โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

อยากได้บ้านในฝัน แต่ไม่รู้เรียกว่าสไตล์ไหน รวม “10 รูปแบบสไตล์แต่งบ้านยอดฮิต” ชอบแบบไหนจะได้เรียกถูก!

TheHippoThai.com

เผยแพร่ 23 ก.ค. 2562 เวลา 04.39 น. • THE HIPPO | Another Point Of View

เคยฝันว่าอยากได้บ้านสวย ๆ แต่กลับมีปัญหาในการสื่อสารกับเพื่อน ๆ หรือนักออกแบบไม่ถูก ว่าสไตล์นี้เรียกว่าอะไรมั้ยครับ หรือเคยสงสัยหรือเปล่าครับว่าทำไมเวลานักออกแบบแต่งบ้านออกมา… ทุกอย่างเข้ากันไปหมด ซึ่งบางทีเราอาจจะคิดว่าการตกแต่งบ้านเป็นเรื่องง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้! แต่ทำไมทำออกมาแล้วก็ไม่เหมือนกับนักออกแบบที่เป็นคนทำ… เค้าทำได้อย่างไร?  มีตัวช่วยอะไรบ้าง? วันนี้ผมมีเคล็ดลับมาบอกครับ

จริง ๆ แล้วคำตอบของการตกแต่งบ้านให้สวย มีเอกลักษณ์โดดเด่นนั้นทำไม่ยาก เพียงแค่มีสไตล์ให้ชัดเจน! เพราะสไตล์มีความสำคัญมาก เป็นเหมือน Roadmap นำทางไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้ โดยองค์ประกอบต่าง ๆ ในการตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะเป็นองค์ประกอบหลัก องค์ประกอบรอง การใช้วัสดุ การใช้โทนสี ฯลฯ จะไปในทิศทางเดียวกันหมด ในตอนนี้จะขอเสนอวิธีเรียก และสังเกตสไตล์แบบง่าย ๆ เป็นสไตล์ยอดฮิตที่นิยมกันทั่วไปในบ้านเรา บางท่านอาจจะรู้และคุ้นเคยอยู่บ้างแล้ว ในครั้งหน้าผมจะเอาสไตล์ที่มีความ Advance มากขึ้น มาเล่าสู่กันฟังนะครับ แต่ท่านที่ยังไม่รู้ลองสังเกตและลองจำชื่อเรียกของสไตล์แต่ละสไตล์ เผื่อเวลาใครมาถามหรือขอความคิดเห็นก็สามารถอธิบายอย่างมืออาชีพได้เลยครับ

  • Modern Style

หรือที่แปลตรงตัวว่า “ทันสมัย” เป็นสไตล์ที่ใช้องค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์ที่เน้นเส้นสายของแนวนอนและแนวตั้ง หรือรูปทรงเรขาคณิตที่ถูกตัดทอนองค์ประกอบของรายละเอียดที่มากมาย ให้ออกมาเรียบง่าย สะอาดตา เน้นประโยชน์ใช้สอย เป็นสไตล์ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานสถาปัตยกรรมยุค 20 สีที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นเฉดสีกลาง ๆ เช่น ขาว เทา ครีม เบจ และอาจจะตัดด้วยสีที่โดดขึ้นมา อุปกรณ์ที่ใช้ในบ้านจะมีความทันสมัย บ้านเรานิยมใช้การตกแต่งสไตล์นี้เพราะเนื่องจากใช้เฟอร์นิเจอร์ในการตกแต่งไม่มากแต่เพียงพอในการใช้งาน ปล่อยให้ Space ของสถาปัยกรรมเป็นพระเอกในการสร้างบรรยากาศการตกแต่งภายใน

