ไม่รอให้ลูกค้ากินเสร็จ! คนงานปีนหลังคารื้อร้านค้า ตามคำสั่งศาล ลงทุนแล้วแต่ไม่ได้ขาย สุดท้ายต้องแจก
ไม่รอให้ลูกค้ากินเสร็จ! คนงานปีนหลังคารื้อร้านค้า ตามคำสั่งศาล ลงทุนแล้วแต่ไม่ได้ขาย สุดท้ายต้องแจก
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 17 พ.ค.67 นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว ได้รับเรื่องร้องเรียนจาก ผู้ดูแลตลาดและพ่อค้าแม่ค้าในตลาดหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ซอยงามวงศ์วาน 24 ต.บางเขน อ.เมือง จ.นนทบุรี หลังจากเมื่อเวลา 11.00 น.ที่ผ่านมา ได้มีทนายความ กับคนงานประมาณ 20 คน พร้อมอุปกรณ์บุกเข้ามารื้อถอนร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่ตลาด โดยที่ไม่ได้ติดประกาศวันและเวลารื้อถอน ซึ่งเข้ามาในช่วงที่มีลูกค้ามารับประทานอาหารอยู่ในร้าน ทำให้เศษวัสดุและเศษฝุ่นหลุดร่วงใส่จานอาหารของลูกค้า สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าและเจ้าของร้านในบริเวณดังกล่าวกว่า 10 ร้านค้าเป็นอย่างมาก จึงได้แจ้งขอความช่วยเหลือจากทางเพจ
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าตั้งอยู่บริเวณด้านหลัง รพ.นนทเวช โดยพื้นที่ดังกล่าวเคยเป็นพื้นที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านแห่งนี้มาก่อน แต่เมื่อช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทที่ขายหมู่บ้านแห่งนี้ได้มอบหมายให้ผู้ดูแลของหมู่บ้านใช้พื้นที่ดังกล่าวจัดสรรเป็นพื้นที่ให้กับร้านค้ามาตั้งขายของเพื่อนำเงินค่าเช่าพื้นที่ที่เก็บได้มาบริหารเป็นค่าน้ำค่าไฟส่องสว่างและค่าซ่อมแซมถนนแทน จนทำให้ปัจจุบันพื้นที่ในส่วนดังกล่าวมีร้านค้ามาตั้งขายอาหารประเภทต่างๆ กว่า 10 ร้านค้า
กระทั่งประธานหมู่บ้านได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดว่า บริษัทที่สร้างหมู่บ้านทำผิดข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้ในตอนซื้อขาย คือหมู่บ้านแห่งนี้จะต้องมีสวนสาธารณะให้กับคนในหมู่บ้าน แต่ปรากฎว่าบริษัทได้มอบหมายให้คนที่ดูแลหมู่บ้าน นำพื้นที่ดังกล่าวไปสร้างเป็นร้านอาหารประเภทต่างๆ ไม่เป็นไปตามสัญญาข้อตกลง ต่อมาเมื่อต้นปี 62 ศาลชั้นต้นได้มีคำตัดสินให้ผู้ดูแลหมู่บ้านสั่งให้ร้านค้าขนย้ายอุปกรณ์ออกจากพื้นที่ดังกล่าว จนกระทั่งในวันนี้ตัวแทนผู้ร้องพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากกรมบังคับคดีได้เดินทางมาพร้อมคำสั่งศาลชั้นต้น แล้วตรงเข้ารื้อถอนร้านค้าต่างๆ ในพื้นที่บริเวณดังกล่าว
ถึงแม้ว่าจะลูกค้านั่งประทานอาหารอยู่ในร้านก็ตาม แม้ว่าเจ้าของร้านจะพยายามขอร้องขอความเห็นใจให้รื้อได้หลังช่วงเวลาบ่ายโมงไปแล้ว เนื่องจากแต่ละร้านก็เพิ่งจะลงของลงวัตถุดิบกันมา ขอยืดเวลารื้อถอนออกไปหลังบ่ายโมงเพราะเกรงว่าร้านค้ากับลูกค้า รวมทั้งวัตถุที่ลงมาจะได้รับความเสียหายจากการรื้อถอนก็ตาม แต่ไม่เป็นผล สร้างความตกใจให้กับลูกค้าที่นั่งรับประทานอาหารเป็นอย่างมาก
