โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ฟื้นเหมืองโพแทชด่านขุนทด “ไทยคาลิ” พร้อมขุดก้อนแรก

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 09 มี.ค. เวลา 03.26 น. • เผยแพร่ 09 มี.ค. เวลา 03.24 น.

อัพเดตสถานะเหมืองโพแทชไทยหลังผ่านมา 35 ปี พบ “ไทยคาลิ” มีความพร้อมสูงสุดที่จะเปิดทำเหมืองได้เป็นแห่งแรก ส่วน “โพแทชอุดร” รอไฟเขียวรัฐวิสาหกิจจีน SCIC ร่วมทุนในไตรมาสนี้ ขณะที่ “โปแตชอาเซียนชัยภูมิ” อาการหนักสุด หลังถูกฟ้องไม่จ่ายเงินผลประโยชน์พิเศษประทานบัตรให้รัฐ 6,500 ล้านบาท

35 ปีของการทำเหมืองโพแทชในประเทศไทยกับบริษัทผู้ประกอบการทำเหมืองที่ขอประทานบัตรไม่ต่ำกว่า 3 บริษัท ผ่านการตรวจสอบและข้อร้องเรียนจากชุมชนถึงความกังวลถึงกระบวนการทำเหมืองจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การหาผู้ร่วมทุนทั้งโครงการของรัฐ (โพแทชอาเซียน) และเอกชน นำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อมและการผิดสัญญาจ่ายเงินพิเศษประทานบัตร

ล่าสุดความหวังที่จะเห็นการทำเหมืองเพื่อขุดโพแทชก้อนแรกของประเทศในปีนี้มีความเป็นไปได้สูง จากโครงการเหมืองแร่โพแทชของบริษัท ไทยคาลิ ที่นครราชสีมา ได้ผ่านเกณฑ์การปรับรูปแบบการทำเหมืองและมีผู้ร่วมทุนรายใหม่ คือ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เข้ามาถือหุ้นโครงการถึง 65%

ทยคาลิพร้อมสุด

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวถึงโครงการทำเหมืองแร่โพแทชในประเทศไทยที่ดำเนินการออก “ประทานบัตร” ไปแล้วทั้งหมด 3 โครงการว่า “โครงการทำเหมืองแร่โพแทชของบริษัท ไทยคาลิ ตั้งอยู่ที่ ต.หนองไทร อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ขนาดพื้นที่ 9,005 ไร่ มีความก้าวหน้ามากที่สุด โดยบริษัทได้ประทานบัตรไปตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม 2558 อายุประทานบัตร 25 ปี มีแผนการผลิตแร่ตลอดอายุโครงการ 2.15 ล้านตัน แผนการผลิตโพแทชปีละ 100,000 ตัน ตั้งแต่บริษัทได้ประทานบัตรได้เริ่มขุดอุโมงค์เมื่อปี 2562-2563 แต่เกิดปัญหาน้ำรั่วจึงขออนุญาตปรับรูปแบบการทำเหมืองจากอุโมงค์แนวเอียงเป็นขุดเจาะแนวดิ่ง

ทางกรมได้ใช้เวลาพิจารณาคำขออนุญาตถึง 3 ปี และได้อนุญาตให้เปลี่ยนแปลงแผนผังตามที่ขอมาเมื่อวันที่ 13 ธันวาคมที่ผ่านมานี้ กรมต้องพิจารณาคำขอยาวนานถึง 3 ปี เป็นเพราะมีกระบวนการที่ให้บริษัท ไทยคาลิ ไปทำเพิ่ม การรวบรวมเอกสารและส่งเจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบเพื่อให้ได้ความมั่นใจถึงกระบวนการทำเหมืองที่จะเกิดขึ้นต่อไป

หลังจากนั้น ทางบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ก็ให้บริษัทย่อย บีซีวี เอ็นเนอร์ยี่ หรือ BCVE เข้าไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในรูปแบบกิจการร่วมค้า โดย BCVE เข้าถือหุ้นในบริษัท ไทยคาลิ ร้อยละ 65 (ที่เหลือเป็น นายวุฒิชัย สงวนวงศ์ชัย 18.2% และอื่น ๆ 16.8%) โครงการทำเหมืองแห่งนี้ บางส่วนเป็นเทคโนโลยีจากจีน