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Modern Style

  • จัดแปลนการใช้งานแบบเปิดโล่ง (Open Space)
  • จัดวางองค์ประกอบของ พื้น ผนัง ฝ้าเพดาน และเฟอร์นิเจอร์ ด้วยเส้นตรงที่สอดคล้องต่อเนื่องกัน
  • ใช้ของประดับตกแต่งเท่าที่จำเป็นกับการใช้งานและมีรูปทรงที่เรียบง่าย ปราศจากของประดับตกแต่งที่มีรายละเอียดยุ่งเหยิง
  • มีการใช้วัสดุที่ให้ความรู้สักที่ทันสมัย เช่น โลหะ กระจก หรือวัสดุมันวาว

Modern Style สามารถแบ่งเป็นแนวทางที่เป็นปลีกย่อยได้อีกหลายแนวทาง ซึ่งแต่และแนวทางก็รับอิทธิพลมาจากแต่ละสถานที่ หรือยุคสมัยที่แตกต่างกันไป วิธีการสังเกตรูปแบบหรือองค์ประกอบที่นำมาใช้ในแต่ละแนวทางสามารถแบ่งได้ตามนี้ครับ

  • Minimal Modern

เป็นการออกแบบที่ตัดทอนรายละเอียดการออกแบบออกทั้งหมดจนเหลือแต่แก่นแท้ของธรรมชาติ เป็นการลดทอนรายละเอียดสิ่งที่ไม่จำเป็นให้เหลือเพียงความเรียบง่าย ตามปรัชญาแนวคิดที่ว่า “Less is More” หรือ “น้อยแต่มาก” แนวความคิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น โดยถ่ายทอดผ่านทางวัฒนธรรมและพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ความน่าสนใจของงานสไตล์นี้คือการใช้องค์ประกอบที่น้อยและใช้วัสดุที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เน้นแสงและเงาที่สร้างให้บรรยากาศของห้องมีความสวยงามดั่งงานศิลปะ

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Minimal Modern Style

  • องค์ประกอบในการตกแต่งภายในน้อยถึงน้อยที่สุด เน้นพื้นที่โล่งว่าง ดูสะอาดตา
  • ใช้แสงและเงาในการสร้างบรรยากาศ
  • ใช้โทนสีไม่สว่างไปเลย ก็เข้มไปเลยแล้วใช้แสงและเงาเป็นตัวสร้างบรรยากาศ
เจ้าของ : คุณศักดิ์ชัย ครุจิตร โดย abalance interior design co., ltd.
  • *Contemporary Modern *

“ความร่วมสมัย” อาจจะใช้เป็นคำจำกัดความได้ดีของงานตกแต่งสไตล์นี้ Contemporary Modern Style มีจุดเริ่มต้นมาจากแนวคิดในการผสมผสานของการตกแต่งสไตล์ Classic และ Modern มาผสมเข้าด้วยกันให้เกิดความลงตัวอย่างสมดุล โดยใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของประดับที่ไม่ดูย้อนยุคหรือทันสมัยมากจนเกินไป และไม่เน้นลวดลายหรือสีสันที่ฉูดฉาด แต่คำนึงถึงความเรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Contemporary Modern

  • ใช้เฟอร์นิเจอร์รูปทรง Classic แต่ถูกตัดทอนรายละเอียดให้ดูทันสมัยขึ้น
  • ใช้โทนสีในกลุ่มเอิร์ธโทน
  • ใช้ไม้ กระจก ผ้าบุเฟอร์นิเจอร์สีเรียบ ๆ ไม่มีลวดลาย
  • องค์ประกอบในการตกแต่งภายในไม่เน้นรายละเอียดที่มาก ๆ ดูสะอาดตา
เจ้าของ : คุณภณ กัลยวินัย โดย abalance interior design co., ltd.
  • Mid-Century Modern

