%, 2) “บลจ.วรรณ” +43.74%, 3) บลจ.ทาลิส +42.09% และ 4) “บลจ.กรุงไทย” +39.38%
ส่วน 4 บลจ.ที่มีการเติบโตลดลงนั้น ประกอบด้วย 1) “บลจ.เอ็กซ์สปริง”ลดลง -25.38%, 2) “บลจ.บางกอกแคปปิตอล” -12.84%, 3) “บลจ.เกียรตินาคินภัทร” -1.95% และ 4) “บลจ.กสิกรไทย” -0.77% ตามลำดับ

ทั้งนี้พบว่า 5 บลจ.ที่มีส่วนแบ่งกองทุนส่วนบุคคลมากสุดนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 80.98% นำมาโดย

  • “บลจ.เอไอเอ” มี AUM 729,533.38 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 62%

  • “บลจ.ไทยพาณิชย์” มี AUM 647,782.93 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 85%

  • “บลจ.กสิกรไทย” มี AUM 186,985.28 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 62%

  • “บลจ.กรุงศรี” มี AUM 118,279.24 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 45%

  • “บลจ.ทิสโก้” มี AUM 74,839.44 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 45%

"กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ" ปี23 AUM 1.4 ลลบ. +2.83%…“บลจ.เคดับบลิวไอ” โตสุด +967.28% ส่วน “บลจ.เอ็มเอฟซี” ร่วงสุด -14.13%, “บลจ.ทิสโก้” ส่วนแบ่งมากสุด 18.45%

หันมาดู “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” กันบ้าง ถือเป็นตลาดที่บลจ.ใหม่ไม่ค่อยกล้ากระโดดเข้ามาเล่นเท่าไรนัก เป็นตลาดที่แข่งยาก และอาจไม่คุ้มที่จะทำ ด้วยการแข่งขันที่ค่อนข้างดุเดือด โดยเฉพาะกองทุนเดี่ยวขนาดใหญ่ทั้งหลายของหน่วยงานรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจ เป็นต้น แต่ในฝั่งตลาดของบริษัทเอกชน ยังพอมีพื้นที่ให้เติบโตอยู่ที่ใครจะช่วงชิงกันมาได้มากน้อยแคไหนเท่านั้นเอง
การเติบโตก็เป็นแบบน้ำซึมบ่อทรายเรื่อยๆ จาก “เงินสะสม-เงินสมทบ” ที่เข้ามาตลอด และอีกส่วนก็จาก “ผลตอบแทนจากการลงทุน”

สิ้นปี2023 “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”มีสมาชิกอยู่ 17แห่งมี AUM ทั้งสิ้น 1,421,986.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +2.83% จากสิ้นปีก่อน โดยมี 11 บลจ. คิดเป็น 65% ที่โตชนะอุตสาหกรรม ส่วนอีก 6 บลจ. คิดเป็น 35% ที่โตแพ้อุตสาหกรรม ในจำนวนนี้ มีอยู่ 2บลจ.ที่โตลดลง
สำหรับ 4 บลจ.ที่มีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพปี23 โตมากสุดนั้น เฉลี่ยโตมากกว่า +10% นำมาโดย อันดับ1) “บลจ.เคดับบลิวไอ” +967.28%, 2) “บลจ.แอสเซท พลัส” +100%, 3) “บลจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์” +16.56% และ 4) “บลจ.บางกอก แคปปิตอล” +10.65%

ส่วน 2 บลจ.ที่มีการเติบโตลดลง ได้แก่ “บลจ.เอ็มเอฟซี” ลดลง -14.13% และ “บลจ.บัวหลวง” -9.18% ตามลำดับ
ทั้งนี้พบว่า 5 บลจ.ที่มีส่วนแบ่งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากสุดนั้น มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 67.88% นำมาโดย

  • “บลจ.ทิสโก้” มี AUM 262,352.77 ล้านบาท มีส่วนแบ่ง 45%

  • “บลจ.กสิกรไทย” มี AUM 239,503.15 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 84%

  • “บลจ.ไทยพาณิชย์” มี AUM 198,574.61 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 96%

  • “บลจ.กรุงไทย” มี AUM 163,253.06 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 48%

  • “บลจ.เอ็มเอฟซี” มี AUM 101,593.90 ล้านบาท ส่วนแบ่ง 14%

ทั้งหมดนี้ คือ บางส่วนของการเติบโตของธุรกิจ “กองทุนส่วนบุคคล” และ “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ” ในปี2023 ที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีสัญญาณที่ดี ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของนักลงทุนสถาบันที่มีมากขึ้นในฐานะของทางเลือกในการบริหารจัดการเงินลงทุนให้เกิดประสิทธิภาพมาก ในท่ามกลางตลาดการลงทุนโลกที่นับวันก็ท้าทายมากขึ้นทุกปี

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...