โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ส่องโอกาสความท้าทายของ Data Center ในไทย ทำอย่างไรให้เกมนี้ Win ทั้งกระดาน

TERRABKK

เผยแพร่ 18 มี.ค. เวลา 10.34 น. • TERRABKK
ส่องโอกาสความท้าทายของ Data Center ในไทย ทำอย่างไรให้เกมนี้ Win ทั้งกระดาน

การมาของคลื่นเทคโนโลยีลูกใหม่ อย่าง Cloud, AI, Automation ทำให้กระแส Data Center หรือ ศูนย์กลางข้อมูลที่ออกแบบมา เพื่อรองรับฮาร์ดแวร์หรือเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของระบบไอที ที่จำเป็นสำหรับการจัดเก็บและรักษาข้อมูลดิจิทัลขององค์กรธุรกิจ กลายเป็นธุรกิจดาวเด่นที่หลายคนจับตามอง และกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดในประเทศไทย เพราะด้วยศักยภาพและความพร้อมของประเทศไทยในหลายด้าน ตั้งแต่ที่ตั้งของไทยที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ มีโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่ดี รองรับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง รวมถึงมีการผลักดันเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล และการสนับสนุนจากภาครัฐ ทำให้ไทยกล่ายเป็นประเทศเนื้อหอมในหมู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลกในการมาตั้ง Data Center ในไทย

คำถาม คือ เบื้องหลังการคว้าโอกาสดังกล่าว ไทยควรมีการเตรียมพร้อมอย่างไร และมีปัจจัยท้าทายอะไรบ้าง ที่ต้องรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ คำตอบทั้งหมดนี้ ถูกเฉลยผ่านดร.ชิต เหล่าวัฒนา ผู้ก่อตั้งสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์และอดีตกรรมการเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งชาติ ที่ได้มาร่วมถ่ายทอดความรู้พร้อมเปิดมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับ Data Center ในหัวข้อ “Data Center : Thailand OPPORTUNITIES” ในงานThe Nova Expo 2025 งานแสดงนวัตกรรมอาคาร การออกแบบ และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับอาคารและสิ่งปลูกสร้าง

AI พลิกโลก ดันดีมานด์ Data Center พุ่ง

ดร.ชิต เหล่าวัฒนา ฉายภาพให้เห็นว่า จริงๆ แล้วปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่มีการพูดถึงกันมาหลาย 10 ปีแล้ว โดยคอนเซ็ปต์ของ AI คือ การทำให้คอมพิวเตอร์สามารถเลียนแบบพฤติกรรมของมนุษย์ได้ ต่อมามีการพัฒนาไปสู่ Machine Learning ซึ่งหมายถึง การทำให้คอมพิวเตอร์ สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ และพัฒนาการทำงานให้ดีขึ้นได้ด้วยตัวเองจากข้อมูลและสภาพแวดล้อมที่ได้รับ ก่อนจะต่อยอดมาสู่ Deep Learning ที่สามารถเรียนรู้ ประมวลผลและตัดสินใจจากข้อมูลที่ได้รับ โดยไม่ต้องอาศัยการแทรกแซงจากมนุษย์

ความน่าสนใจของเรื่องนี้ คือ ยิ่ง AI ถูกพัฒนาให้เก่งขึ้นและยิ่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจ Data Center หรือ ศูนย์กลางข้อมูล กลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น เนื่องจาก เบื้องหลังการนำ AI เข้ามาช่วยในการคำนวณหรือการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนของการทำงานในแอปพลิเคชั่นต่างๆ ต้องอาศัย “AI server” ที่สามารถวิเคราะห์และทำนายข้อมูลในเชิงลึกกว่าเซิร์ฟเวอร์แบบทั่วไปได้ ซึ่งความสามารถที่มากขึ้นนี้ ต้องแลกมาด้วยค่าตอบแทนที่สูงขึ้น

“ปกติเซิร์ฟเวอร์แบบทั่วไป ประมาณ 5 - 20 เท่า จากเซิร์ฟเวอร์แบบทั่วไปใช้ Power Per Rack ประมาณ 5-15 kW ขณะที่ AI Server เริ่มต้น 40-140 kW Per Rack และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ Data Center สำหรับเซิร์ฟเวอร์แบบทั่วไปจะออกแบบให้รองรับภาระทางไอที (IT Load) ประมาณ 1-2 MW แต่สำหรับ AI Server ต้องออกแบบให้รองรับ IT Load อย่างน้อยประมาณ 100 MW ขณะที่ระบบทำความเย็น ก็ต้องเปลี่ยน เพราะถ้าเป็น Data Center ทั่วไปจะนิยมส่งความร้อนด้วยผ่านอากาศเย็น (Air Cool) แต่ Data Center สำหรับ AI server นิยมระบายความร้อนด้วยของเหลว (Liquid Cooling) เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และ ประหยัดพลังงานมากขึ้น

