“ผอ.สนามบินสุวรรณภูมิ” เล่านาทีระทึกสายการบิน “สิงคโปร์แอร์ไลน์” ตกหลุมอากาศ ขอลงจอดฉุกเฉิน พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ด้าน “สุริยะ” สั่งเข้มดูแลผู้โดยสารอย่างใกล้ชิด ขณะที่ กพท. ลุยเข้าสอบสวนเหตุ
“กิตติพงศ์ กิตติขจร” ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หรือ “ทสภ.” บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท.” แถลงข่าวกรณีสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ SQ321 เส้นทางบินฮีทโธรว์ ประเทศอังกฤษ - ชางงี ประเทศสิงคโปร์ มีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน ขอลงจอดฉุกเฉิน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ ว่า เครื่องบินได้ประสบเหตุตกหลุมอากาศในระหว่างเดินทาง ขณะนั้นเครื่องอยู่ในน่านฟ้าของไทย ทำให้นักบินได้ประสานเพื่อขอลงจอดฉุกเฉินที่ “สนามบินสุวรรณภูมิ”
จากนั้น เครื่องได้ลงที่สนามบินสุวรรณภูมิประมาณเวลา 15:50 น. ทาง “สุวรรณภูมิ” ได้เข้าปฏิบัติตามแผนที่ได้กำหนดไว้ เบื้องต้นได้ประสานกับนักบิน และ ทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ ฝ่ายแพทย์ของ “สุวรรณภูมิ” ได้เข้าเครื่อง และ สำรวจจากนั้นพบว่า มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก พร้อมทั้งมีผู้เสียชีวิต จึงขออนุมัติในฐานะผู้อำนวยการท่าอากาศสุวรรณภูมิ ขอเข้าแผนฉุกเฉิน ซึ่งเรามีแผนฉุกเฉินในการรองรับ หลังจากนั้นได้มีการประกาศเข้าสู่แผนฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเข้าสู่พื้นที่ตามที่เที่ยวบินได้ลงจอด
ทั้งนี้ ได้ประสาน กับ“นักบิน” มีการตกลงจะต้องอพยพผู้โดยสารทันที เพราะฉะนั้นรถของเจ้าหน้าที่ของบริษัท การบินไทย ซึ่งพร้อมปฏิบัติตามแผนฉุกเฉินได้เข้าเทียบรอ หลังจากนั้นเป็นขั้นตอนการปฎิบัติช่วยเหลือผู้โดยสาร สำหรับยอดอุบัติผู้บาดเจ็บ ณ เวลา 19.15 น. พบว่า มีผู้ป่วยวิกฤต 7 ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บปานกลาง 23 ราย + ลูกเรือ บาดเจ็บปานกลาง จำนวน 9 ราย ผู้ป่วยบาดเจ็บเล็กน้อย นำส่งโรงพยาบาล จำนวน 16 ราย รักษาที่ ที่พักรอผู้โดยสาร (holding area) จำนวน 14 ราย รวมทั้งหมด จำนวน30 ราย และ ผู้ป่วยเสียชีวิต (สีดำ) 1 ราย ซึ่งทั้งหมดนำส่งโรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์
สำหรับสาเหตุเบื้องต้นของผู้เสียชีวิต 1 ราย สัญชาติอังกฤษอายุ73 ปี มีโรคประจำตัว คือ โรคหัวใจ ซึ่งอยู่ระหว่างการชันสูตรต่อไป ส่วนไฟลท์เที่ยวบินที่จะเดินทางมารับผู้โดยสารที่พร้อมจะเดินทางไปยังประเทศสิงคโปร์นั้น จะมาในเวลา 21.45 น.ซึ่งจะรับผู้โดยสารที่พร้อมเดินทางต่อไปประเทศสิงคโปร์
“กิตติพงศ์” กล่าวว่า “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม ได้สั่งการโดยตรงให้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริการผู้โดยสารทั้งในด้านมาตรการรักษาความปลอดภัย รวมถึงฝ่ายแพทย์ที่เข้ามาให้ปฏิบัติได้อย่างดีและรวดเร็ว พร้อมทั้งส่งผู้ได้รับบาดเจ็บไปโรงพยาบาลให้ทันเวลา สำหรับโรงพยาบาลที่ได้มีการส่งผู้บาดเจ็บไปได้แก่ สมิติเวชศรีนครินทร์
สำหรับ การสอบสวนอุบัติเหตุครั้งนี้ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ“กพท.” จะเข้าพื้นที่โดยจะมีการสอบสวนนักบินต่อไป ซึ่งระหว่างเกิดเหตุได้รับข้อมูลว่าอยู่ระหว่างผู้โดยสารรับประทานอาหารและจะถึงสนามบินชางงีภายใน 2 ชั่วโมง และ จากการที่ได้คุยกับผู้ประสบเหตุได้ทราบว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่ได้คาดเข็มขัดในระหว่างที่โดยสาร
ขณะที่ทาง “สิงคโปร์แอร์ไลน์” ได้มีการส่งเจ้าหน้าที่ประมาณ 50 คน เพื่อดูแลผู้โดยสารที่บาดเจ็บทั้งหมด และที่รักษาอยู่ในประเทศไทยซึ่งได้มีการประสานงานระหว่างสิงคโปร์ กับ ไทยอย่างใกล้ชิด สำหรับ ผู้เสียชีวิตจะเป็นขั้นตอนในส่วนของการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ จะมีการส่งไปสถาบันนิติเวช ต่อไป
ความเห็น 0