โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

พระยาเทเวศรฯ มหาดเล็กสมัย ร. 5 ที่เกือบได้เป็น พันท้ายนรสิงห์คนที่ 2

ศิลปวัฒนธรรม

อัพเดต 23 ม.ค. เวลา 11.21 น. • เผยแพร่ 23 ม.ค. เวลา 09.15 น.
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ภาพตกแต่งเพิ่มเติมจากไฟล์ต้นฉบับของ AFP PHOTO)

พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ มหาดเล็กสมัย ร. 5 ที่เกือบได้เป็น พันท้ายนรสิงห์คนที่ 2

“พันท้ายนรสิงห์” ข้าราชการกรุงศรีอยุธยา ในรัชกาลพระเจ้าเสือ ที่ทำหน้านายท้ายเรือพระที่นั่ง ผู้ยืนยันรับโทษ “ประหารชีวิต” เพราะหัวเรือพระที่นั่งหัก เนื่องจากเส้นทางที่คดเคี้ยว

เหตุการณ์คล้ายๆ กันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งสมัยรัตนโกสินทร์ ในรัชกาลที่ 5 แต่ตอนจบคราวนี้ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

เรื่องราวนี้ ไกรฤกษ์ นานา ค้นคว้าและเรียบเรียงไว้ในบทความของเขาที่ชื่อว่า “ปิยมหาราชานุสรณ์ ประวัติศาสตร์ที่ไม่ถูกบันทึก” (ศิลปวัฒนธรรม, เมษายน 2551) พอสรุปความได้ว่า

มหาดเล็กผู้หนึ่งชื่อ พระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ (ม.ล. วราห์ กุญชร) บุตรชายของเจ้าพระยาเทเวศร์วงศ์วิวัฒน์ (หม่อมราชวงศ์หลาน กุญชร) กับหม่อมเผื่อน กุญชร ณ อยุธยา

ขณะเกิดเหตุนั้นพระยาเทเวศรฯ มียศเป็นหลวงฤทธิ์นายเวร ทำหน้าที่สารถีขับรถม้าพระที่นั่ง ซึ่งเวลานั้นรัชกาลที่ 5 เสด็จทรงตรวจตราการก่อสร้างพระราชวังดุสิต เป็นประจำเกือบทุกวัน บางครั้งก็ยังเสด็จทรงตรวจงานที่วัดเบญจมบพิตรซึ่งก่อสร้างในเวลาเดียวกันอีกด้วย

ส่วนต้นเหตุของปัญหาเกิดจาก “ม้า” ที่ใช้เทียมรถพระที่นั่ง

ม้าดังกล่าว เป็นม้าเทศคู่หนึ่งที่กรมม้าได้รับมาจากสิงคโปร์ รัชกาลที่ 5 โปรดม้าคู่นั้นมาก มีพระบรมราชโองการให้ใช้เทียมรถพระที่นั่ง แต่ม้านั้นบังเอิญมีขวัญที่สีข้างซ้ายประเภทที่เรียกว่า “แร้งกระพือปีก” ซึ่งตามตำราม้าถือว่าเป็นลักษณะไม่ดี ไม่ควรใช้เทียมรถพระที่นั่ง กรมม้าจึงได้กราบบังคมทูลให้ทรงทราบ

หากรัชกาลที่ 5 รับสั่งว่าให้ลองดู ปรากฏว่าม้าคู่นี้มีลักษณะตื่นง่ายไม่เป็นที่ไว้วางใจ รัชกาลที่ 5 รับสั่งกับพระยาเทเวศรฯ ผู้เป็นสารถีว่า “ไม่เป็นไร”

หากก็เกิดเหตุขึ้นจนได้

วันหนึ่งเวลาเย็นเสด็จฯ กลับจากการตรวจงานก่อสร้างวัดเบญจมบพิตร รถพระที่นั่งขับเลียบคลองเปรมประชากร ไปตามถนนซึ่งยังไม่เรียบร้อย มีลวดหนามกั้นริมคลองเป็นตอนๆ มาถึงทางเลี้ยวตอนหนึ่ง ขณะที่มีรถบรรทุกหญ้าสวนมากะทันหัน ม้าเทียมรถพระที่นั่งตื่นหันไปครูดกับลวดหนาม เลยตกใจมากพารถพระที่นั่งออกวิ่ง

