โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ที่ญี่ปุ่น คู่สมรสยังจำเป็นต้องใช้นามสกุลเดียวกันซึ่งทำให้ชีวิตคู่ของหลายคนสะดุดลง และอาจทำให้ทุกคนมีนามสกุล ‘ซาโต้’ เหมือนกันหมดในอีก 500 ปี

Mirror Thailand

อัพเดต 05 ก.พ. เวลา 11.58 น. • เผยแพร่ 05 ก.พ. เวลา 11.58 น.
ภาพไฮไลต์

ในอีก 500 ปีข้างหน้า ชาวญี่ปุ่นทุกคนจะมีนามสกุล "ซาโต้" (Sato) เหมือนกันหมด นี่คือคำทำนายที่เหมือนหลุดมาจากมังงะหรืออนิเมะไซไฟนี้มาจากอาจารย์โยชิดะ ฮิโรชิ (Yoshida Hiroshi) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโทโฮกุ (Tohoku University) และผู้เชี่ยวชาญด้านสังคมผู้สูงอายุ โดยเหตุผลสำคัญที่จะทำให้เกิดสถานการณ์นี้ขึ้นจริงก็คือกฎหมายที่บังคับให้คู่สมรสต้องเลือกใช้นามสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งและไม่สามารถใช้นามสกุลที่ต่างกันได้นั่นเอง

แน่นอนว่าความยุ่งยากในเรื่องนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของหลายคู่สะดุด โดยเฉพาะถ้าเทียบกับประเทศอื่น รวมถึงประเทศไทยของเราที่สามีภรรยาสามารถใช้นามสกุลต่างกันได้เป็นปกติ ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเอามาคิดให้ปวดหัวตั้งแต่แรกด้วยแล้ว ยิ่งทำให้คนญี่ปุ่นหลายคน โดยเฉพาะผู้หญิง รู้สึกว่าไม่อยากแต่งงาน คู่รักหลายคู่เลือกจะอยู่ด้วยกันโดยไม่จดทะเบียนสมรสเพราะยังอยากใช้นามสกุลเดิมของตัวเอง บางคู่ก็ต้องสร้างข้อตกลงในแบบของตัวเอง เช่น แต่งงานกันแล้วใช้นามสกุลของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเป็นระยะเวลาหลายปี ก่อนจะหย่าร้างแล้วแต่งงานอีกครั้งเพื่อใช้นามสกุลของอีกฝ่าย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกคือการเดินทางไปจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ต่างประเทศแบบยังคงนามสกุลเดิมไว้ แล้วใช้เอกสารจากต่างประเทศมายื่นแจ้งที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อให้ได้สถานะคู่สมรสโดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนนามสกุลให้เหมือนกัน

หนึ่งในคู่รักที่ต้องหาทางรับมือกับกฎหมายข้อนี้คือ อุจิยามะ ปัจจุบันอายุ 56 ปี เป็นครูมัธยมศึกษาในจังหวัดนากาโน เธอยังอาศัยอยู่กับโคอิเกะ วัย 66 ปีที่ตามเอกสารทางกฎหมาย เขาเป็นสามีที่หย่าร้างกันไปนานแล้ว พวกเขาให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์อาซาฮี ชิมบุนว่าในปี 1991ทั้งสองหมั้นหมายกัน แต่อุจิยามะต้องการคงนามสกุลเดิมเอาไว้ โคอิเกะ ซึ่งเป็นลูกชายคนโตของครอบครัวคัดค้านแนวคิดนี้อย่างรุนแรง แต่ด้วยความรัก สุดท้ายงานแต่งงานก็เกิดขึ้นในปีเดียวกันโดยทั้งคู่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะจดทะเบียนสมรสหรือไม่ ตอนที่ทั้งคู่ไปฮันนีมูน พ่อของโคอิเกะถือโอกาสยื่นจดทะเบียนให้แทน อุจิยามะใช้นามสกุลเดิมในการทำงานแต่เธอถูกบังคับให้ใช้ "โคอิเกะ" สำหรับจัดการเรื่องการเงินและเรื่องอื่นๆ พวกเขายังคงสถานะคู่สมรสจนกระทั่งอุจิยามะคลอดลูกชายในปี 1992 เพื่อความสะดวกในการแจ้งเกิดของลูกชาย จากนั้นทั้งคู่ก็หย่าร้างกันทางกฎหมาย แต่พวกเขายังคงอยู่ด้วยกันและใช้ชีวิตเหมือนคู่รักที่แต่งงานกัน เวลาผ่านไป พวกเขาแต่งงานใหม่เพราะต้องแจ้งเกิดลูกสาวสองคน ก่อนจะหย่าร้างกันอย่างเป็นทางการจนกระทั่งทุกวันนี้

