โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เด็ก 13 ดีใจสุดขีด! พบซากฟันเมกาโลดอน ฉลามใหญ่ที่สุดในโลก ที่เคยอยู่บนโลก 3-20 ล้านปีก่อน

Environman

เผยแพร่ 04 ส.ค. 2566 เวลา 01.00 น.

เด็กหนุ่มวัย 13 ปีพบซากฟันฉลาม บริเวณชายฝั่งของ เขต เอสเซ็กซ์ สหราอาณาจักร ที่เป็นของฉลามยักษ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์

หนุ่มน้อยเบนคนนี้พบฟันที่มีขนาด 10 เซนติเมตร ที่เมืองชายทะเล Walton-on-the-Naze ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนของเขา

เจสัน พ่อของเบนเผยว่า น้องดีใจสุดขีดเมื่อเจอสิ่งนี้ ปกติเขาและลูกชายจะเดินตามชายหาดปีละครั้งเพื่อหาซากฟอสซิลต่าง ๆ อยู่แล้วเป็นงานอดิเรก เขาบอกว่าเบนอยากเป็นนักบรรพชีวินวิทยาเมื่อเขาอายุมากขึ้น

พอพวกเขาพบซากฟัน เบนและพ่อของเขาเลยนำมันไปให้กับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า Essex Wildlife Trust ซึ่งที่นี่ก็ยืนยันภายหลังว่า มันเป็นฟันของเมกาโรดอน และฟันที่เจอยังคงสภาพเดิม เป็นอะไรที่หาได้ยากมาก อาจมาจากเมื่อ 3.6 ล้าน ถึง 20 ล้านปี ส่วนใหญ่ที่เจอกันก็จะเป็นเศษซากเล็ก ๆ แต่การเจอของพวกเขาเป็นการเจอที่มาแบบเต็มชิ้น

อย่างไรก็ตาม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสของสหราชอาณาจักร มองว่าฝันนี้เป็นฝันที่เคยถูกเก็บมาแล้วและเชื่อว่ามันไม่ได้ถูกพัดมาที่ฝั่งโดยธรรมชาติ

ฉลามยักษ์ดึกดำบรรพ์ หรือเมกาโลดอน เป็นฉลามที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เคยอาศัยอยู่เมื่อ 3-20 ล้านปีก่อน โดยเมกาโลดอนตัวล่าสุดที่อยู่บนโลกอยู่ในยุค Miocene Epoch

เมื่อนำมาเทียบกับมนุษย์ ความสูงของมนุษย์หนึ่งคนจะเทียบเท่ากับแค่ครีบหลังของมันเท่านั้นเอง สาเหตุที่มันหายไปจากโลก นักวิทยาศาตร์คาดว่าเป็นเพราะอากาศที่เย็นขึ้นของโลก อุณหภูมิน้ำลดลงทำให้สัตว์ที่เป็นอาหารของมันสูญพันธุ์ ไม่ก็ย้ายถิ่นฐานไปปรับตัวให้เข้ากับน้ำเย็นที่อื่นที่ ๆ เมกาโลดอนตามไปไม่ได้ เพราะมันชอบน้ำอุ่น จนทำให้เมกาโลดอนขาดแคลนอาหารไปในที่สุด

พวกมันจะกินปลาที่ตัวเล็กกว่าอย่าง วาฬ ปลาใหญ่ หรือฉลามตัวอื่น ๆ (นี่คือเล็กกว่าแล้ว) หลักฐานชิ้นสำคัญที่นักวิทยาศาสตร์นำมายืนยันเกี่ยวกับเรื่องอาหารการกินของมันก็คือฟอสซิลของวาฬบางตัวที่มีรอยฟันของฉลามเมกาโลดอนอยู่ หรือบางตัวก็มีเศษของปลายฟันติดมาด้วย

ที่มา

https://www.bbc.com/news/uk-england-essex-66372259

https://www.nhm.ac.uk/…/megalodon--the-truth-about-the…

https://www.britannica.com/…/10-fascinating-facts-about…

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...