บรรยากาศของบ้านที่มีองค์ประกอบการตกแต่งภายในที่เรียบง่าย แต่อัดแน่นไปด้วยประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก สภาพแวดล้อมของห้องใช้วัสดุที่ง่าย ๆ เน้นการใช้สัจวัสดุ เช่น ผนังที่ฉาบปูนหรือก่ออิฐแล้วทาสีเลย พื้นปูด้วยไม้สีธรรมชาติ แทรกด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่มีกลิ่นอายโมเดิร์นในยุค 50 – 80 หรือที่รู้จักกันในนาม Bauhaus ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของสไตล์นี้คือ เก้าอี้ในตะกูล Eames Chair จาก Charles & Ray Eames ดีไซน์เนอร์ผู้บุกเบิกสไตล์ Mid-Century Modern ในการเป็นจุดเด่นของงานออกแบบสไตล์นี้ เป็นต้น

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Contemporary Modern

  • การใช้โทนสีสว่าง สีอ่อน – สีพาสเทล
  • องค์ประกอบของการตกแต่งภายในที่มีรูปทรงเรขาคณิต และมีความโค้งมน
  • องค์ประกอบของลายเส้นที่ดูสะอาดตาเป็นธรรมชาติ เน้นความเรียบง่าย ตรงไปตรงมา และชัดเจน
  • เน้นเรื่องประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก (Form Follows Function)
เจ้าของ : คุณกัญญฉัชฌ์ เลิศธนไพบูลย์ โดย abalance interior design co., ltd. เจ้าของ : คุณภูมิใจ ตั้งสง่า โดย abalance interior design co., ltd.
  • Modern Luxury

เป็นคำจำกัดความของการตกแต่งภายในที่นำเอาความร่วมสมัยของสไตล์ Contemporary Modern มาบวกกับการใช้วัสดุที่สะท้อนถึงความหรูหรา ได้แก่ หินอ่อน ผ้าไหม หนังหรือขนสัตว์ กำมะหยี่ กระจก แก้วคริสตัล และโลหะที่มีความมันวาว เช่น สแตนเลส ทองเหลืองเฉดสีต่าง ๆ มาเป็นองค์ประกอบในงานตกแต่งภายใน ทำให้เกิดความโดเด่น สร้างบรรยากาศการตกแต่งภายในให้ดูหรูหรา สง่างามมีระดับมากยิ่งขึ้น

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Modern Luxury

  • การใช้โลหะที่มีความมันวาวมาเป็นตัวช่วยเสริมขององค์ประกอบของเฟอร์นิเจอร์ ผนังตกแต่ง ตัดขอบฝ้าเพดาน หรือแม้กระทั่งลายพื้น
  • การคุมโทนสีของการใช้วัสดุให้ภาพรวมไม่มีความหลากหลายมากนัก เพราะจะได้ไม่แย่งความโดเด่นของความมันวาวของโลหะ
  • การใช้วัสดุที่มีราคา เช่น หินอ่อน หินแกรนิต กระจก แก้วคริสตัล
เจ้าของ : บ้านตัวอย่าง หมู่บ้าน Acadia Ville โดย abalance interior design co., ltd.
  • Vintage Style

บ้านที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ ไม่ได้หมายถึงบ้านที่มีหรือสะสมแต่ของเก่าเท่านั้น แต่กลับเป็นบ้านที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของบ้านยุค 40 – 50 ที่มีบรรยากาศของบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความรักความอบอุ่น มีเรื่องราวจากการผสมผสานของของประดับตกแต่งสมัยเก่าหลาย ๆ อย่างรวมกัน

