โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

รักตัวเองไม่มีคำว่าเสียใจ บทเรียนจากการผิดหวังในความรัก ในวัย 60 ปี – ป้าไก่-อุษณีย์ จรเขต

มนุษย์ต่างวัย

อัพเดต 14 ก.พ. เวลา 12.01 น. • เผยแพร่ 13 ก.พ. เวลา 23.00 น. • มนุษย์ต่างวัย

“ป้าไม่เคยคิดว่าคนที่เป็นเหมือนทั้งชีวิต อยู่กับเรามา 30 ปี ในที่สุดก็ต้องแยกทางในวัย 60 ปี สุดท้ายชีวิตก็สอนให้รู้ว่าการกลับมารักตัวเองไม่มีคำว่าเสียใจ”

มนุษย์ต่างวัย พามาคุยกับ "ป้าไก่-อุษณีย์ จรเขต" อายุ 68 ปี อดีตพยาบาลดูแลผู้ป่วยระยะท้าย เพื่อเตรียมความพร้อมให้ญาติ และผู้ป่วยในระยะท้ายได้ ‘ตายดี’ แล้วไม่มีอะไรติดค้างในใจ แต่ในชีวิตจริงของป้าไก่อีกมุมหนึ่งกลับต้องเผชิญกับความผิดหวังในความรักที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น จากคนที่เคยคิดว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต ก่อเกิดเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ยากจะข้ามผ่านในวัย 53 ปี

ช่วงเวลาฟ้าสงบก่อนพายุจะมา

“ป้าเจอเขาตั้งแต่สมัยเรียนแต่ตอนนั้นยังไม่ได้พูดคุยกัน จนกระทั่งได้กลับมาเจอกันอีกครั้งตอนอายุประมาณ 23 ปี เขาเป็นคนเรียบร้อย นิสัยดี เอาใจใส่ เลยได้คบหากันตั้งแต่ตอนนั้น หลังจากแต่งงานเรามีลูกกัน 2 คน เขาเป็นทั้งสามีที่ดี และเป็นพ่อที่ดีของลูก คอยไปรับไปส่ง ดูแลลูกและตัวป้าไก่ดีเสมอต้นเสมอปลาย

“ป้าไก่เป็นคนที่รักแล้วจะรักหมดทั้งใจ และพร้อมให้อภัยคนที่รักเสมอ ที่ผ่านมาชีวิตที่แต่งงานมีความสุขมาตลอด ไม่เคยทะเลาะ อาจมีงอนบ้างนิดหน่อยแต่เรื่องใหญ่ที่เข้ามาแทบไม่มี มันทำให้เรารู้สึกว่าการแต่งงานกับเขามันไม่มีทุกข์เลย ป้าเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากที่มีเขา ป้าจึงพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในฐานะที่เราเป็นภรรยาและหน้าที่ของผู้เป็นแม่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นเราจะได้ไม่เสียใจ

30 ปี จากรักมั่นคงสู่ความสั่นคลอน

“เมื่อถึงปีที่ 30 ของการใช้ชีวิตคู่ ช่วงนั้นเขาสามารถขายที่ดินได้เยอะแล้วได้ติดต่อกับธุรกิจกับคนอื่น ป้าเริ่มสังเกตได้ว่าในครอบครัวมีบางอย่างที่ผิดปกติเกิดขึ้น หลังจากนั้นตลอดระยะเวลา 1 ปี จากบ้านที่เคยสงบกลับเหมือนมีไฟอยู่ตลอดเวลา ป้าทะเลาะกับเขารุนแรงแทบทุกวัน จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่งเขาก็ออกจากชีวิตเราและมีครอบครัวใหม่

“ป้าไม่ได้บอกใคร จมอยู่กับความรู้สึกเศร้า สูญเสียของตัวเอง ตอนนั้นเหมือนหัวใจของเรามันแตกสลาย กินไม่ได้ นอนไม่หลับ จากคนที่เคยร่างกายแข็งแรงกลับมาซูบผอมจนมีคนมาทัก ได้แต่สงสัยแล้วโทษตัวเองว่าเราทำไม่ดีตรงไหน ทำให้ป้าเข้าใจคำว่าตรอมใจเลยว่ามันเป็นอย่างไร

“ป้าพยายามหาทางว่าจะทำอย่างไรให้หลุดจากความรู้สึกนี้ไปได้ จากคนที่ไม่ได้สนใจศาสนาหรือหลักธรรมอะไร แต่ด้วยเหตุการณ์ตอนนั้นทำให้ป้านึกถึงพระอาจารย์รูปหนึ่งที่เคยให้คำแนะนำกับป้าไก่เมื่อนานมาแล้ว จึงตัดสินใจเข้าวัดไปพูดคุยกับท่านอีกครั้ง ท่านบอกกับป้าไก่ว่า ‘เวลาความทุกข์มันเกิดกับเราก็เหมือนกับลิงตัวหนึ่งที่เอามือล้วงเข้าไปในขวดโหล ตอนเอามือเขาไปเราเอามือแยงเข้าไปได้ แต่พอเรากำขนมแล้วจะเอามือออกมาไม่ได้ ก็เหมือนที่เรากำความทุกข์ไว้ที่ต่อให้ใครจะบอกยังไงถ้าเราไม่ปล่อยมือเองเราก็จะไม่หลุดจากความทุกข์’ คำสอนนี้ทำให้ป้าตระหนักได้ หลังจากนั้นป้าไก่ตัดสินใจนั่งสมาธิ ภาวนาอยู่กับตัวเองตลอด 6 เดือน โดยไม่ได้เอาความทุกข์นี้ไปเล่าให้ใครฟัง

