ลงทุนอสังหาฯ ทำเลศักยภาพสูง เริ่มต้น 500 บาท “Summer Point Token”
การระดมทุนด้วยวิธี Initial Coin Offering หรือ ICO กำลังมีพัฒนาการที่น่าสนใจ แม้ในช่วงที่ผ่านมา ประเทศไทยจะมี Project ICO ออกสู่ตลาดไม่มากนัก แต่คาดว่าในปี 2025 ทิศทางของการระดมทุนผ่าน ICO จะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นทั่วโลก ปัจจัยสำคัญ คือการมาของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 47 ซึ่งประกาศชัดเจนว่า ต้องการทำให้สหรัฐฯ เป็นเมืองหลวงด้านคริปโทเคอร์เรนซีของโลก สร้างแรงกระเพื่อมต่อสินทรัพย์ดิจิทัลรวมถึงโทเคนดิจิทัล
ทรัมป์ อิมแพค หนุนสินทรัพย์ดิจิทัล
คาด 2025 Project ICO โตทั่วโลก
ดร. รัฐศรัณย์ ธนไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงาน Wealth Products & Strategy บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ให้มุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถือเป็นสัญญาณบวกของอุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในภาพรวม โดยเฉพาะการที่ทรัมป์ประกาศว่าจะทำให้สหรัฐฯ เป็น The Crypto Capital of the Planet พร้อมเซ็นคำสั่ง (Executive Order) ที่สนับสนุนในเรื่องนี้ โดยในคำสั่งระบุถึงขนาดว่า อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลจะเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและนวัตกรรมของสหรัฐฯ รวมถึงความเป็นผู้นำของประเทศในระดับสากล สถานการณ์นี้ทำให้เชื่อว่า ปี 2025 นอกจากจะเป็นปีแห่งคริปโทเคอร์เรนซีแล้ว จะเป็นปีที่การระดมทุนผ่าน ICO หรือ การออกโทเคนดิจิทัล (Tokenization) มีแนวโน้มเติบโตขึ้นทั่วโลกด้วยเช่นกัน
สำหรับประเทศไทย การระดมทุนแบบ ICO ถือว่ายังเป็นเรื่องใหม่ แต่ก็มีกระแสความสนใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ความน่าสนใจของการทำ ICO ก็คือการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อสร้างช่องทางการระดมทุนที่ไม่ต้องอาศัยตัวกลาง โดยใช้ smart contract ควบคุมการเสนอขายโทเคนบนระบบ Blockchain และเสนอขายผ่าน ICO Portal ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) เช่น Token X บริษัทในเครือ SCBX ซึ่งกลไกนี้ทำให้เกิดความโปร่งใส ปลอดภัย และน่าเชื่อถือ
“แม้ปัจจุบันต้นทุนการระดมทุนแบบ ICO ในประเทศไทย จะยังไม่แตกต่างกับวิธีดั้งเดิมอย่าง IPO มากนัก แต่ในอนาคตจะมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องจากการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ขณะเดียวกันผู้ประกอบการก็มีความสนใจที่จะใช้การระดมทุนผ่าน ICO มากขึ้น เพราะมีความยืดหยุ่นมากกว่า สามารถเลือกระดมทุนได้ตั้งแต่หลักสิบล้านบาทไปจนถึงหลายพันล้านบาทได้ ทั้งยังสอดรับกับรัฐบาลไทยในปัจจุบันที่หันมาให้ความสำคัญในเรื่องสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น”
ดร. รัฐศรัณย์ ให้ข้อมูลว่า หากพิจารณาในด้านการกำกับดูแล พบว่าประเทศไทยมี พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล มาตั้งแต่ปี 2018 หรือกว่า 7 ปีมาแล้ว ซึ่งถือว่าไทยมีการเตรียมพร้อมในเรื่องนี้เร็วกว่าหลายประเทศทั่วโลก นอกจากนี้สำนักงาน ก.ล.ต. ยังมีการปรับปรุงและพัฒนาเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับบริบทโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้อย่างรวดเร็วด้วย