จากการสอบถาม น.ส.ศันทนี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว กล่าวว่า ขณะที่ลูกค้ากำลังนั่งกินอยู่เต็มร้าน คนงานก็ปีนขึ้นไปบนหลังคาแล้วรื้อทันที ทำให้มีน็อต ตะปู และชิ้นส่วนต่างๆ ร่วงลงมาใส่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าตกใจลุกออกไปยืนหน้าร้าน พร้อมกับงงและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ จากนั้นพอนั่งกินไปสักพักหลังคาร้านก็หายไปจนเกือบหมด ตนได้บอกว่า ขอให้เลื่อนไปเป็นช่วงบ่ายได้ไหม ขอให้ลูกค้าได้กินข้าว กินก๋วยเตี๋ยวให้เสร็จก่อน เพราะวันนี้ลงทุนมาแล้วประมาณ 7,000-8,000 บาท ขอให้ขายของก่อน แต่กลับไม่เป็นผล ทำให้มีเศษผงและสิ่งของร่วงลงมา เครื่องปรุงก็เสียหายเพราะมีเศษผงหล่นใส่ต้องเททิ้ง รวมทั้งเนื้อที่เตรียมไว้ทำก๋วยเตี๋ยวก็ต้องแจกเขาหมด เพราะมีเศษฝุ่นลงไปค่อนข้างเยอะ
ด้าน นางอนงนาฎ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี กล่าวว่า เริ่มต้นตลาดหมู่บ้านเกร็ดแก้ว แม่ค้าทั้งหมดจะขายอยู่ที่ซอย 1 ซึ่งขายอยู่บนทางเท้า เกะกะทางเดิน สร้างความเดือดร้อนให้กับลูกบ้าน ต่อมา นางบุญนำ ที่บริษัทมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลแทน ก็เข้ามาจัดตลาดตรงนี้ขึ้นมา แม่ค้าก็มาขายกันตรงนี้เพื่อไม่ให้ไปทำความเดือดร้อนให้ลูกบ้าน พอเริ่มค้าขายได้ ฝั่งตรงข้ามก็มาบอกให้ไปจ่ายเงินกับเขา โดยบอกกับร้านค้าหลายๆ ร้าน แต่ร้านตนเขาไม่ได้บอก เพราะรู้ว่าฝั่งที่ตนขายมี นางบุญนำ เป็นคนทำหลังคาทำตลาดขึ้นมา จึงบอกให้ไปคุยกันเองได้ไหม พวกตนเป็นแม่ค้า ตรงไหนที่ต้องจ่าย พวกเราก็ยอมจ่ายได้ เพราะเงินของตลาดจะนำไปบริหารจัดการเรื่องสาธารณูปโภคของหมู่บ้าน โดยไปจ่ายค่า รปภ.ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าลอกท่อทุกอย่าง ซึ่งตนก็เป็นคนในหมู่บ้านเหมือนกัน
ต่อมาลุงไปยื่นฟ้องบริษัทจนมีหมายศาลมาติดหลายปีแล้ว และได้เจรจาพูดคุยกัน นึกว่าเรื่องจบไปแล้ว จนกระทั่งเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้วเขาจะมารื้อ ตนจึงบอกว่าขอให้คุยกับคนเก็บเงินก่อนได้ไหม เพราะตนจ่ายเงินอยู่ วันนั้นเขาจึงกลับไป พอวันนี้เขามาบอกว่าถ้าจะรื้อจริงๆ แต่ตนขอเป็นเวลา 13.00 น.ได้ไหม เพราะทุกร้านได้ลงทุนไปหมดแล้ว ซึ่งร้านของตนยังขายไม่ได้เลย ซึ่งบางร้านมีลูกค้านั่งกินอยู่ เขาก็ปีนขึ้นไปรื้อหลังคา ลูกค้าเขาก็เห็นใจ ช่วยคุยให้ ขอให้รื้อเป็นช่วงบ่ายโมง แต่เขาก็ให้ไม่ได้ ทุกร้านลงทุนกันมาแล้ว เขาไม่ฟังอะไรทั้งสิ้นเหมือนไม่ใช่คนไทยเลย
ทางด้าน น.ส.บุญนำ อายุ 69 ปี ผู้ดูแลตลาด กล่าวว่า คดีนี้ยังอยู่ในชั้นอุทธรณ์ ตนก็ไปเจรจาคุยกับเขา 3-4 ครั้งแล้ว เขาไม่ฟังเขาจะให้รื้อออกอย่างเดียว ตนอยากถามว่าต้องการรื้อตลาดเพื่ออะไร เพราะหมู่บ้านนี้เป็นสาธารณูปโภคที่เก็บมาเป็นค่าใช้จ่าย เพราะที่นี่ไม่มีนิติบุคคล เป็นโครงการของบริษัทที่ขายหมู่บ้าน ซึ่งตนก็นำรายได้จากการเก็บค่าเช่าพื้นที่ตลาดมาจ่ายค่าสาธานูโภคส่วนกลางให้กับหมู่บ้าน แต่ฝ่ายคนร้องเขาไม่เคยจ่ายค่าส่วนกลางเลย ทั้งค่าน้ำ ค่าไฟ ค่า รปภ.ค่าลอกท่อ ค่าบำบัดน้ำเสียค่าขยะ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นเงินที่อยู่ในเงินตัวนี้ เพราะเก็บเงินลูกบ้านได้แค่นิดหน่อย
ลูกบ้าน 250 หลัง แต่เก็บได้แค่ 80 หลังเท่านั้น เพราะไม่มีกฎหมายมาบังคับให้เขาจ่าย ก็ต้องใช้พื้นที่ว่างเปล่าให้เกิดประโยชน์ ดีกว่าปล่อยพื้นที่ว่างเปล่าตรงนี้ที่ไม่ได้สร้างเป็นสวนสาธารณะให้กลุ่มวัยรุ่นมามั่วสุมหรือยึดเป็นที่จอดรถกันแล้วก็เกิดปัญหาอย่างอื่นตามมา ตอนก็อยากรู้ว่าในวันนี้เมื่อเขาชนะคดีไปแล้ว และศาลมีคำสั่งให้รื้อถอนตลาดออกไปทั้งหมดแล้ว เขาจะเอางบจากไหนมาสร้างเป็นสวนสาธารณะตามที่ได้ฟ้องร้องไป จนชาวบ้าน แม่ค้า และพนักงานในละแวกนี้ได้รับความเดือดร้อนไปด้วยกันทั้งหมด