แต่ทางบางจากและไทยคาลิยืนยันว่า คนที่ควบคุมกำกับดูแลนั้นใช้เทคโนโลยีของเยอรมันเป็นระดับเวิลด์คลาส เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต ต้องยอมรับว่าที่ผ่านมา ทางไทยคาลิไม่ได้มีเทคโนโลยี หรือวิธีการป้องกันที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีกรณีน้ำรั่ว-น้ำท่วมอุโมงค์ ซึ่งมันต้องใช้ประสบการณ์พอสมควร เพราะเหมืองมันอยู่ใต้ดิน” นายอดิทัตกล่าว

อย่างไรก็ตาม อุโมงค์ใหม่ที่เป็นแนวดิ่งจะห่างจากของเดิม 900 เมตร และเป็นพื้นที่ที่ได้ประทานบัตรแล้ว โดยจะมีอุโมงค์ 3 อุโมงค์ มีโรงแต่งแร่-สายพานลำเลียงเชื่อมกัน และได้มีการระบุแนวทางด้วยว่า หากระหว่างการขุดเจอหินแข็งจะใช้วัตถุระเบิด ซึ่งต้องขออนุญาตหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีการกำหนดแนวทางป้องกันทางเสียง ฝุ่น ควัน ระหว่างนี้ บริษัท ไทยคาลิ ได้เคลียร์พื้นที่และเตรียมติดตั้งเครื่องจักรภายในเดือนพฤษภาคม 2568 เพื่อจะเริ่มเจาะ

ระหว่างนี้ก็ไปพัฒนาพื้นที่รอบ ๆ เช่น มีความร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อปลูกพืชได้ ทำบ่อน้ำ 13 บ่อ ปรับปรุงถนน คันดินบล็อกน้ำ แนวกำแพงล้อมเหมือง และก็ต้องเก็บข้อมูลในพื้นที่ให้ครบด้วย พ.ร.บ.แร่ 2560 กำหนดว่า ต้องทำเบสไลน์ดาต้าทุกหน่วยต้องครอบคลุมช่วยกัน เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาขึ้นในอนาคต

“ทางกรมได้ทำหลายกระบวนการเพื่อที่จะให้การทำเหมืองแร่โพแทชมันไปได้ อย่างตอนที่เกิดกรณีสงครามยูเครน-รัสเซีย ช่วงแรก ราคาโพแทชพุ่งขึ้นไปถึง 3 เท่า ถ้าเหมืองไทยคาลิเปิดดำเนินการขุดแร่ขึ้นมา อย่างน้อยเรามั่นใจได้ว่า ไทยมีโพแทชของเราแน่ มันจะช่วยเกษตรกรไทยในเรื่องของวัตถุดิบในการทำปุ๋ยเคมี” นายอดิทัตกล่าว

โปแตชชัยภูมิติดเงินพิเศษ 6,500 ล้าน

ส่วนโครงการทำเหมืองแร่โพแทชอีก 2 โครงการที่ได้รับประทานบัตร ได้แก่ โครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียน ของบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) ที่ ต.บ้านตาล อ.บำเหน็จณรงค์ จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นโครงการเก่าแก่ที่สุดมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีมาแล้ว กับโครงการเหมืองแร่โพแทชของบริษัท เอเซีย แปซิฟิค โพแทช คอร์ปอเรชั่น (APPC) ตั้งอยู่ที่ ต.หนองไผ่ อ.เมือง จ.อุดรธานี ปรากฏโครงการแรก (โพแทชอาเซียน) ในขณะนี้แทบจะไม่มีความหวังในการขุดแร่โพแทชขึ้นมา หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาเงินทุนในการดำเนินการมาโดยตลอด

นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวถึงสถานะของโครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียนว่า บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ ได้รับประทานบัตรในพื้นที่ 9,708 ไร่ มาตั้งแต่วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2558 อายุประทานบัตร 25 ปี มีแผนการผลิตโพแทช 1.1 ล้านตัน/ปี ปัจจุบันยังไม่มีการทำเหมืองแร่ โดยโครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท จัดเป็นโครงการอุตสาหกรรมอาเซียนของประเทศไทยภายใต้ข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน (Basic Agreement on ASEAN Industrial Projects)

ซึ่งเจ้าของโครงการจะต้องลงทุนร้อยละ 60 ของเงินลงทุนทั้งหมด (Total Equity) และรัฐบาลเจ้าของโครงการ (รัฐบาลไทย) ต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของเงินลงทุนนั้น

ทั้งนี้ โครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียนมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 60,000 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกู้ต่อทุนเรือนหุ้น 70 ต่อ 30 ซึ่งบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 2,805,797,300 บาท โดยกระทรวงการคลังถือหุ้นอยู่ร้อยละ 20 เป็นเงิน 561,160,000 บาท ต่อมาบริษัทได้เรียกเพิ่มทุนเพื่อใช้ในการดำเนินโครงการต่อไป จำนวน 19,773 ล้านบาท ดังนั้น กระทรวงการคลังจึงต้องลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 3,900 ล้านบาท เพื่อให้คงสัดส่วน 1 ใน 3 ตามข้อตกลงพื้นฐานว่าด้วยโครงการอุตสาหกรรมอาเซียน

อย่างไรก็ตาม จากเงื่อนไขการได้รับประทานบัตร ผู้รับประทานบัตรจะต้องจ่ายเงิน “ผลประโยชน์พิเศษเพื่อประโยชน์แก่รัฐ” ตอบแทนการออกประทานบัตร ซึ่งมีการคำนวณผลประโยชน์พิเศษจากมูลค่าแร่ในขณะนั้น ประมาณ 4,000 ล้านบาท ปรากฏบริษัทขอแบ่งจ่าย 8 งวด งวดละ 500 ล้านบาท (10 ปีปลอดภาระ 2 ปีแรก) ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้ชำระ นำไปสู่ อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องบริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ ต่อศาลปกครอง กรณีผิดนัดชำระเงินผลประโยชน์พิเศษ ในวันที่ 9 กันยายน 2565

“ตอนนี้เรื่องอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลปกครอง ที่ผ่านมามีภาคเอกชน 2 ราย ให้ความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในโครงการเหมืองแร่โพแทชอาเซียน แต่ก็มาติดขัดเรื่องของการค้างจ่ายเงินผลประโยชน์พิเศษจนถูกฟ้องอยู่ในขณะนี้ ทางกรมได้ใช้ดุลพินิจที่จะหาทางออกในเรื่องนี้เพื่อให้โครงการเดินต่อไปได้ มีการขอไกล่เกลี่ย ทั้งข้อเสนอเรื่องการขอหยุดหนี้ หรือจ่ายค่าหนี้เมื่อผลิตปุ๋ยได้ หรือเอกชนขอจ่ายหนี้เป็นปุ๋ย เราก็เสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. ครม.ให้ความเห็นมาว่า ‘รับทราบ’ และให้หน่วยงานไปดำเนินการตามกฎระเบียบ

เราก็ถามความเห็นไปทุกหน่วยงาน (รวมถึงกระทรวงการคลัง ผู้ถือหุ้นร้อยละ 20) ปรากฏไม่มีหน่วยงานไหนให้ความเห็นชอบ ทางกระทรวงการคลังเห็นว่า หนี้เป็นหนี้เงินก็ต้องชำระด้วยเงินจะจ่ายเป็นปุ๋ยไม่ได้ เพราะกฎหมายก็ไม่ได้เปิดช่องว่า สามารถชำระผลประโยชน์พิเศษด้วยแร่ได้ กระทั่งปัจจุบันผลประโยชน์พิเศษรวมทั้งต้นและดอก คิดเป็นเงินประมาณ 6,500 ล้านบาท ที่บริษัทค้างจ่ายอยู่ และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้ก็ครบ 10 ปี หรือครบงวดพอดี หลังยุติกระบวนการไกล่เกลี่ย ศาลก็ดำเนินการพิจารณาคดีผิดนัดชำระหนี้ต่อไป” นายอดิทัตกล่าว