ตัวอย่างเช่น การอนุญาตให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนใน Real-estate/Infrastructure Backed ICO ได้ไม่จำกัดจำนวน (จากเดิมที่จำกัดรายละ 300,000 บาท ต่อการเสนอขาย) โดยที่ในอนาคตก็อาจมีพัฒนาการเพิ่มเติมโดยนำโทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุน (Investment Token) ไปอยู่ภายใต้นิยามของ “หลักทรัพย์” ตามหลักในมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เพื่อให้สำนักงาน ก.ล.ต. สามารถกำกับดูแลได้เหมาะสมยิ่งขึ้น และผู้ระดมทุนก็มีความคล่องตัวมากขึ้น สอดคล้องกับสากล
จับตา Summer Point Token
Investment Token ตัวแรกของปี 2025
ดร. รัฐศรัณย์ กล่าวว่า “InnovestX มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมการลงทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นักลงทุนไทยเข้าถึงโอกาสการลงทุนระดับโลก สามารถกระจายความเสี่ยงและสร้างผลตอบแทน ผ่านการเข้าถึงสินทรัพย์การลงทุนที่หลากหลาย”
ล่าสุด InnovestX และ TokenX บริษัทในเครือ SCBX ร่วมกันผลักดัน Tokenization ที่ช่วยเปลี่ยนสินทรัพย์ดั้งเดิม ให้กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลหรือโทเคนดิจิทัล เพื่อยกระดับการระดมทุนสู่รูปแบบใหม่ด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสินทรัพย์มูลค่าสูง อย่างอสังหาริมทรัพย์ ได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ทั้งยังช่วยเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยได้เข้าถึงการลงทุนที่เป็นสากล เพิ่มทางเลือกให้กับผู้ประกอบการในการระดมทุน และยังเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาตลาด Investment Token ในประเทศไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนต่อไป
และมี Investment Token ใหม่ที่ออกสู่ตลาดคือ “โทเคนดิจิทัลเพื่อการลงทุนซัมเมอร์พ้อยท์” (Summer Point Token) มีสินทรัพย์อ้างอิงเป็นอาคาร Summer Point ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์บนถนนสุขุมวิท เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้า BTS พระโขนง มีพื้นที่ให้เช่าพาณิชย กรรม 998.75 ตร.ม. (จำนวน 9 ห้อง) และพื้นที่ให้เช่าสำนักงาน 4,797.86 ตร.ม. (จำนวน 19 ห้อง) ปัจจุบันมีอัตราเช่าพื้นที่เฉลี่ยสูงถึง 96% (ข้อมูลเดือนกันยายน 2567) มีผู้เช่าชั้นนำที่น่าเชื่อถือ เช่น บริษัท Woody World, ร้านกาแฟอินทนิล, KANA Wellness Clinic รวมถึงร้านค้าต่าง ๆ
ตัวอาคาร Summer Point สามารถทำรายได้จากอัตราค่าเช่าที่ได้เปรียบกว่าอาคารอื่นในย่านนั้น โดยตัวอาคารมีความทันสมัย มีอายุเพียง 5 ปี หากมีคู่แข่งเข้ามาในอนาคต Summer Point ยังคงได้เปรียบในด้านต้นทุนที่ต่ำกว่า ทั้งยังได้ครอบครองพื้นที่ที่ดีที่สุด (ติด BTS พระโขนง ซึ่งเป็นโซนใจกลางระหว่างย่านทองหล่อ กับอ่อนนุช-บางนา) ในบริเวณเดียวกันไปแล้ว ทำให้สามารถนำเสนออัตราค่าเช่าให้แก่ผู้เช่าที่คุ้มค่ากว่าได้ และ เป็นอาคารสำนักงานขนาดกลาง ที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอาคารต่ำกว่าสำนักงานขนาดใหญ่
ราคาจองซื้อ 50 สตางค์ต่อโทเคน
เริ่มต้นง่าย ลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท
ดร. รัฐศรัณย์ อธิบายว่า Summer Point Token (SUMX) เป็นนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ในรูปโทเคนดิจิทัล ที่เปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ชั้นดีได้ง่ายมากขึ้น โดยมีราคาจองซื้ออยู่ที่ 0.50 บาทต่อโทเคน ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 โทเคน หรือ 500 บาท ทวีคูณครั้งละ 100 โทเคน หรือ 50 บาท ซึ่งถือเป็นราคาที่ถูกกว่าราคาประเมิน ถึง 8.8-15.6% (มูลค่าระดมทุน 450 ล้านบาท เทียบกับ ราคาประเมินที่ 490-520 ล้านบาท)