ในปี 2020 อุจิยามะได้รับโทรศัพท์จากลูกสาวคนโตที่เพิ่งแต่งงานและกำลังเปลี่ยนนามสกุลเป็นนามสกุลของสามี “หนูรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ที่งานศพของตัวเอง” ลูกสาวบอกกับเธอ “นามสกุลของหนูถูกลบออกไป” แม้ว่าอุจิยามะและโคอิเกะจะรู้สึกว่าพวกเขาอยู่กับระบบนี้ได้ด้วยการสร้างวิถีชีวิตที่ไม่เหมือนใครซึ่งเวิร์คในแบบของพวกเขาขึ้นมา แต่ทั้งคู่เห็นใจลูกสาวที่ต้องเจอสถานการณ์แบบเดียวกันเลยตัดสินใจเข้าร่วมการฟ้องร้องแบบกลุ่ม 12 คนในเดือนมีนาคม ปี 2024 ต่อศาลแขวงโตเกียวและซัปโปโรในเรื่องความชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญของกฎหมายที่กำหนดให้คู่สมรสต้องมีนามสกุลเดียวกัน ก่อนหน้านี้เคยมีคดีความลักษณะเดียวกันนี้มาก่อน แต่ศาลฎีกามีคำตัดสินในปี 2015 และ 2021 ว่ากฎหมายดังกล่าวสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ

คู่รักอีกคู่ที่มาร่วมฟ้องร้องคือนิชิกับซาโต้ ทั้งคู่พบกันในปี 2015 ที่โรงพยาบาลที่พวกเขาทำงาน และตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2019 ซาโต้ไม่อยากเปลี่ยนนามสกุลแต่เธอก็ไม่อยากให้สามีต้องเปลี่ยนมาใช้นามสกุลของเธอโดยที่เขาไม่เต็มใจ เธอคิดกับตัวเองว่า “บางทีถ้าฉันแค่เปลี่ยนชื่อ ทุกอย่างก็คงจะออกมาดี ฉันไม่อยากทำตัวน่ารำคาญและสร้างปัญหาให้ทุกคน” แต่ในภายหลัง พอเธอเห็นว่านามสกุลซาโต้บนสมุดบัญชีของเธอถูกขีดฆ่าและเขียนทับด้วยนามสกุล "นิชิ" พร้อมกับเหตุการณ์ต่างๆ เช่น เจ้านายและเพื่อนร่วมงานเริ่มเรียกเธอด้วยนามสกุลของสามีแทน ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวตนของเธอในฐานะ “ซาโต้” กำลังหายไป เรื่องนี้ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเธออย่างมาก ซาโต้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นภาวะปรับตัวผิดปกติและลาออกจากงานในเดือนมิถุนายน 2020 แม้จะยังรักกัน แต่ทั้งคู่ก็หย่าร้างกันในเดือนสิงหาคมของปีนั้นเพื่อให้ซาโต้ได้กลับมาใช้นามสกุลซาโต้ของเธอ

หลังจากการฟ้องร้องดังกล่าว ในเดือนตุลาคม ปี 2024 คณะกรรมการว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) ขององค์สหประชาชาติ (UN) แนะนำให้ญี่ปุ่นแก้ไขกฎหมายที่บังคับให้คู่สมรสใช้นามสกุลเหมือนกันเพื่อเหตุผลด้านความเท่าเทียมกันทางเพศ ซึ่งคำแนะนำนี้ไม่ใช่การพูดถึงประเด็นนี้เป็นครั้งแรก แต่ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา สหประชาชาติได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงกฎหมายข้อนี้ถึง 4 ครั้งแล้ว สภานิติบัญญัติของกระทรวงยุติธรรมญี่ปุ่นเองก็เคยเสนอแนะให้คู่สมรสใช้นามสกุลที่ต่างกันได้ แต่ก็ยังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง ล่าสุดโมริยามะ ฮิโรชิ เลขาธิการพรรคเสรีประชาธิปไตย ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลของญี่ปุ่นกล่าวว่าจะเริ่มหารือเรื่องนี้ในเร็ววันนี้ งานนี้เรายังต้องติดตามกันต่อไปว่าจะมีการเปลี่ยนข้อกฎหมาย หรือชาวญี่ปุ่นทุกคนจะต้องไปสู่อนาคตที่มีนามสกุล "ซาโต้" เหมือนกันหมดจริงๆ

อ้างอิง

https://www.japantimes.co.jp/news/2024/04/01/japan/society/sato-surname-name-rule/

https://mainichi.jp/english/articles/20220325/p2a/00m/0li/006000c#:~:text=A%20thirtysomething%20woman%20in%20Tokyo,guided%20tours%20for%20other%20people.

https://www.asahi.com/ajw/articles/15175294

https://www.nippon.com/en/news/yjj2025010700915/

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...