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Vintage Style

  • ผนังตกแต่งด้วยไม้แบบซ้อนเกล็ด หรือติดคิ้วบัวเล็ก ๆ
  • นิยมใช้โทนสีไปทางสีอ่อน เช่น โทนสีเอิร์ธโทน หรือพาสเทล
  • การใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีลอยถลอก สีที่หลุดล่อนออกไปช่วยส่งเสริมให้บรรยากาศของบ้านเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ผ่านกาลเวลามานาน
  • โซฟา - อาร์มแชร์ที่มีความโค้งมน รับกับสรีระ ช่วยทำให้บรรยากาศของบ้านดูอบอุ่น ผ่อนคลายและสบายเมื่อได้ใช้งาน
  • ใช้วัสดุที่ให้ความรู้สึกถึงธรรมชาติ เช่น ไม้ที่ทาสีอย่างง่าย ๆ ผ้าฝ้าย ฝ้าลินิน หรือแม้กระทั่งโคมไฟใบไม้ดอกไม้ทองเหลือง เป็นต้น
เจ้าของ : ร้านอาหาร Sheepshank Public House โดย abalance interior design co., ltd.
  • Loft / Industrial Style

เป็นการสร้างบรรยากาศในบ้านด้วยการโชว์โครงสร้าง เหมือนย้อนเวลากลับไปในยุคอุตสาหกรรมที่มีการใช้เหล็กเป็นองค์ประกอบหลักในการตกแต่งภายใน และใช้สัจวัสดุที่มีความดิบ มีผิวสัมผัสที่ไม่ผ่านการแปรรูปมากนัก มาเป็นองค์ประกอบรองในการตกแต่งภายใน เช่น เหล็ก ปูน อิฐ ไม้ หนัง เป็นต้น

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Loft / Industrial Style

  • เปิดฝ้าเพดานสูง เลียนแบบบรรยากาศอาคารโรงงานเก่า
  • ผนังก่ออิฐหรือปูนเปลือย
  • การใช้เหล็กมาเป็นวัสดุหลักในการตกแต่งภายใน เช่น โครงสร้างเหล็ก ท่อเหล็ก ท่อร้อยสายไฟ บันได
เจ้าของ : คุณสายชล สิมะกุลธร โดย abalance interior design co., ltd.
  • Scandinavian Style

หรือ Nordic Style เป็นคำที่ใช้เรียกสไตล์การแต่งบ้านของคนในแถบสแกนดิเนเวีย (เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์) การตกแต่งสไตล์นี้เป็นที่ชื่นชอบในบ้านเรามาอย่างยาวนาน เพราะให้ความรู้สึกถึงบรรยากาศแห่งการผ่อนคลาย เป็นกันเอง อบอุ่น สบายใจ ใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะโทนสีหลักของการตกแต่งสไตล์นี้จะใช้โทนสีสว่าง และสีขาวเป็นหลัก เนื่องจากในแถบสแกนดิเนเวียมีอากาศหนาวเย็น และในฤดูหนาวจะมีความมืดสลัวเกือบทั้งวัน การตกแต่งบ้านจึงนิยมใช้โทนสีอ่อนไปจนถึงสีขาว เพื่อทำให้เกิดความรู้สึกสว่างและอบอุ่นภายในบ้านให้มากที่สุด

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Scandinavian Style

  • เน้นการใช้โทนสีสว่าง หรือสีขาวเป็นหลัก แซมด้วยโทนสีแบบพาสเทลอ่อน ๆ หรือโทนสีเอิร์ธโทน
  • ใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้สีอ่อน
  • การนำผ้าขนสัตว์หรือปลอกหมอนที่ถักด้วยไหมพรม ช่วยสร้างบรรยากาศให้บ้านมีความอบอุ่นมากขึ้น
เจ้าของ : บ้านตัวอย่างหมู่บ้านสราญสิริ ราชพฤกษ์ – แจ้งวัฒนะ จาก แสนสิริ โดย abalance interior design co., ltd.
  • Art Deco