ด้านผลตอบแทนคาดหวังจากการลงทุนใน “Summer Point Token” เฉลี่ยอยู่ที่ 10.2%* ต่อปี ซึ่งผู้ลงทุนจะได้รับในทุกไตรมาส โดยมาจาก 1. ค่าเช่าสุทธิ ตลอดอายุโครงการ (25 ปี) 2. เงินต้นทยอยคืน 1% ทุกไตรมาส หรือ 4% ทุกปี ตลอดอายุโครงการ (25 ปี) ซึ่งมาจากการ Burn Token (ทำลายเหรียญโทเคน) และ 3. ได้รับสิทธิออกเสียงลงคะแนนในการลงมติเกี่ยวกับการลงทุนโทเคนนี้ โดยที่ผลตอบแทนจากค่าเช่าสุทธินั้นผู้ลงทุนเสียภาษีในอัตรา 15% และถือเป็น Final Tax ในขณะที่เงินต้นทยอยคืนไม่ต้องเสียภาษี
“เวลานี้ถือเป็นจังหวะที่ดีในการเข้าซื้อในช่วงแรก เพราะเหมาะสำหรับกระจายการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงในยุค Trump 2.0 ที่ตลาดหุ้นโลกผันผวนสูง โดย Summer Point Token สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือในตลาดรองได้ตลอด 24 ชั่วโมง หลังจากเข้าจดทะเบียนในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถซื้อขายได้ผ่านแอปพลิเคชัน InnovestX ซึ่งสามารถลงทุนได้ ครบทุกสินทรัพย์ทั่วโลก”
ส่วนประเด็นเรื่องของการทำ arbitrage ในตลาดรองนั้น ดร. รัฐศรัณย์ ให้ข้อมูลว่า การโอน Token แต่ละชนิด Token จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่บริษัท โดยที่ในกรณีของ Summer Point Token นั้น หากผู้ลงทุนมีการซื้อโทเคนในตลาดแรกผ่าน TokenX และต้องการโอนมายังตลาดรองใน InnovestX ระบบจะมีการเช็คตัวตนว่าเป็นบุคคลเดียวกันหรือไม่ หากใช่ก็จะสามารถโอนได้ ส่วนกรณีการโอนจากตลาดรองใน InnovestX ไปยังที่อื่น เช่น Bitkub หรือ TokenX ผู้ลงทุนจะสามารถเลือกโอนให้บุคคลอื่นได้
“การทำ arbitrage นั้น ผู้ลงทุนต้องพิจารณาหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น สภาพคล่องในตลาดรอง ต้นทุนในการดำเนินการ เครื่องมือในการซื้อขาย หรือความเชี่ยวชาญในการจับจังหวะการซื้อขาย หากมีความพร้อมและเห็นโอกาสก็สามารถดำเนินการทำได้ อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนต้องตระหนักว่าการทำ arbitrage เป็นการเก็งกำไรจากส่วนต่างราคาในระยะสั้น (เหมาะกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น) ซึ่งอาจขัดกับวัตถุประสงค์ของการลงทุนใน Summer Point Token ที่ต้องการสร้างกระแสเงินสด (Passive Income) ในระยะยาวได้”
คว้าโอกาสจาก Investment Token
สร้าง Passive Income ระยะยาว
ดร. รัฐศรัณย์ ให้ความเห็นว่า Investment Token แม้จะถูกจัดเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่งภายใต้กฎหมายไทย และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต. เช่นเดียวกับ คริปโทเคอร์เรนซี
แต่ Investment Token โดยทั่วไปแล้ว มีความเสี่ยงน้อยกว่า คริปโทเคอร์เรนซีโดยเฉพาะ Investment Token ประเภทที่มีสินทรัพย์อ้างอิงหนุนหลังอยู่ เช่นในกรณีของ Summer Point Token ที่จัดว่าเป็นโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Backed Investment Token)
อย่างไรก็ดี เมื่อขึ้นชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลแล้ว มักตามมาด้วยความเสี่ยงในเรื่องความผันผวนด้านราคาที่อยู่ในเกณฑ์สูงเมื่อเทียบกับสินทรัพย์อื่น รวมถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง เนื่องจากประเทศไทยยังมีสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Investment Token เพียงไม่กี่ตัวที่จดทะเบียนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลไทย จำนวนผู้ลงทุนยังไม่มาก และช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา แต่ในอนาคตเชื่อว่า Investment Token มีศักยภาพและมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก
“หากเทียบย้อนไปเมื่อสมัยแรก ๆ ของการเปิดตลาดหลักทรัพย์ไทย ช่วงที่เพิ่งเริ่มมีหุ้นเข้าจดทะเบียน เมื่อประมาณ 50 ปีก่อน ณ ช่วงเวลานั้น หุ้นก็ยังมีปริมาณการซื้อขายน้อย เฉลี่ยไม่กี่สิบล้านบาทต่อวัน หรือเรียกว่ามีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องมากกว่าในปัจจุบันมาก หรือแม้แต่ในช่วงหลังวิกฤตปี 2540 ที่สภาพคล่องในตลาดหุ้นไทยหายไปมาก เหลือปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย ต่อวันเพียงไม่กี่พันล้านบาท จากช่วงปกติที่มีหลายหมื่นล้านบาท แต่ก็มีนักลงทุนหลายคน ที่เห็นโอกาสในช่วงนั้นเข้าไปลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีจำนวนมาก และมีพอร์ตลงทุนเติบโตขึ้นได้ดี ซึ่งนั่นหมายถึงสุดท้ายแล้ว ราคาหุ้นอาจไม่สำคัญเท่ากับมูลค่าของหุ้นและปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนั้น”
เทียบเคียงได้กับราคาโทเคนดิจิทัลก็ไม่สำคัญเท่ากับสินทรัพย์อ้างอิงของโทเคนดิจิทัลว่าจะสร้างมูลค่าหรือกระแสเงินสดให้ผู้ลงทุนได้มากน้อยเพียงใด เช่นโทเคนดิจิทัลที่อ้างอิงอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Backed Investment Token) ที่นักลงทุนต้องประเมินว่ายังมีความสามารถในการรับค่าเช่าและแบ่งค่าเช่าสุทธิให้กับผู้ถือโทเคนดิจิทัลได้หรือไม่ หากได้ แม้ว่าราคาโทเคนดิจิทัลจะผันผวนสูงในระยะสั้น แต่ก็อาจเป็นโอกาสสำหรับผู้ลงทุนในการเข้าลงทุนเพื่อสร้างกระแสรายรับ (Passive Income) จากอสังหาริมทรัพย์นั้นผ่านโทเคนดิจิทัลได้ในระยะยาว
“เปรียบเทียบให้เห็นภาพมากขึ้น หากย้อนไปเมื่อราว 7 ปีก่อน ตอนที่ DR หรือตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศตัวแรกเพิ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย ช่วงเวลานั้น ปริมาณการซื้อขายของ DR ก็ยังไม่มากเช่นกัน นักลงทุนยังไม่ค่อยรู้จักมากนักว่า DR คืออะไร ทำให้ DR มีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องสูง แต่เมื่อเวลาผ่านไปนักลงทุนเข้าใจประโยชน์หรือ คุณลักษณะของ DR มากขึ้น เข้าใจว่าสุดท้ายแล้วราคา DR ก็จะเคลื่อนไหวสอดคล้องไปกับ หลักทรัพย์อ้างอิงในต่างประเทศปรับด้วยอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึง demand และ supply ของนักลงทุนในขณะนั้น ทำให้ความเสี่ยงดังกล่าวค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไปและเมื่อนักลงทุนมี ความเข้าใจในผลิตภัณฑ์การลงทุนหรือสินทรัพย์ดังกล่าวมากขึ้น สภาพคล่องของสินค้าจะก็ค่อยๆ มากขึ้นไปเองตามลำดับ”
นโยบาย Stablecoin ของรัฐบาล
หนุนการลงทุนโทเคนดิจิทัล
ดร. รัฐศรัณย์ ให้ความเห็นว่า การที่รัฐบาลไทยมีนโยบายพัฒนา Stablecoin ที่มีพันธบัตรรัฐบาลเป็นสินทรัพย์อ้างอิง (Asset-backed) ประเมินว่าจะส่งผลบวกต่อความนิยมในสินทรัพย์ประเภท Investment Token อย่างแน่นอน เพราะหากทำความเข้าใจเรื่องนโยบายรัฐบาลไทยในปัจจุบันจะพบว่า
สิ่งที่รัฐบาลต้องการคือให้มีเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดการจับจ่ายใช้สอยเพื่อให้เศรษฐกิจคึกคัก มีเงินหมุนเวียนในระบบสูงขึ้น เนื่องจากเดิมหากผู้ลงทุนซื้อและถือพันธบัตรรัฐบาลเก็บไว้เฉยๆ ผู้ลงทุนก็จะได้ดอกเบี้ยจากรัฐบาล ไม่ได้นำเงินส่วนนั้นโดยเฉพาะเงินต้นมาใช้ ทำให้ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อระบบเศรษฐกิจมากนัก แนวคิดเรื่องการนำพันธบัตรรัฐบาลมา Tokenization จึงเกิดขึ้น