เปิดขุมทรัพย์ที่ทำให้ประเทศไทยเนื้อหอม ในสายตาบิ๊กเทค

ถามว่าทำไมนักลงทุนสนใจสร้างศูนย์กลางข้อมูลในไทย นอกจากโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรง มีความมั่นคงด้านพลังงานที่เชื่อถือได้ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินงานของ Data Center ไทยยังตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นศูนย์กลางที่ดีในการเชื่อมต่อกับประเทศต่างๆ ในภูมิภาค ขณะเดียวกันยังมีแรงจูงใจจากรัฐบาล ที่ดึงดูดการลงทุนในด้าน Data Center เช่น การลดภาษีและการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความต้องการบริการคลาวด์และการประมวลผลข้อมูลในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ ตอบโจทย์บริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติในการลดการพึ่งพาศูนย์ข้อมูลในประเทศอื่น เช่น สิงคโปร์ ที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่และการจ่ายไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางโอกาสของไทยที่จะได้รับจากการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนการตั้ง Data Center ทว่าดร.ชิตชวนคิดอย่างน่าสนใจว่า แล้วบริษัทคนไทยจะอยู่ตรงไหนและได้รับประโยชน์อย่างไรจากห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) นี้ ซึ่งมีหลายภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรงกับการออกแบบและสร้างระบบทางเครื่องกลและไฟฟ้า (Mechanical Electical System) ของบริษัทคนไทย
ดร.ชิต วิเคราะห์ให้เห็นภาพว่า บริษัทคนไทยยังไม่ได้รับประโยชน์จากการเข้ามาตั้ง Data Center ในไทยมากนัก ยกตัวอย่าง

• ด้านการออกแบบ (Designer Chain) ส่วนมากผู้ลงทุนมาจากต่างประเทศ จะมีความต้องการพื้นฐานด้านแบบวิศวกรรม (Basic of Design: B0D) ของแต่ละบริษัทเอง โดยอาจจะมีการพึ่งดีไซเนอร์ในท้องถิ่นในการทำให้เป็นไปตามมาตรฐานและกฎหมายของแต่ละประเทศ แต่ปัญหาคือ ที่ผ่านมางานดังกล่าวจะไม่ถูกส่งมาให้ทางผู้ประกอบการไทย จะตกไปยังบริษัทดีไซเนอร์ที่เข้ามาตั้งสาขาในไทยมากว่า ในด้านอุปกรณ์ (Supplier Chain) ก็เช่นกัน ส่วนใหญ่อุปกรณ์หรือสินค้าที่ใช้ในโครงการที่เข้ามาลงทุน จะนำเข้ามาเกือบทั้งหมด เนื่องจากทางสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีการให้สิทธิยกเว้นภาษี ดังนั้นสินค้าหลายอย่างที่ผลิตในประเทศไทยจึงไม่ได้ประโยชน์มากนัก

• ด้านผู้รับเหมา (Contractor Chain) ปกติผู้รับเหมางานระบบ ส่วนมากจะรับงานจากบริษัทรับเหมาต่างชาติ ที่มีผลงานเคยทำโครงการใหญ่ๆ มาก่อน ทำให้บริษัทรับเหมาภายในประเทศต้องรับงาน ผ่านจากผู้รับเหมาหลักอีกทอด ทำให้บริษัทคนไทยที่มีฝีมือและวิศวกรเครื่องกล/ไฟฟ้ามืออาชีพ พลาดโอกาสที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าประมูลงาน

• ด้านการบริการ (Operation Chain) ซึ่งถือเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยก็จริง แต่คนไทยก็ต้องมีความรู้และความเข้าใจในธุรกิจเป็นอย่างดี ถึงจะให้บริการนี้ได้

• ด้านการบำรุงรักษา(Maintenance Chain) ด้วยความที่บริษัทต่างชาติที่จำหน่ายสินค้าจะให้บริการบำรุงรักษา ดังนั้นจะพบว่างานระบบทางกลและไฟฟ้า ส่วนมากจะไม่ได้รับผลประโยชน์ในระดับ Tier 1”

ปลดล็อกข้อจำกัด เปิดประตูแห่งโอกาสให้บริษัทไทย

จากแลนด์สเคปดังกล่าวที่ดูเหมือนว่าประเทศไทยกำลังอยู่บนทางสองแพร่ง ที่มีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดร.ชิต จึงมีข้อเสนอว่า เพื่อให้บริษัทคนไทยได้ประโยชน์จากการเข้ามาลงทุน Data Center ซึ่งเป็นเหมือนเครื่องยนต์ใหม่ของประเทศไทย บีโอไอควรมีมาตรการจูงใจให้บริษัทที่จะมาตั้ง Data Center ต้องใช้บริษัทคนไทย ซึ่งหมายถึงบริษัทที่จดทะเบียนที่ไทย มีสำนักงานใหญ่ที่ไทย จ่ายภาษีให้รัฐไทย ดังนั้นในฝั่งที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ ควรส่งเสริมหรือปูทางให้บริษัทไทยได้เข้าไปเป็นหนึ่งในทีม ที่เป็นผู้นำในการออกแบบ เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านออกแบบสู่บริษัทไทย

