โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

กระทรวงคลังจีน ประกาศเก็บภาษีสูงขึ้นอีก 41% จากเดิม 84% เป็น 125% กับสินค้าสหรัฐ มีผล 12 เมษายนเป็นต้นไป

BTimes

อัพเดต 11 เม.ย. เวลา 17.55 น. • เผยแพร่ 11 เม.ย. เวลา 08.22 น. • อัพเดตข่าวหุ้น ธุรกิจ การเงิน การลงทุน การตลาด การค้า สุขภาพ กับ บัญชา ชุมชัยเวทย์ - BTimes.Biz

วันนี้ 11 เมษายน 2025 เมื่อเวลา 16.30 น. เวลาไทย นายหลาน โฟอัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศจีน แถลงประกาศใช้มาตรการอัตราภาษีนำเข้าสูงขึ้น 41% จากเดิมที่ได้ประกาศไปให้ขึ้นเป็น 84% ส่งผลรวมเป็นขึ้นภาษี 125% กับสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariifs สูงขึ้นเป็น 145% กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนทั้งนี้มาตรการตอบโต้ของกระทรวงการคลังจีนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน 2025 เป็นต้นไป

รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง จีน กล่าวว่า สินค้าสหรัฐอเมริกาไม่สามารถขายได้ในประเทศจีนอีกต่อไปภายใต้อัตราภาษีศุลกากรที่ปรับเพิ่มขึ้นมาในปัจจุบัน หากประเทศสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มภาษีศุลกากรกับสินค้าส่งออกจากจีนอีก ประเทศจีนจะเพิกเฉยต่อมาตรการดังกล่าว

รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ จีน กล่าวว่า การใช้มาตราภาษีศุลกากรที่สูงเกินไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา กลับกลายเป็นเกมตัวเลข ซึ่งไม่มีประโยชน์ในทางเศรษฐกิจ และเป็นการชี้ให้เห็นว่า การใช้มาตรภาษีนำเข้าสินค้าเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง และการบีบบังคับ เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องตลก

ในคืนผ่านมา โฆษกทำเนียบขาว สหรัฐอเมริกา แถลงชี้แจงว่า อัตราภาษีที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาจัดเก็บเพิ่มขึ้นกับสินค้าจากประเทศจีนรวมเป็น 145% ไม่ใช่ 125% อย่างที่เข้าใจกันก่อนหน้านี้ เนื่องจาก เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2025 ผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในประกาศคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้ดำเนินการเก็บภาษีขึ้น 20% กับจีน สาเหตุจากมีข้อมูลและหลักฐานยืนยันชัดเจนว่ามีการลักลอบนำเข้ายาเฟนทานิลมาจากประเทศจีน ดังนั้น เมื่อรวมอัตราภาษีทั้งหมดที่เก็บกับประเทศจีนจะเป็น 145% และมีผลตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2025 ผ่านมา

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้ลงนามในคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้ดำเนินการเพิ่มอัตราการเก็บภาษีพัสดุ หรือแพคเกจจิ้งที่บรรจุสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมีมูลค่าต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 28,000 บาทลงมา นับเป็นการลงนามเพื่อแก้ไขอัตราภาษีเพิ่มขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ภายใน 8 วันผ่านมา

โดยเฉพาะสินค้าขายปลีกที่สั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน โดยเพิ่มอัตราการจัดเก็บสูงถึง 4 เท่า ทำให้อัตราภาษีดังกล่าวเพิ่มขึ้นจาก 90% เป็น 120% ให้มีผลวันที่ 2 พฤษภาคม 2025 นี้ ดังนั้น อัตราภาษีดังกล่าวจะส่งผลให้ต้นทุนในการจัดส่งสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 800 ดอลลาร์สหรัฐ หรือต่ำกว่า 28,000 บาท เพิ่มสูงขึ้นเป็น 200 ดอลลาร์สหรัฐต่อชิ้น หรือกว่า 7,000 บาท มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 นี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2025 นายหลาน โฟอัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังประเทศจีน แถลงประกาศใช้มาตรการอัตราภาษีนำเข้าสูงถึง 34% กับสินค้าทุกชนิดที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการตอบโต้หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ประกาศขึ้นภาษีต่างตอบแทน หรือ Reciprocal Tariifs สูงถึง 34% กับสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีนทั้งนี้มาตรการตอบโต้ของกระทรวงการคลังจีนจะมีผลตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2025 เป็นต้นไป

เมื่อวันที่ 3 เมษายนผ่านมา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศมาตรการอัตราภาษีต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) บังคับใช้กับ 185 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 2 เมษายน 2025 ตามเวลาในกรุงวอชิงตัน ดีซี. สำหรับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ของโลกล้วนถูกเก็บภาษีดังกล่าวในอัตราที่สูงมาก ได้แก่ จีน เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2 ของโลกและอันดับ 1 ของเอเชียถูกเก็บ 34% ไต้หวันถูกเก็บ 32% กลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งมีทั้งหมด 27 ประเทศสมาชิกถูกเก็บ 20% สวิสเซอร์แลนด์ถูกเก็บ 31% ญี่ปุ่นถูกเก็บ 24% อินเดียถูกเก็บ 26% เกาหลีใต้ถูกเก็บ 25% ในขณะที่ ซาอุดิอาราเบีย สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ถูกเก็บที่ประเทศละ 10%

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...