ด้านแหล่งข่าวในวงการเหมืองแร่ให้ความเห็นว่า แม้โครงการโพแทชอาเซียนจะเป็นการลงทุนทำเหมืองแร่ที่น่าสนใจ แต่ติดปัญหาอยู่ที่ 1) เงินผลประโยชน์พิเศษที่จะต้องจ่ายให้รัฐบาล 6,500 ล้านบาท หรือยังไม่ทันได้ทำเหมืองก็เป็นหนี้แล้ว กับ 2) เงินลงทุนโครงการที่สูงมาก และผู้ลงทุนทำเหมืองจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ หลังการทดลองขุดปล่องเหมืองที่ดำเนินการผ่านมาเป็น 10 ปีแล้ว ส่งผลให้บริษัท อาเซียนโปแตชชัยภูมิ ไม่สามารถหาผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาทำเหมืองได้

โพแทชอุดรรอจีนร่วมทุน

ด้านความคืบหน้าของโครงการทำเหมืองแร่โพแทชของ บริษัท เอเชีย แปซิฟิค โปแตช คอร์เปอเรชั่น จำกัด (APPC) ได้รับประทานบัตรเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2565 ขนาดพื้นที่ 26,400 ไร่ มีแผนการผลิตโพแทช 2 ล้านตัน/ปีนั้น ทางบริษัทแจ้งกำลังมีการตกลงร่วมทุนกับ SCIC ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน และกำลังรออนุมัติจากรัฐบาลจีน และเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ได้อนุมัติการเห็นชอบโครงการดังกล่าวแล้ว ในมูลค่า 40,000 ล้านบาท

“โครงการแร่โพแทชที่อุดรธานี (แอ่งสกลนคร) ทางรัฐบาลจีนมีความมั่นใจมาก เพราะเป็นแหล่งแร่โพแทชชนิด Sylvinite เกรดดีมาก ที่ผ่านมาจีนต้องการโพแทชเพราะมั่นใจว่า ในอนาคตความมั่นคงทางด้านอาหารจะเป็นประเด็นที่สำคัญของจีน ดังนั้น เขาจึงต้องการ Secure แหล่งวัตถุดิบ ดังนั้นหากในไตรมาส 1/2568 รัฐบาลจีนให้ความเห็นชอบในการร่วมทุน เชื่อว่าโครงการโพแทชอุดรธานีอาจจะเห็นภายในปี 2571 หลังการเจรจากับสถาบันการเงินแล้ว” นายอดิทัตกล่าว

ทั้งนี้ มีความต้องการที่จะเห็นเหมืองแร่โพแทชเกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ และยังมีหลายบริษัทยื่นขออาชญาบัตรสำรวจแร่เพิ่มเติมเข้ามาอีก ส่งผลให้ คณะกรรมการกำหนดเขตแหล่งแร่เพื่อการทำเหมือง ต้องขอนโยบายที่ชัดเจนว่า ประเทศไทยจะอนุมัติให้มีการทำเหมืองแร่โพแทชเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากในปัจจุบันมีความต้องการภายในประเทศ ประมาณ 1,000,000 ตัน/ปี ในขณะที่โครงการเหมืองแร่โพแทชทั้ง 3 โครงการ รวมกันสามารถผลิตโพแทชได้ประมาณ 3,200,000 ตัน/ปี

ดังนั้นตอนนี้จึงต้องการเห็นการทำเหมืองแร่โพแทชเหมืองแรกให้สำเร็จเสียก่อน จึงจะกลับมาพิจารณานโยบายว่าจะเปิดให้สำรวจหรือทำเหมืองแร่โพแทชเพิ่มขึ้นหรือไม่

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ฟื้นเหมืองโพแทชด่านขุนทด “ไทยคาลิ” พร้อมขุดก้อนแรก

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.prachachat.net

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...