โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

เสียงผิวปากของใคร... - พุธนี้ผีดุ

LINE TODAY ORIGINAL

เผยแพร่ 15 ก.ย 2563 เวลา 17.55 น. • หลานสาวน้าป๋อง

"เราเป็นลูกคนจีนซึ่งฝั่งป๊าเป็นเจเนอเรชั่นแรกที่ย้ายมาอยู่ไทย ส่วนฝั่งแม่มีเชื้อสายมอญ บ้านเราเลยมีความเข้มข้นทางวัฒนธรรมมาก ๆ และมีความคาบเกี่ยวระหว่างความทันสมัยกับความเชื่อแบบโบราณ ๆ ซึ่งถ้าถามว่าตัวเองมีเซนส์ไหม ตอนเด็ก ๆ ก็เคยเจอเหตุการณ์แปลก ๆ อยู่บ้าง อย่างเช่น มีวันนึงเราทักแม่ว่ามีคนมาหาหน้าบ้าน แต่แม่กลับบอกว่าไม่เห็นมีใคร แล้วในคืนเดียวกันก็ดันเกิดอุบัติเหตุครั้งใหญ่ขึ้นกับแม่..

เราไม่ใช่คนที่งมงายเชื่อเรื่องพวกนี้แต่ก็ไม่ได้ลบหลู่นะ จนมาถึงเหตุการณ์หนึ่งที่เจอกับตัวเองและความรู้สึกชัดเจนมาก ๆ  เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนเราเรียนอยู่ Year 12 หรือถ้าเทียบเท่าโรงเรียนไทยก็คือชั้นม.5 

โรงเรียนของเราตั้งอยู่ริมแม่น้ำโดยที่จะมีตึกเรียนหลัก ๆ อยู่ทั้งหมด 2 ตึก ตึกนึงเป็นของนักเรียนประถมฯ อีกตึกเป็นของเด็กมัธยมฯ ซึ่งทั้งสองตึกหันหน้าเข้าหากันและจะมีทางเชื่อมตึกอยู่ตรงกลาง เด็กม.ปลายจะไม่ได้มีห้องเรียนประจำเป็นของตัวเอง แต่โรงเรียนจะให้ใช้พื้นที่บนชั้นดาดฟ้าของตึกมัธยมฯ เป็นที่รวมตัวกันก่อนที่จะเริ่มเวียนกันเข้าไปเรียนตามคาบต่าง ๆ 

ข้างบนชั้นนั้นก็จะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ เป็นทางเดินยาว ๆ ที่แบ่งสัดส่วนไว้ตามรูปด้านล่างนี้ ทางขึ้นชั้นดาดฟ้าก็สามารถขึ้นได้สองทาง จะมีทั้งบันไดกลางที่ขึ้นตรงมาแล้วถึงเลยกับบันไดข้างที่อยู่สุดทางของตึก ต้องเดินผ่าน Exam Hall ห้องสอบใหญ่ ๆ และประตูกระจกที่กั้นไปอีก..

เราคุ้นชินกับทุกอย่างในโรงเรียนนะเพราะก็อยู่มาตั้งแต่เด็ก ๆ แต่ด้วยความที่ตัวเองมีนิสัยประจำตัวอย่างหนึ่งคือกลัวการมาโรงเรียนสายมาก ๆ ทำให้ทุกวันเราจะมาถึงก่อน 6 โมงครึ่ง และนิสัยของเรานี้นี่ล่ะที่ทำให้เจอกับเรื่องแปลก ๆ ในครั้งนั้น..