ส่วนในฝั่งของผู้รับเหมา แม้บริษัทก่อสร้างของคนไทย จะยังไม่มีผลงานในการออกแบบ Data Center ก็ควรส่งเสริมให้สามารถรับงานได้ หากมีจำนวนวิศวกรสาขาที่เกี่ยวข้องที่ได้รับการฝึกอบรมและใบรับรองจาก วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) นอกจากนี้ควรมีการสร้างมาตรฐานศูนย์กลางข้อมูลของวสท. (EIT Certificates) ให้มีศักดิ์และสิทธิ์เทียบเท่ามาตรฐานนานาชาติ โดยให้ Data Center ที่สร้างในไทยอย่างต้องมี EIT Certificates และหากในอนาคตทางผู้ประกอบการ Data Center ต้องการมาตรฐานระดับนานาชาติเพิ่มเติมก็สามารถทำได้

ทั้งนี้ ดร.ชิต ทิ้งท้ายอย่างน่าสนใจว่า เหตุผลที่ต้องมีข้อเสนอเช่นนี้ เพราะการสร้าง Data Center เป็นโอกาสก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ทรัพยากรน้ำและไฟฟ้ามหาศาล ทำให้เริ่มมีการมองถึงการนำพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ประเทศไทยสามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากมาใช้เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและการใช้ทรัพยากรในประเทศ

“ผมคิดว่า ประเทศไทยมีเวลา 5 ปี ซึ่งเปรียบเสมือนช่วง Honeymoon Period ในการเร่งผลักดันหาจุดที่ลงตัวระหว่างการสนับสนุนและการออกมาตรการส่งเสริมบริษัทให้ได้ประโยชน์จากกการเข้ามาลงทุนตั้ง Data Center เพราะถ้าสุดท้ายแล้วประเทศไทยไม่มี Data Center ก็จะไม่สามารถทำให้เกิด Data Industry ได้เช่นกัน”
พลิกเกม Data Center ให้ Win ทุกฝ่าย

ทั้งนี้ในหัวข้อ Green Data Center "The Breakthrough : การปลดล็อคข้อจำกัด และประโยชน์ของคนไทย” ที่จัดในงาน The Nova Expo 2025 เช่นกัน โดยมีผู้ร่วมเสวนา ได้แก่ ดร.ชิต เหล่าวัฒนา, วีณา ธนะสิริ นักวิชาการส่งเสริมการลงุทน ระดับชำนาญการพิเศษ จากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดร.เตชะทัศ บูรณะอัศวะกุล ประธานสาขาวิศวกรรมไฟฟ้า วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ โดยมี รศ.ดร.มนตรี วิบูลยรัตน์ ประธานกรรมการมาตรฐานดาตาเซนเตอร์ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์ เป็นผู้ดำเนินรายการ

โดยภาพรวมของการเสวนา เป็นการร่วมกันเสนอแนวทางเพื่อหาทางออกร่วมกันว่า การดึงดูดบริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุน Data Center ในประเทศไทยนั้น ภาครัฐและคนไทยควรจะมีการเตรียมพร้อมอย่างไร เพื่อให้คนไทยได้ประโยชน์ จากการสร้างงาน สร้างอาชีพ เติมทักษะ เพราะแม้การเข้ามาลงทุนของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก จะสร้างเม็ดเงินให้ประเทศไทยมหาศาล แต่สิ่งที่ต้องแลกคือ การใช้ทรัพยากรของประเทศอย่างมหาศาลโดยเฉพาะน้ำและไฟฟ้า

ดังนั้น คำถามใหญ่ คือ ในขณะที่ภาครัฐ มีแนวทางในการสร้างแรงจูงใจในการดึงดูดบริษัทข้ามชาติให้เข้ามาลงทุนตั้ง Data Center ในไทย เพราะจะเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนประเทศไทย ทั้งในด้านเม็ดเงินลงทุน การสร้างงาน สร้างทักษะให้คนไทยก้าวทันไปกับโลกที่ขับเคลื่อนอด้วยดิจิทัล แต่แนวทางในการทำให้บริษัทไทยและคนไทยได้ประโยชน์ในระยะยาว รวมถึงประเทศไทยไม่บอบช้ำจนเกินไปอาจจะยังไม่ชัดเจน จึงจำเป็นที่ต้องการมีการประสานความร่วมมืออย่างเร่งด่วนจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกที่ประโยชน์กับทุกฝ่ายร่วมกัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...