พฤกษา โฮลดิ้ง ประกาศไดเรคชั่นใหม่เน้นธุรกิจ “เฮลธ์แคร์” ชู “โรงพยาบาลวิมุต” เป็นเรือธงขยายพอร์ตธุรกิจสุขภาพ ทุ่ม 3,500 ล้านบาท ลงทุน 3 โรงพยาบาลปักหมุด ทองหล่อ สุขุมวิท ปิ่นเกล้า ขยายฐานลูกค้าต่างชาติ วางเป้าดันสัดส่วนธุรกิจเฮลธ์แคร์เป็น 50% ของโฮลดิ้ง
พฤกษา ปรับโฟกัสเน้นธุรกิจเฮลธ์แคร์ แก้เกมอสังหาฯ ซึม
เป็นที่น่าจับตามองอย่างมากสำหรับ “พฤกษา โฮลดิ้ง” หลังโลดแล่นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มานาน กับภาพจำคนทำ “ทาวน์เฮาส์” ล่าสุด ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน) ได้ออกมาประกาศทิศทางของ พฤกษา โฮลดิ้ง ท่ามกลางภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ซึมยาวและยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นในเร็ววัน ในงานแถลงข่าว “ผลประกอบการปี 2567 สู่ทิศทางการขับเคลื่อนในปี 2568” อย่างน่าสนใจว่า
“พฤกษา โฮลดิ้ง” จะรักษาการคงอยู่และเติบโตของธุรกิจ “เรียล เอสเตท” ตามภาวะตลาดและขนาดของตลาด ตั้งแต่ในปีนี้และปีถัดไปจะมุ่งเน้นความเป็น Wellness Residence และโฟกัสธุรกิจ เฮลธ์แคร์ หรือธุรกิจโรงพยาบาล โดยมี “โรงพยาบาลวิมุต” เป็นเรี่ยวแรงสำคัญ
“เราไม่ได้เลิกทำอสังหาฯ แต่ก็ต้องยอมรับว่าขนาดตลาดเล็กลงเมื่อเทียบกับ 8 ปีที่แล้ว ย้อนกลับไปเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วขณะตลาดอาจจะมีมูลค่า 5 แสนล้านต่อปี ปัจจุบันอาจจะเหลือ 350,000 ล้านต่อปีและในอนาคตอีก 5-6 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดอาจจะเหลือแค่ 250,000 บาทล้านต่อปี ซึ่งหากรัฐบาลมีการผ่อนปรนในเรื่องของ LTV ก็จะช่วยได้เยอะเพราะปัจจุบันผู้บริโภคกู้กู้เงินจากสถาบันการเงินได้ยาก
แต่ธุรกิจเฮลธ์แคร์ปัจจุบันยังคงเติบโตอยู่และจะยังเติบโตไปอีก 10 - 20 ปีต่อเนื่อง เพราะยังเป็นที่ต้องการของทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ โดยในอนาคตเราจะเสริมในส่วนของ preventive เข้ามา ทั้งนี้ปัจจุบัน“พฤกษา โฮลดิ้ง” มีสัดส่วนธุรกิจเรียลเอสเตท 70% เฮลธ์แคร์ 20% อนาคตจะขยายสัดส่วนเฮลธ์แคร์มากขึ้นเรื่อยเป็น 50%”
เจาะเพอร์ฟอร์แมนซ์ “วิมุต โฮลดิ้ง” ดาวเด่นใหม่ของพฤกษา
[caption id="attachment_159731" align="aligncenter" width="1000"]
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต[/caption]
จากไดเรคชั่นนี้นับว่า “โรงพยาบาลวิมุต” ได้รับบทหนักและบทเด่นในการขับเคลื่อนพฤกษา ซึ่ง นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต เปิดเผยว่า ปัจจุบันกลุ่มวิมุต โฮลดิ้ง มีธุรกิจในมือคือ “โรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน” ซึ่งถือหุ้นโดยพฤกษา โฮลดิ้ง 100% ปัจจุบันมีจำนวนเตียง 178 เตียง และอยู่ระหว่างการขยายให้ถึง 235 เตียงตามที่ขออนุญาตไว้ โดยมีไฮไลท์เป็นศูนย์ศัลยกรรม ศูนย์กระดูก และศูนย์เด็ก
และโรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์ โดยพฤกษา โฮลดิ้งถือหุ้น 52% ปัจจุบันเป็นโรงพยาบาลขนาด 80 เตียง และในปี 2568 นี้ จะมีการสร้างอาคารใหม่จำนวน 53 เตียง รวมทั้งหมดเป็น 120 เตียง อย่างที่ทราบกันดีว่า เทพธารินทร์ เปิดมาทั้งหมด 40 ปี จุดเด่นคือการรักษาโรค NCD ไม่ว่าจะเป็น เบาหวาน หลอดเลือดต่อมไร้ท่อและโรคไทรอยด์
นอกจากนี้ยังมี“คลินิกบ้านหมอวิมุต รังสิต” ที่เปิดบริการแล้ว และในอนาคตอันใกล้จะมีโรงพยาบาลกลุ่มใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นคือ โรงพยาบาลดูแลผู้สูงอายุ วัชรพล