ก้าวผ่านความทุกข์ ด้วยใจที่ปล่อยวาง

“หลังจากนั่งสมาธิ ภาวนา อยู่กับตัวเองไปเรื่อย ๆ จู่ ๆ ความทุกข์ที่มีก็หายไปเหมือนกับปล่อยลูกโป่ง สามารถให้อภัยเขาได้ภายใน 6 เดือน โดยไม่ได้นึกถึงเรื่องไม่ดีของเขาเลย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันเขาดีกับเรามาตลอด ป้าเลยเลือกมองแต่สิ่งดี ๆ

“ป้าว่าความทุกข์ของป้าน่าจะเหมือนน้ำที่ขุ่น ถ้ายิ่งไปกวน ยิ่งไปพูดถึง มันก็จะขุ่นอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าวางมันนิ่ง ๆ เวลาผ่านไปมันจะค่อย ๆ ตกตะกอน และกลายเป็นน้ำที่ใส มีครั้งหนึ่งที่ลูกเห็นป้าเศร้า เขาเลยเอาเพลง ‘ครึ่งหนึ่งของชีวิต’ ของ แอม เสาวลักษณ์ มาให้ป้าฟัง เพลงนี้ทำให้ป้าเลือกที่จะมองว่าเรายังเหลือเวลาอีกตั้งเยอะในชีวิต ทำไมเราต้องมาสนใจความทุกข์ด้วย และมองหาว่าอะไรที่เป็นความสุขของเราอีกบ้าง

รักตัวเองไม่เจ็บสักวัน สิ่งสำคัญคือต้องกลับมารักตัวเอง

“ความผิดหวังในครั้งนั้นทำให้ป้ากลับมารักตัวเอง หาความสุขให้ตัวเองมากขึ้น แล้วป้าก็พบว่าป้ายังมีลูกอีก 2 คน และลูกอยากให้ป้าสุขภาพแข็งแรง จากที่ทำแต่งานไม่เคยออกกำลังกายหรือดูแลสุขภาพตัวเองเลย ป้าเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่ตอนนั้นจนปัจจุบันป้าเป็นนักวิ่งมาราธอน และได้รับรางวัลมาหลายครั้ง ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ป้ามีความสุขมาก

ให้อภัยได้ ใจก็เบาลง

“สำหรับป้าพูดได้เต็มปากว่าไม่มีความรู้สึกโกรธแค้นขุ่นมัว ไม่ไปกล่าวโทษอะไรใครทั้งตัวเอง และอดีตสามี ในวันที่เจอกันครั้งล่าสุดที่เขามาทำเรื่องโอนที่ดินให้กับลูก ป้าไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเขาเลย ยังสามารถเข้าไปโอบเอว จับมือ แล้วถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้างได้เหมือนเดิมโดยไม่ได้มีความรู้สึกไม่ดีต่อเขาเลย ทำทุกอย่างได้เป็นปกติเพราะว่าใจเรามันโล่งแล้ว

“ความผิดหวังในครั้งนี้สอนให้เรารู้ว่าเราต้องมองโลกบนความเป็นจริง เวลามีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นเราจะไม่มองในแง่ลบแล้วหาวิธีแก้ไขได้ อยู่กับปัจจุบัน ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดแล้วจะไม่มีเรื่องให้เสียใจภายหลัง

“การรู้จักให้อภัยกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเริ่มจากการให้อภัยในสิ่งเล็ก ๆ ก่อน ถ้าเรายังไม่เคยให้อภัยใครเลยแม้แต่เรื่องเล็กอย่างเราโกรธเพื่อน เรายังไม่ให้อภัยเพื่อนเลย ต่อไปเมื่อมีเรื่องที่ใหญ่ขึ้นเราก็จะให้อภัยยาก เพราะเรื่องเล็กเรายังไม่เคยให้อภัย

การที่ป้าเล่าเรื่องส่วนตัวป้าก็ไม่ได้จะโจมตีใคร แต่อยากส่งต่อกำลังใจถึงคนที่เผชิญภาวะแบบป้าว่าเทื่อเกิดขึ้นแล้วจะรับมือกับใจในวันที่ผิดหวังอย่างไร

“สุดท้าย ไม่มีใครรู้ว่าตลอดไปมีจริงหรือไม่ การกลับมารักตัวเอง มองถึงคุณค่าของชีวิต และสิ่งที่มีอยู่ในวันที่ผิดหวัง คือ ภูมิคุ้มกันทางใจที่จะทำให้เราผ่านเรื่องราวที่เป็นฝันร้ายนั้นได้”

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...