RATCH Group อัดเงินลงทุน 50,000 ล้านบาท 5 ปี ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,500 MW
RATCH Group อัดเงินลงทุน 50,000 ล้านบาท 5 ปี ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,500 MW พร้อมลุยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนธุรกิจพัฒนาโครงสร้างฐานจาก 10% เป็น 20%
นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH Group กล่าวถึง ทิศทางธุรกิจราชกรุ๊ปในทศวรรษที่ 2 ว่า วางเป้าหมายธุรกิจ ปี 2562-2566 ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้เฉลี่ยปีละ 700 เมกะวัตต์ หรือรวม 3,500 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งเพิ่มการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานรูปแบบต่างๆ คาดว่าภาพรวมจะใช้เงินลงทุนราว 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี
โดยผลสำเร็จใน ปี2566 จะเพิ่มสัดส่วนในระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน 20% จากปัจจุบันที่ 10% และยังคงสัดส่วนรายได้หลักจากธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานสัดส่วน 80% โดยมีกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 แสนล้านบาท และพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์
“โอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า หลังแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2018) บริษัทเตรียมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิต 8,300 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานทดแทน 18,176 เมกะวัตต์และรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 5,857 เมกะวัตต์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง”
นอกจากนี้ยังมองถึงโอกาสขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เพื่อให้ได้สัดส่วน 50%ของรายได้ทั้งหมด ทั้งโรงไฟฟ้า IPP ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และนิวเคลียร์ โครงการพลังงานทดแทนทั้งลม แสงอาทิตย์ และน้ำ โดยมีประเทศเป้าหมาย คือ ออสเตรเลีย จีน และอาเซียน ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ขณะที่โอกาสการลงทุนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น สอดรับกับทิศทางของประเทศและนโยบายรัฐบาลมุ่งส่งเสริมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ทางบริษัทมองว่าเป็นโอกาสจะขยายการลงทุน 4 ด้าน คือ คมนาคมขนส่ง สื่อสารคมนาคม บริหารจัดการน้ำ และ Internet of Thing (IoT)
นานกิจจา กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ จะมีการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศ ทั้งประเภทโครงการ IPP และ SPP 2 โครงการ การลงทุนในต่างประเทศท6 โครงการ ทั้งรูปแบบพลังงานลม พลังน้ำ และ IPP เชื้อเพลิงฟอสซิล และที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2562 จะได้ข้อสรุปมากถึง 5-6 โครงการ
ส่วนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเตรียมลงทุนร่วมกับพันธมิตรในโครงการรถไฟฟ้าส่วนขยายสายสีชมพูและสีเหลือง รถไฟฟ้ารฟม. มอร์เตอร์เวย์ และ IoT ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นอกจากนี้มีระบบน้ำประปาแสนดินใน สปป.ลาว และการทำไฟเบอร์ออฟติก นำสายไฟลงดิน
สำหรับภาพรวมปัจจุบัน ราชกรุ๊ป มีธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เปิดเดินเครื่องแล้ว 6,860.34 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าที่จะเดินเครื่องและรับรู้รายได้ (COD) 179.73 เมกะวัตต์ คือ Collinsvile Solar Farm โรงไฟฟ้าเบิกไพร โคเจนเนอเรชั่น และโรงไฟฟ้าเซเปียโน-เซน้ำน้อย ซึ่งจะCOD ตามแผนในช่วงปลายปี 2562
ส่วนโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง มีกำลังการผลิตรวม 489.79 เมกะวัตต์ คือ Riau, Fangchenggang II NNP, Collector Wind Farm และ NNEG expansion
“ภาพรวมรายได้ในปีนี้จะขยายตัวมากขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 4,043.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% ซึ่งเป็นรายได้จากขายและบริการ 2,058.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% รายได้ส่วนแบ่งกำไร 1,081.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% มีสินทรัพย์รวมม103,185.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นท1.9% ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ1”