โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ทั่วไป

CIB ร่วมเปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน” รวบแพทย์หญิง และพวก รวม 8 ราย

อีจัน

อัพเดต 26 มี.ค. เวลา 17.25 น. • เผยแพร่ 26 มี.ค. เวลา 10.18 น. • อีจัน

เปิดปฏิบัติการ “สยบนาคี ล้างบางเส้นทางยาเถื่อน”

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ท. สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) กรมบัญชีกลาง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันสืบสวนจับกุมผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย

1. แพทย์หญิง หรือนางสาวบรินดา อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 38/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ซอยสุคนธสวัสดิ์ 3 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าง กรุงเทพมหานคร

ในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้น การปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

2. พันเอกหญิง หรือนางสาวกัญยารัตน์ อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 39/68 จับกุมได้ที่บ้านพักข้าราชการทหาร แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร

3. นายสมปราช อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 40/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

4. ร้อยตรีหญิง ภาวนา อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 41/68 จับกุมได้ที่บ้านพัก ตำบลประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี

5. นางสาวสุรีย์ อายุ 50 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 42/68 จับกุมได้ที่บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

6. นายสมพงศ์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 43/68 จับกุมได้ที่บ้านพักถนนแสงจันทร์-รูเบีย แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร

7. นายทินกร อายุ 49 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 44/68 จับกุมได้ที่ สภ.เมืองลพบุรี ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี

8. นางอภิญญา อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางที่ 45/68 จับกุมได้ที่โรงพยาบาลอานันทมหิดล ต.เขาสามยอด อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี

ในความผิดฐาน “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนเอง หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสารฯ และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ฯ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162(1)(2)(3) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

สืบเนื่องจากผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ ให้ดำเนินการคดีกับแพทย์หญิงบรินดา กับพวก กรณีมีขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลเพื่อนำไปขายต่อให้กับบุคคลภายนอก โดยจากการรวบรวมพยานหลักฐานได้ความว่า เมื่อปี พ.ศ.2561 ถึง พ.ศ.2568 แพทย์หญิงบรินดา ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก (ฝ่ายการแพทย์) และปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ชำนาญการ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ที่มีหน้าที่ในการวินิจฉัยและรักษาอาการผู้ป่วยทั่วไป ได้กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ เป็นลักษณะของการแบ่งหน้าที่ทำกับ นางสาวกัญญารัตน์ และพวก

โดยนางสาวกัญญารัตน์ เป็นผู้ทำหน้าที่ชักชวนกลุ่มบุคคลในลักษณะเครือข่ายแม่ทีม และลูกข่ายในพื้นที่จังหวัดลพบุรี ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลที่มีสิทธิเบิกจ่ายตรงในการรักษาพยาบาลกับกรมบัญชีกลาง, ตระเตรียมวางแผนให้ผู้เข้าร่วมขบวนการที่จะมาตรวจรักษากับแพทย์หญิงบรินดา ว่าจะต้องแจ้งกับพยาบาลว่าอย่างไร แต่ละรายจะต้องทานอะไรมาก่อน ต้องแจ้งแพทย์ว่ามีอาการอย่างไร จะต้องขอยาอะไรเพิ่มบ้างเพื่อให้ได้ ยาแผนปัจจุบันมา แล้วนำยาดังกล่าวทั้งหมดไปขายเพื่อนำเงินที่ได้มาแบ่งให้กับผู้ร่วมขบวนการในการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก

ซึ่งลูกทีมแต่ละคนจะได้รับค่าตอบแทนรายละ 500 บาท/ครั้ง และหากนำยาออกมาจากโรงพยาบาลจะได้ค่าจ้าง 10% จากยอดเงินตามใบเสร็จค่ารักษาพยาบาล หรือตามที่แม่ทีมได้ตกลงกับลูกทีมในแต่ละรายไว้ และแม่ทีมจะได้ค่าตอบแทนจากนางสาวกัญญารัตน์ เป็นรายหัวตามจำนวนลูกทีม หัวละ 1,500 บาท อีกทั้งและมีการจัดหารถรับส่งคนมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกด้วย

จากการสืบสวนทราบว่าในขบวนการนี้ มีแม่ทีมทั้งหมด 6 สาย แต่ละสายมีลูกทีมประมาณ 80-100 คน วนเวียนมาพบแพทย์หญิงบรินดา ตามนัดเพื่อรับยาและเมื่อได้ยามาแล้ว แม่ทีมจะเก็บยาทั้งหมด ใบเสร็จและใบนัด นำไปมอบให้กับนางสาวกัญญารัตน์ หรือบางครั้งนางสาวกัญญารัตน์ จะมารับยาจากแม่ทีม พร้อมทั้งจ่ายเงินให้กับแม่ทีม หากนางสาวกัญญารัตน์ ไม่ได้มารับยาด้วยตนเอง ก็จะให้แม่ทีมนำยา ไปส่งให้ที่แฟลต หรือคอนโดตามที่นางสาวกัญญารัตน์ แจ้งให้ทราบ

และในรายที่ลูกทีม ไม่มาพบหมอตามนัด แม่ทีมจะไปขอบัตรประจำตัวประชาชนของลูกทีม เพื่อนำไปเปิดสิทธิของรับยาแทน โดยจะจัดหาคนไปรับยาแทน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกทีมที่ต้องเข้าไปพบแพทย์ในวันนั้น หรือบางครั้งก็เป็นตัวแม่ทีมไปยื่นขอรับยาแทนลูกทีม ซึ่งลูกทีมที่ไม่ได้ไปรับยาก็จะได้ค่าตอบแทนด้วย แต่อาจจะถูกหักค่าตอบแทนบางส่วนเพื่อนำไปให้กับคนที่ไปรับยาแทนตนเอง

ขบวนการนี้มีการนำยาที่ได้จากลูกทีมทั้งหมดไปขายต่อตามร้านขายยาในท้องตลาด ลูกทีมทั้งหมดไม่มีผู้ใดได้รับยาที่ได้จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึกไปรับประทานเลย โดยลูกทีมที่มีอาการป่วย และต้องการยาในการรักษา จะต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลอื่นหรือโรงพยาบาลเดิมที่ตนรักษาตัวอยู่ก่อนแล้ว ตามที่อยู่ของลูกทีม ซึ่งจะพบว่าประวัติการรักษาของลูกทีมเหล่านี้จะมีอาการเจ็บป่วยน้อยกว่าประวัติการรักษาที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึก

บก.ปปป. จึงรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับผู้ต้องหา จำนวน 8 ราย และขออนุมัติหมายค้น จำนวน 17 จุด จนวันนี้ บก.ปปป. สนธิกำลังกับ บก.ปคบ., บก.ปอศ. พร้อมกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ อย. วางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย และเข้าค้นจุดต้องสงสัยพร้อมกัน 17 จุด ในเขตพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี, นนทบุรี, ชลบุรี, ปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร พร้อมนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหาทุกรายยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

หากมีความคืบหน้า จะอัปเดตให้ทราบ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...