เมื่อกลับมาดู Performance ของ“วิมุตโฮลดิ้ง” พบว่าในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาลสามารถทำรายได้ทั้งหมด 2,187 ล้านบาท แบ่งเป็น วิมุต พหลโยธิน 56% และ วิมุต เทพธารินทร์ 44% สัดส่วนผู้นอกและผู้ป่วยในอัตรา 50:50 เท่า ๆ กัน และเติบโตในอัตราที่เท่ากัน 20% เช่นกัน
โดยลูกค้าหลักของโรงพยาบาลเป็นลูกค้าเงินสด 44% และลูกค้าประกัน 43% Government payment จากโครงการรามาวิมุต 5% และรายได้จากคอร์ปอเรทต่าง ๆ 8% ทั้งนี้ลูกค้ากว่า 93% เป็นลูกค้าคนไทย และต่างชาติ 7%
ในปีที่ผ่านมาโรงพยาบาลวิมุตมีการลงทุนใน Product Highlight โดยเปิดศูนย์ใหม่ ๆ เช่นศูนย์เลสิก การปรับโครงหน้าโดยการผ่าตัด และการผ่าตัดทางเดินปัสสาวะ ฯลฯ รวมทั้งรีแบรนด์และลงทุนในการเปิดศูนย์ใหม่ ๆ ในอนาคตซึ่งจะเห็นผลในปี 2025 นี้
นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนในธุรกิจการทำความสะอาดเครื่องมือแพทย์ ซึ่งทุกโรงพยาบาลจำเป็นต้องมีหน่วยงานนี้ โดยร่วมมือกับ บริษัท นำวิวัฒน์ เปิดบริษัทใหม่ภายใต้ชื่อ “เซอร์วิโซ เฮลท์แคร์ โซลูชั่น” ซึ่งนอกจากจะรองรับโรงพยาบาลวิมุต โรงพยาบาลเทพธารินทร์แล้ว ยังรับงานภายนอกทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน ในการทำ CSSD System ในการควบคุมการทำให้เกิดความสะอาดปราศจากเชื้อในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ในปีที่ผ่านมาเรามีการ Rebranding วิมุต เทพธารินทร์ โดยซินเนอจี้ทั้ง 2 โรงพยาบาล เพื่อทำให้รายได้เพิ่มมากขึ้น
เจาะกลยุทธ์ กลยุทธ์เฮลท์แคร์ “วิมุต 2025”
ผู้บริหารกล่าวต่อไปว่าสำหรับปี 2025 นี้ วิมุต โฮลดิ้ง ได้วางกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจ 3 เสาหลักคือ
1. เพิ่ม Center of Excellence หรือศูนย์ความเป็นเลิศต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยพิจารณาจากยอดการเจ็บป่วยในปัจจุบันว่าต้องการบริการการรักษาอะไรบ้าง เช่น จากสถาการณ์ PM 2.5 ที่มาแรงในปีที่ผ่านมา ทำให้มีโอกาสเกิดโรคต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งมะเร็งและการติดเชื้อในปอด เพราะฉะนั้นในปีนี้ วิมุต จะมี Product Highlight คือศูนย์ปอด และต่อยอดศูนย์เลสิค เช่น การผ่าตัดต้อกระจกในราคาที่จับต้องได้ รวมทั้งเปิดศูนย์ผ่าตัดกระดูกสันหลัง
นอกจากนี้ยังตั้งเป้าที่จะรุกเข้าไปในเรียลเอสเตทมากขึ้น โดยเน้น วิมุต เวลเนส และ Wellness Residence ทำให้ลูกบ้านวิมุตได้ประโยชน์จากการดูแลสุขภาพแบบ Prevention ก่อนที่จะเกิดโรค
“เรามีแผนที่จะปลั๊กอินเวชศาสตร์ชะลอวัยและเวลเนสเข้ากับเรียลเอสเตท โดยเพิ่มในส่วนของการดูแลสุขภาพที่บ้านเข้าไปในการสร้างบ้านเพื่อช่วยให้ผู้สูงอายุไม่เจ็บป่วย นอกจากนี้ การคอมบายบริการสุขภาพกับตัวเรียลเอสเตทได้ การขายบ้านก็จะดีขึ้นเพราะถ้าเจ็บป่วยเรามี Backup เป็นโรงพยาบาลที่สามารถรองรับได้ และในอนาคตเราอาจไปถึงจุดที่ส่งบุคลากรของโรงพยาบาลเข้าไปซัพพลายดูแลผู้สูงอายุที่อยู่บ้านคนเดียว ซึ่งจะทำให้บริการของเราครบวงจรมากขึ้น และในอนาคตเราสนใจที่จะไปถึง Nursing Home ซึ่งอาจจะต้องดูกลุ่มลูกค้าในอนาคตด้วย”
2. ยกระดับการดำเนินงานที่เป็นเลิศ การบริหารต้นทุน และการใช้ทรัพยากรในกลุ่มบริษัทฯ ร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ จัดซื้อ การตลาด การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ โดยมีการแชร์เซอร์วิสจากพฤกษากรุ๊ปทั้ง IT Marketing และไฟแนนซ์ร่วมกัน เพิ่งเซฟค่าใช้จ่ายและสร้างกำไรให้ได้มากที่สุด