เป็นสไตล์การตกแต่งภายในที่ได้รับความนิยมอย่างมากในฝรั่งเศสในช่วงปี ค.ศ. 1920 เป็นต้นมาและแผ่ขยายไปทั่วโลก ด้วยเอกลักษณ์ของการใช้เส้นตรงและเส้นโค้งที่เรียบง่าย มาทำให้เกิดรูปทรงเรขาคณิตและเกิดเป็นมุมมองจากมิติที่ซับซ้อน เปี่ยมไปด้วยพลังความเคลื่อนไหวและแข็งแรงสะท้อนถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมในยุคนั้นมาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ ซึ่งแรงบันดาลใจของงานศิลปะ Art Deco ได้รับมาจากศิลปะอียิปต์โบราณ (เป็นช่วงเดียวกับการขุดค้นพบสมบัติในพีระมิดและมัมมี่พอดี) และเทคโนโลยีการก่อสร้างใหม่ ๆ ในสมัยนั้น ที่นิยมการใช้โลหะ และ Materials ที่มีความมันวาวมาใช้เป็นองค์ประกอบในการตกแต่งภายใน และนิยมใช้โทนสีเข้มมาเป็นฉากหลังให้ประกายของวัสดุโดดเด่นออกมา เป็นสไตล์ที่บ่งบอกถึงความหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างมากในสมัยนั้น

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Art Deco

  • องค์ประกอบที่เด่นที่สุดของสไตล์ Art Deco คือการตัดทอนรายละเอียดจากงานศิลปะยุค Classic โดยใช้เส้นตรงและเส้นโค้งแทน
  • Pattern เรขาคณิตที่มีความสมมาตรมีลักษณะที่พวยพุ่งแสดงให้เห็นถึงพลัง และความเฟื่องฟูในสมัยนั้น
  • การใช้วัสดุที่มีความมันวาว เพื่อสร้างความหรูหรา เช่น สแตนเลส ทองเหลือง กระจก คริสตัล ผ้ากำมะหยี่ ไม้เคลือบเงา เป็นต้น
เจ้าของ : คุณภาวิศ สิมะกุลธร โดย abalance interior design co., ltd.
  • Mix and Match

หลายคนยังเกิดความลังเลที่จะตกแต่งบ้านด้วยสไตล์ Mix and Match เพราะบางครั้งความสวยงามของการตกแต่งสไตล์นี้ถูกจำกัดความอยู่บนเส้นบาง ๆ ระหว่างความเลอะเทอะไม่เข้าพวก กับความสวยงามจากความไม่เข้ากัน (จะว่าไปแล้วงานสไตล์นี้ต้องอาศัยประสบการณ์และความกล้าในการตกแต่งอย่างมากเลยทีเดียว!) แต่สิ่งสำคัญก่อนประโคมทุกอย่างลงในห้อง ควรกำหนดพื้นที่ใช้สอยหรือฟังก์ชันให้กับห้องนั้น ๆ เสียก่อน แล้วจึงตามด้วยกฎ 80/20 คือกำหนดทิศทางและภาพรวมของสไตล์ห้องให้เป็นสไตล์เดียวกัน 80% แล้วจึงตามด้วยสไตล์ที่เป็นรองลงมาอีก 20% ไม่ว่าคุณจะจับคู่กับสไตล์ไหนเข้าด้วยกัน การใช้สีที่เชื่อมโยงกัน ก็เป็น Tips เล็ก ๆ ที่สามารถเชื่อมสไตล์ทั้งสองให้เข้ากันได้อย่างดี สุดท้ายลองหาจุดเด่นจากองค์ประกอบของทั้งสองสไตล์ที่ไม่เข้ากันมาสร้างให้เป็นไฮไลท์ให้กับห้องจะเป็นการเพิ่มเสน่ห์ให้กับห้อง ดูโดดเด่นไม่น่าเบื่อขึ้นมาเลยทีเดียวครับ

องค์ประกอบของงานตกแต่งภายใน Mix and Match

  • มีการใช้องค์ประกอบของสไตล์ที่ไม่เข้ากันอยู่ภายในห้องเดียวกัน
  • มีจุดเด่นที่เป็นไฮไลท์ของห้องอยู่ตำแหน่งเดียว

 

วัฒนา โกวัฒนาภรณ์

Managing Director / Interior Designer

abalance interior design co.,ltd.

 

 

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...