นางบุญนำ กล่าวอีกว่า หลังศาลชั้นต้นมีคำสั่งออกมาแล้วเมื่อปี 62 แต่ตนได้ตั้งทนายยื่นอุทธรณ์คัดค้านไปเมื่อตอนเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งคำสั่งศาลอุทธรณ์ยังไม่ออกมา แต่เขาก็อ้างว่าศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว เขามีอำนาจเข้ามารื้อถอนได้ โดยไม่สนใจหรือมีความเห็นอกเห็นใจแม่ค้าพ่อค้าที่ทำมาหากินอยู่ในตลาดตรงนี้เลย
ขณะที่ นายอธิวัฒน์ สิริกังวาลวงศ์ ผู้ก่อตั้งเพจกล้าที่จะก้าว กล่าวว่า ชาวบ้านได้ร้องมาทางเพจ ตนจึงมาตรวจสอบพบว่าเป็นคำสั่งศาลที่บังคับคดีแล้ว ให้รื้อถอนด้วยอำนาจศาล เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย เพราะฉะนั้นจึงต้องยอมรับคำสั่งศาล แต่เบื้องต้นไม่ว่าจะเป็นทนายหรือบริษัทของหมู่บ้าน ไม่ได้ชี้แจงกับแม่ค้าให้เด็ดขาด ที่ผ่านมา 4-5 ปีที่เขายื้อกันมา ชาวบ้านจึงไม่เข้าใจคิดว่าเป็นการบุกรุก แต่จริงๆ แล้วเป็นไปตามกฎหมาย และช่วงเย็นวันนี้ชาวบ้านจะไปแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องทรัพย์สิน ก็ต้องไปดูว่าร้านค้าจ่ายเงินให้ใคร เงินตรงนี้นำไปทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง
ซึ่งพ่อค้า แม่ค้า และชาวบ้านเขารู้กันอยู่แล้ว ก็ว่ากันไปตามขั้นตอน ตลาดนี้เปิดขายมา 10 กว่าปีแล้ว มีการจ่ายเงินค่าเช่าที่ร้านละ 5,000-9,000 บาท แล้วนำเงินจำนวนนี้มาเป็นค่าใช้จ่ายของหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็นค่ารปภ.ค่าขยะ ค่าลอกท่อ ค่าไฟทาง แต่หลังจากนี้ร้านค้าเหล่านี้จะไม่มีแล้วหมู่บ้านจะไม่มีรายได้แล้ว ไฟทางก็จะไม่มี เป็นห่วงลูกหลานที่จะเดินเข้าออกในซอย รปภ.ก็คงจะไม่มีแล้ว อาจจะเกิดอาชญากรรมในอนาคตได้ และอาจจะไปขอความเป็นธรรมกับ นายธนกฤต จิตอารีรัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ภายในอาทิตย์หน้า
เบื้องต้นจากการตรวจสอบหลักฐานพบว่าศาลจังหวัดนนทบุรี ได้มีคำสั่งศาลชั้นต้นให้รื้อถอนร้านค้าทั้งหมดที่ปลูกบนพื้นที่สวนเด็กเล่นของหมู่บ้าน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มี.ค.62 ครั้งที่สองวันที่ 11 เม.ย.66 จากนั้นตัวแทนหมู่บ้านได้ยื่นคำร้องขอชะลอคำสั่ง เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.66 แต่ศาลยกคำร้องและให้ดำเนินตามคำสั่งศาล จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้แจ้งคำสั่งรื้อถอนครั้งที่ 3 วันที่ 22 มี.ค.67 แจ้งไปที่บริษัทศรีบรรยง ให้ร้านค้าทำการรื้อถอน โดยลงนัดวันที่ 5 เม.ย.67 และได้มีการขอยืดเวลา ขอให้ย้ายออกในวันที่ 16 พ.ค.67 จึงได้มีทนายความของนายธนวัต ผู้ร้องต่อศาลเป็นคนนำมารื้อในวันนี้ โดยเจ้าของร้านค้าและลูกบ้านทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจะเดินทางเข้าแจ้งความ ที่ สภ.เมืองนนทบุรี เวลา 17.00 น. เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม และเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดขึ้นต่อไป
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ไม่รอให้ลูกค้ากินเสร็จ! คนงานปีนหลังคารื้อร้านค้า ตามคำสั่งศาล ลงทุนแล้วแต่ไม่ได้ขาย สุดท้ายต้องแจก
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
- Website : https://www.khaosod.co.th