โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

RATCH Group อัดเงินลงทุน 50,000 ล้านบาท 5 ปี ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,500 MW

ประชาชาติธุรกิจ

เผยแพร่ 23 พ.ค. 2562 เวลา 06.00 น.

RATCH Group อัดเงินลงทุน 50,000 ล้านบาท 5 ปี ขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า 3,500 MW พร้อมลุยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนธุรกิจพัฒนาโครงสร้างฐานจาก 10% เป็น 20%

นายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH Group กล่าวถึง ทิศทางธุรกิจราชกรุ๊ปในทศวรรษที่ 2 ว่า วางเป้าหมายธุรกิจ ปี 2562-2566 ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าให้ได้เฉลี่ยปีละ 700 เมกะวัตต์ หรือรวม 3,500 เมกะวัตต์ พร้อมทั้งเพิ่มการลงทุนในธุรกิจโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานรูปแบบต่างๆ คาดว่าภาพรวมจะใช้เงินลงทุนราว 10,000-20,000 ล้านบาทต่อปี

โดยผลสำเร็จใน ปี2566 จะเพิ่มสัดส่วนในระบบโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน 20% จากปัจจุบันที่ 10% และยังคงสัดส่วนรายได้หลักจากธุรกิจไฟฟ้าและพลังงานสัดส่วน 80% โดยมีกำลังการผลิต 10,000 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 แสนล้านบาท และพลังงานทดแทน 2,000 เมกะวัตต์

“โอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า หลังแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP 2018) บริษัทเตรียมลงทุนโครงการโรงไฟฟ้า IPP กำลังการผลิต 8,300 เมกะวัตต์ โครงการพลังงานทดแทน 18,176 เมกะวัตต์และรับซื้อไฟฟ้าจากต่างประเทศ 5,857 เมกะวัตต์ และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง”

นอกจากนี้ยังมองถึงโอกาสขยายการลงทุนไปต่างประเทศ เพื่อให้ได้สัดส่วน 50%ของรายได้ทั้งหมด ทั้งโรงไฟฟ้า IPP ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน และนิวเคลียร์ โครงการพลังงานทดแทนทั้งลม แสงอาทิตย์ และน้ำ โดยมีประเทศเป้าหมาย คือ ออสเตรเลีย จีน และอาเซียน ลาว เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์

ขณะที่โอกาสการลงทุนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เพิ่มขึ้น สอดรับกับทิศทางของประเทศและนโยบายรัฐบาลมุ่งส่งเสริมเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (อีอีซี) ทางบริษัทมองว่าเป็นโอกาสจะขยายการลงทุน 4 ด้าน คือ คมนาคมขนส่ง สื่อสารคมนาคม บริหารจัดการน้ำ และ Internet of Thing (IoT)

นานกิจจา กล่าวว่า แนวโน้มการลงทุนในปีนี้ จะมีการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าในประเทศ ทั้งประเภทโครงการ IPP และ SPP 2 โครงการ การลงทุนในต่างประเทศท6 โครงการ ทั้งรูปแบบพลังงานลม พลังน้ำ และ IPP เชื้อเพลิงฟอสซิล และที่อยู่ระหว่างเจรจาอีกหลายโครงการ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าในช่วงไตรมาส 2/2562 จะได้ข้อสรุปมากถึง 5-6 โครงการ

ส่วนระบบสาธารณูปโภคพื้นฐานเตรียมลงทุนร่วมกับพันธมิตรในโครงการรถไฟฟ้าส่วนขยายสายสีชมพูและสีเหลือง รถไฟฟ้ารฟม. มอร์เตอร์เวย์ และ IoT ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นอกจากนี้มีระบบน้ำประปาแสนดินใน สปป.ลาว และการทำไฟเบอร์ออฟติก นำสายไฟลงดิน

สำหรับภาพรวมปัจจุบัน ราชกรุ๊ป มีธุรกิจโรงไฟฟ้าที่เปิดเดินเครื่องแล้ว 6,860.34 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าที่จะเดินเครื่องและรับรู้รายได้ (COD) 179.73 เมกะวัตต์ คือ Collinsvile Solar Farm โรงไฟฟ้าเบิกไพร โคเจนเนอเรชั่น และโรงไฟฟ้าเซเปียโน-เซน้ำน้อย ซึ่งจะCOD ตามแผนในช่วงปลายปี 2562

ส่วนโรงไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้าง มีกำลังการผลิตรวม 489.79 เมกะวัตต์ คือ Riau, Fangchenggang II NNP, Collector Wind Farm และ NNEG expansion

“ภาพรวมรายได้ในปีนี้จะขยายตัวมากขึ้นตามการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในไตรมาส 1 ปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 4,043.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.5% ซึ่งเป็นรายได้จากขายและบริการ 2,058.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.5% รายได้ส่วนแบ่งกำไร 1,081.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.6% มีสินทรัพย์รวมม103,185.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้นท1.9% ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ1”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...