โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที ธุรกิจ

นายกสมาคมโรงแรมไทยยื่นหนังสือถึงผู้ว่าฯภูเก็ต ขอให้สั่งปิดรร.เพิ่ม ลดการแพร่เชื้อโควิด

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 31 มี.ค. 2563 เวลา 08.40 น. • เผยแพร่ 30 มี.ค. 2563 เวลา 15.46 น.
ก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (30มี.ค.) ผู้ประกอบการโรงแรม ที่พักในจังหวัดภูเก็ต 6 องค์กร ประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต สมาคมโรงแรมหาดป่าตอง สมาคมโรงแรมหาดกะตะกะรน และสมาคมที่พักบูติคจังหวัดภูเก็ต นำโดย นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ นายมโนสิทธิ์ แจ้งจบ นายกสมาคมที่พักบูติคจังหวัดภูเก็ตได้ยื่นหนังสือต่อ นายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ต และประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต เพื่อขอให้พิจารณามาตรการปิดสถานประกอบการโรงแรมและที่พักทุกประเภทเป็นเวลา 60 วัน หรือตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2563

นายก้องศักดิ์ คู่พงศกร นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้ กล่าวว่า การเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต โดยผู้ประกอบการได้พิจารณาเห็นว่าถึงเวลาที่จะปิดกิจการโรงแรมต่างๆ เป็นการชั่วคราว เนื่องจากขณะนี้โรงแรมที่พักต่างๆ ยังคงเปิดให้บริการกันอย่างเสรี อาจทำให้การควบคุมโรคระบาดเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะสถานประกอบการโรงแรมถือเป็นสถานที่หนึ่งที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

เนื่องจากมีคนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก โดยบางโรงแรมมีพนักงานยังคงมาทำงานมากถึง 100 คน ขณะที่จำนวนลูกค้ามาใช้บริการน้อยมาก อยู่ที่ประมาณ 5% เท่านั้น ประกอบกับมีพนักงานต้อนรับของโรงแรมติดเชื้อโควิด-19 แล้ว 2 ราย โดยไม่ทราบสาเหตุว่าติดจากลูกค้าหรือติดจากสถานที่ใด

จากการสอบถามไปยังโรงแรมต่างๆ พบว่าประมาณ 80% ได้มีการปิดบริการไปแล้ว แต่มีบางโรงแรมยังมีนโยบายเปิดให้บริการอยู่ เมื่อลูกค้าน้อย ขณะที่พนักงานมีจำนวนมากจะมีการจับกลุ่มพูดคุยกัน ซึ่งเป็นความเสี่ยงอย่างหนึ่ง และด้วยทางการมีข้อมูลในเรื่องตัวเลขของนักท่องเที่ยว จึงอยากให้นำข้อเสนอดังกล่าวไปพิจารณาในคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต

ด้านนายภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จากมาตรการยกระดับการปิดทางเข้า-ออกจังหวัดภูเก็ต ทั้งทางบก และทางน้ำ เพื่อควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่เวลา 00.01 น.ที่ผ่านมา ของวันที่ 30 มี.ค. นี้ อาจจะทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกบ้าง เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อของการรับข้อมูลข่าวสารที่พี่น้องประชาชนอาจจะยังรู้ไม่ทั่วถึง โดยด่านตรวจท่าฉัตรไชย อ.ถลาง
ทางคณะทำงานได้มีการหารือร่วมกันกับนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด และว่าที่ร้อยตรี วิกรม จากที่ ปลัดจังหวัดภูเก็ต เพื่อออกข้อกำหนดเป็นข้อๆ โดยจะนำข้อเรียกร้องหรือปัญหาขัดข้องมากำหนดเป็นแนวทางปฏิบัติ วันนี้จะได้ความชัดเจนมากขึ้น

“สาเหตุที่ทำให้จังหวัดภูเก็ตพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด19 เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยว มีการหมุนเวียนของผู้คนในพื้นที่เป็นจำนวนมาก การไปมาหาสู่เข้ามาทั้ง 3 ช่องทาง ทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ เป็นความเสี่ยงประการแรก ความเสี่ยงประการที่สองในส่วนของสถานบันเทิงสถานบริการในจังหวัดภูเก็ต ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในจังหวัดภูเก็ต อยู่ที่ป่าตอง อ.กะทู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถนนสายบางลา จะมีสถานบันเทิง สถานบริการที่ผู้คนรวมกลุ่มกันจำนวนมาก จากการติดตามสอบสวนโรคส่วนใหญ่ จะได้รับเชื้อหรือมีการติดต่อมาจากสถานบันเทิง ณ ซอยบางลา ป่าตอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นที่มาของการปิดพื้นที่บางลา ซึ่งวันนี้ได้ปิดทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคตามทางเท้าและสถานบันเทิง บริเวณซอยบางลาแล้ว

ขณะนี้ทางจังหวัดได้ตั้งคณะทำงานโดยโฟกัสไปยังกลุ่มเสี่ยง บริเวณสถานบันเทิงซอยบางลา ได้แจ้งให้ผู้ประกอบการนำทะเบียนของพนักงานทั้งหมดมาให้เพื่อจะได้ติดตามสอบสวนโรค จะทำให้สามารถควบคุมการแพร่เชื้อได้ เพราะรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ไหน

ดังนั้น ประชาชนต้องให้ความร่วมมือ เพราะว่าบุคคลผู้มีความเสี่ยงที่จะเป็นผู้แพร่เชื้อหรือติดโรคยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เพราะยังอยู่ในช่วงฟักตัว ยังไม่แสดงอาการ และวิธีการที่จะไม่ให้การแพร่ระบาดเกิดขึ้น ทุกคนต้องทิ้งระยะห่างไม่ไปรวมกลุ่มกัน ปฏิบัติตามคำแนะนำ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการใส่หน้ากากอนามัย แล้วล้างมือให้บ่อยๆ” นายภัคพงศ์กล่าว

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...