“การที่กระทรวงการคลังมีแนวคิดในการนำพันธบัตรรัฐบาลมาแปลงให้อยู่ในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลประเภท Stable Coin ซึ่งจริง ๆ แล้วอาจคล้ายรูปแบบของ Investment Token ที่มีสินทรัพย์หนุนหลังคือพันธบัตรรัฐบาล (Government Bond Backed Investment Token) โดยจากข่าวรัฐบาลไทยจะทดลองเริ่มต้นออกมูลค่าไม่เกิน 5,000 ล้านบาท ภายในปีงบประมาณ 2568 ก่อน แต่ต้องติดตามความชัดเจนอีกครั้ง แต่หากนับเฉพาะการ Tokenize ปัจจุบันสามารถทำได้ทันที เพราะสำนักงาน ก.ล.ต. มีกฎหมายรองรับอยู่แล้ว”
แต่ในกรณีที่รัฐบาลต้องการให้ผู้ลงทุนสามารถนำโทเคนนี้มาจับจ่ายใช้สอยได้ด้วย (เป็นการแปลงพันธบัตรรัฐบาลที่คนถือเดิมมักจะเก็บไว้นิ่งๆ ให้คนสามารถนำมาซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ด้วยโทเคน เพื่อเพิ่มเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจ) ซึ่งหมายถึงให้นำมาใช้ในระบบการชำระเงินได้นั้น ธนาคารแห่งประเทศไทยจะต้องเข้ามากำกับดูแลตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
ดร. รัฐศรัณย์ มองว่านโยบาย Stablecoin จะทำให้ผู้คนเข้าใจเรื่องการทำ Tokenize หรือ ICO เพิ่มขึ้น รู้ว่าเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถแปลงสินทรัพย์หลากหลายประเภทให้กลายเป็นโทเคนได้ ซึ่งแน่นอนว่าในอนาคตก็อาจมีการนำสินทรัพย์อื่น ๆ มาออกเป็นโทเคนได้อีก นอกจากนี้ยังสามารถสร้างผลกระทบในมิติของการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น อาจมีการนำหุ้นกู้เอกชนที่ผู้ลงทุุนถือไว้เฉย ๆ มา Tokenize โดยผู้ถือโทเคนหุ้นกู้นั้นก็นำไปจับจ่ายใช้สอยได้
โดยผู้ออกโทเคนสามารถเขียนโค้ดคำสั่งลงไปให้ชัดเจนว่าสามารถใช้ได้แค่ไหน เช่น ใช้โทเคนนั้นชำระได้เฉพาะในสินค้าหรือบริการของกลุ่มบริษัทที่ออกหุ้นกู้นั้น เป็นต้น หรือผู้ประกอบการที่มีทรัพย์สินหลากหลายก็สามารถนำมา Tokenize ทำให้ได้เงินระดมทุนไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ ในขณะที่ผู้ลงทุนก็มีทางเลือกในการลงทุนเพิ่มมากขึ้นบนความเสี่ยงที่ยอมรับได้ เป็นการนำโลกของการระดมทุน การลงทุน และการชำระแลกเปลี่ยนเงิน มาผสมผสานรวมกันให้กลมกลืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.innovestx.co.th/promotions/detail/summerpointtoken หรือติดต่อ InnovestX Facebook หรือ ติดต่อ 02-949-1399
ที่มา : Sumx Whitepaper
เป็นการโฆษณาในระหว่างที่แบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนการเสนอขายโทเคนดิจิทัลยังไม่มีผลบังคับใช้ (หากหนังสือชี้ชวนมีผลบังคับใช้แล้วให้ตัดข้อความนี้ออก)
*คำเตือน : ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน สินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยง โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้*
**หมายเหตุ : อัตราผลตอบแทนมีการประเมินโดยอ้างอิงจากสมมติฐานเกี่ยวกับอัตราการครองพื้นที่ รวมถึงอัตราการปรับเพิ่มค่าเช่าและค่าบริการในอนาคต ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนทั้งโครงการเฉลี่ยต่อปี (IRR) ดังกล่าวจะเป็นอัตราผลตอบแทนทั้งโครงการเฉลี่ยต่อปีเมื่อคำนวณจากการถือครองโทเคนดิจิทัลตั้งแต่วันเริ่มต้นโครงการจนถึงวันสิ้นสุดโครงการ หากการถือครองโทเคนดิจิทัลไม่ได้เป็นไปตามระยะเวลาดังกล่าว อัตราผลตอบแทนทั้งโครงการเฉลี่ยต่อปีอาจมีการเปลี่ยนแปลง*