พระยาเทเวศรฯ สารถีใช้วิธีบังคับใดๆ ก็ไม่สำเร็จ จึงหันมากราบบังคมทูลว่า ไม่สามารถจะให้ม้าลดฝีเท้าลงได้ จะต้องทำให้หยุดด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง

รัชกาลที่ 5 รับสั่งว่า “ทำอย่างไรก็ตามใจเอ็ง”

พระยาเทเวศรฯ จึงได้ตัดสินใจชักม้าให้ลงไปในคลองตื้นตอนหนึ่ง รถพระที่นั่งลงไปตะแคงล้อติดบนถนนข้างหนึ่งและลงไปในโคลนข้างหนึ่ง แต่ไม่มีผู้ใดบาดเจ็บ สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมขุนนครราชสีมา ที่ตามเสด็จไปด้วยก็มิได้ตกพระทัยมากมายแต่อย่างใด และได้เสด็จฯ กลับถึงพระบรมมหาราชวังโดยปกติ

เจ้าพระยาเทเวศรฯ (บิดาของพระยาเทเวศรฯ) ตำแหน่งจางวางมหาดเล็กและบังคับราชการกรมม้าด้วย เมื่อทราบข่าวก็รีบเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รัชกาลที่ 5 ทอดพระเนตรเห็นเจ้าพระยาเทเวศรฯ ก็มีพระราชดำรัสว่า “เทเวศรไอ้อู๊ด [ชื่อเล่นพระยาเทวศรฯ]ขับรถไปลงคลอง”

เจ้าพระยาเทเวศรฯ กราบบังคมทูลว่า “ทำความผิดเช่นนี้ เป็นความผิดถึงประหาร”

รัชกาลที่ 5 รับสั่งว่า“ไอ้อู๊ดมันไม่ได้ทำ ม้ามันทำ” แล้วก็ทรงพระสรวล และมิให้ลงพระราชอาญาอย่างใด

พระยาเทเวศรฯ เล่าว่า ท่านบิดารู้สึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างสุดซึ้ง แต่ก็ได้แสดงความไม่พอใจที่ผู้เป็นลูกมิได้ถูกลงพระราชอาญาอย่างใดอยู่เป็นเวลานาน

กรณีของพระยาเทเวศรวงศ์วิวัฒน์ หากวิเคราะห์ว่าเป็นความรับผิดชอบในหน้าที่ ท่านก็คงได้เป็นพันท้ายนรสิงห์คนที่ 2 เป็นแน่ แต่เนื่องจากรัชกาลที่ 5 ทรงตัดสินอย่างฉับพลันทันที ว่าเป็นเรื่องสุดวิสัยและทรงโยนความผิดให้ม้าเป็นผู้รับผิดแทน พระยาเทเวศรฯ จึงรอดตัวรอดตายไปได้อย่างหวุดหวิด

อ่านเพิ่มเติม :

สำหรับผู้ชื่นชอบประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรม แง่มุมต่าง ๆ ทั้งอดีตและร่วมสมัย พลาดไม่ได้กับสิทธิพิเศษ เมื่อสมัครสมาชิกนิตยสารศิลปวัฒนธรรม 12 ฉบับ (1 ปี) ส่งความรู้ถึงบ้านแล้ววันนี้!! สมัครสมาชิกคลิกที่นี่

เผยแพร่ในระบบออนไลน์ครั้งแรกเมื่อ 25 มกราคม 2566

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : พระยาเทเวศรฯ มหาดเล็กสมัย ร. 5 ที่เกือบได้เป็น พันท้ายนรสิงห์คนที่ 2

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.silpa-mag.com

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...