3. การพัฒนาด้านสุขภาพและการลงทุน เตรียมความพร้อมเพื่อเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ
- โรงพยาบาลวิมุต ทองหล่อ โรงพยาบาลเฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนสรรหาผู้รับเหมาก่อสร้าง และจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้
- โรงพยาบาลวิมุต สุขุมวิท ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนออกแบบเบื้องต้น เฟสที่ 1 และยังมีเฟสต่อเนื่องอีก 3-4 เฟส เฟสละประมาณ 100 เตียง
- โรงพยาบาลวิมุต ปิ่นเกล้า ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนออกแบบเบื้องต้น เฟสที่ 1 และมีโครงการต่อเนื่องอีก 3 เฟส เฟสละประมาณ 100 เตียงลงทุน 2,000 ล้านโดยประมาณ
“ตอนนี้คาพาซิตี้ของโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน สามารถรองรับได้ถึง 240 เตียง รวมกับโรงพยาบาลวิมุต เทพธารินทร์ ตอนนี้มี 80 เตียงบวกกับอีก 50 เตียงก็จะสามารถรองรับผู้ป่วยได้ 400 กว่าเตียง และยังมีโรงพยาบาลผู้สูงอายุที่เรากำลังจะเปิดบริการอีก 50 เตียงรวม 450 เตียง และถ้าเราสามารถเปิดโรงพยาบาลใหม่อีก 3 แห่งในไปป์ ไลน์ คาพาซิตี้ของเราจะสามารถรองรับได้ถึง 600-700 เตียงใน 3 ปีข้างหน้า”
จากกลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านข้างต้น วิมุต โฮลดิ้ง เคาะงบประมาณสำหรับการลงทุนราว ๆ 3,500 ล้านบาท ครอบคลุมการก่อสร้างโรงพยาบาลทองหล่อ สุขุมวิทและปิ่นเกล้าเฟสแรก เราคาดว่าปี 2025 จะสามารถตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท แบ่งเป็นวิมุต 1,500 ล้านบาท และ วิมุต เทพธารินทร์ 1,100 ล้านบาท เติบโต 20% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี
ธุรกิจโรงพยาบาลแข่งดุ รุกทำเลสุขุมวิท-ทองหล่อ เพิ่มลูกค้าต่างชาติ
อย่างไรก็ดี นายแพทย์สุวาณิช กล่าวต่อไปว่าปีนี้การแข่งขันของธุรกิจโรงพยาบาลค่อนข้างสูงเพราะแม้ว่าภาคธุรกิจอื่น ๆ อาจจะดาวน์ลง แต่ธุรกิจเฮลธ์แคร์เป็นธุรกิจที่ทุกเซกเมนต์ยังเติบโตอยู่ เพราะฉะนั้นการต่อสู้แย่งชิงค่อนข้างเยอะขึ้น การที่วิมุตขยายการลงทุนเข้าไปในสุขุมวิทและทองหล่อส่วนหนึ่งเป็นเพราะต้องการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ เพราะไม่ว่าจะเป็นสุขุมวิทหรือทองหล่อเป็นแหล่งที่อยู่ของต่างชาติทั้งอาหรับ ตะวันออกกลาง ญี่ปุ่นซึ่งเป็นทาร์เก็ตที่วิมุตกำลังจับตามอง
โดยตั้งเป้าขยายสัดส่วนลูกค้าต่างชาติถึง 20% จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนต่างชาติ 7% ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาส่วนใหญ่จะเข้ามารับบริการศัลยกรรม ส่วนหนึ่งเป็นเอ็กซ์แพทที่อยู่ในประเทศไทยเข้ามารับการรักษาเจ็บป่วยทั่วไปอุบัติเหตุหรือการผ่าตัดเล็ก และอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มความสวยความงามซึ่งเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อยู่
“อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์หลาย ๆ อย่างก็อาจจะทำให้เราพลาดเป้าไปเช่นเรื่องของ จีนเทา ซึ่งในอดีตคนไข้ของเราส่วนหนึ่งเป็นชาวจีนเข้ามาเยอะแต่พอมีเรื่องของจีนเทา ตะวันออกกลาง ยูเครนมีการสู้รบเกิดขึ้น กลุ่มนี้ก็จะเข้ามารักษาน้อยลง อย่างไรก็ตามตอนนี้ธุรกิจของเรายังไม่ได้รับผลกระทบเยอะเพราะคนไข้ของเรา 93% ยังเป็นคนไทยอยู่”