เช้าวันนั้นเราก็มาถึงโรงเรียนเวลาเดิม ก่อนที่พี่ยามกะเช้าจะเข้างานซะอีก เราก็เดินขึ้นบันไดกลางเพื่อเอาของไปเก็บที่ห้องชั้นดาดฟ้า ตอนนั้นยังเป็นช่วงเวลาเช้ามืดที่แสงทุกอย่างยังรำไรและพี่แม่บ้านก็ไม่ได้เปิดไฟทางเดินในตึกเอาไว้ เราก็เดินขึ้นบันไดไปตามปกติเหมือนทุก ๆ วัน

ในขณะที่กำลังไต่บันไดไปทีละขั้นนั้นเอง หูเราก็ได้ยินเสียง ๆ หนึ่งมาจากที่ไกล ๆ เสียงนั้นฟังเหมือนคนกำลังผิวปากอยู่บาง ๆ เป็นเสียงแหลมแต่แผ่ว

ตอนนั้นเราก็คิดว่าคงเป็นเสียงของแม่บ้านสักคนที่กำลังถูพื้นอยู่ แต่เดินขึ้นบันไดผ่านชั้นล่างมาชั้นสองก็แล้ว เสียงที่ได้ยินก็ยังคงชัดเจนเท่าเดิม..

วี้ ๆๆ เป็นเสียงผิวปากเบา ๆ ดังตามขึ้นมา สิ่งที่เราคิดอีกอย่างก็คืออาจจะมีใครอีกคนที่กำลังเดินข้ึนบันไดอีกฝั่งมาพร้อม ๆ กับเรา พอขึ้นมาถึงชั้น 3 เสียงนั้นก็ยังไม่หายไป เป็นเพลงที่ฟังคุ้นหูแต่เราก็นึกชื่อไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไร ผิวเพี้ยนไม่ตรงทำนองบ้าง ลอยมาจากที่ไกล ๆ อย่างต่อเนื่อง

เราเดินต่อขึ้นไปจนถึงห้องเพื่อเก็บของ โชคดีที่วันนั้นมีเพื่อนที่ชอบมาเช้าเหมือนกันอยู่ในห้องบ้างแล้ว และถึงห้องที่เราใช้รวมตัวกันเป็นห้องทึบ ไม่มีหน้าต่าง แถมประตูห้องอยู่คนละฝั่งกับทางเดิน เสียงผิวปากก็ยังคงดังมาอยู่เรื่อย ๆ 

เรารีบวางของและไปซุกตัวอยู่บนโซฟา ไม่พูดกับใครเลยเพราะตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่าเสียงที่ได้ยินมาจากไหนและทำไมถึงยังได้ยินอยู่ตลอดเวลา พอผ่านไป 5 นาที เสียงผิวปากนั้นถึงหายไป

เพื่อนหันมาถามเราว่าเป็นอะไร ทำไมไม่พูดไม่จาตั้งแต่เดินเข้ามาในห้อง เราก็เลยถามกลับไปว่าเมื่อกี้ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยหรอ

เพื่อนส่ายหน้าแล้วบอกว่าไม่เห็นมีอะไรเลย…

ตอนนั้นพูดจริง ๆ ว่าเราก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน มันเหมือนโดนสะกดให้ต้องฟังอย่างนั้นแบบคิดอะไรอย่างอื่นไม่ได้  มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าคน ๆ นั้นจะใช้บันไดเดียวกับเรา เพราะทั้งข้างหน้าและข้างหลังตอนที่เรากำลังเดินขึ้นห้องก็ไม่มีใคร และก็เป็นไปไม่ได้เช่นกันว่าจะเป็นคนที่เดินขึ้นมาจากบันไดข้าง ๆ เพราะเสียงที่เราได้ยินดังชัดเจนมาก ๆ ถ้าเสียงต้องเดินทางผ่านประตูกระจก ห้องสอบห้องใหญ่ และโถงทางเดินที่ยาวสุด ๆ มาถึงจุดที่เรายืนอยู่ก็ไม่มีทางที่จะชัดได้ขนาดนั้น

จนถึงทุกวันนี้ เรื่องก็ผ่านมาเป็นเวลาสิบปีแล้ว เราก็ยังหาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าเจ้าของเสียงผิวปากเป็นใคร และเพลงที่เขาผิวปากคือเพลงอะไร…"

ขอขอบคุณคุณ M เจ้าของเรื่องประจำสัปดาห์นี้ ส่วนสัปดาห์หน้าเราจะมีเรื่องชวนขนหัวลุกอะไรมาฝากกัน ติดตามได้ในคอลัมน์ "พุธนี้ผีดุ" บน LINE TODAY

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0