โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

หนุนลงทุน ‘ท่องเที่ยว Man-made’ สร้างเศรษฐกิจใหม่ปั้น ‘ไทย’ ฮับเอเชีย

MATICHON ONLINE

อัพเดต 06 มี.ค. เวลา 05.59 น. • เผยแพร่ 06 มี.ค. เวลา 05.30 น.

ภาคการท่องเที่ยวไทย ถือเป็นเครื่องยนต์หลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ให้มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีร่วงโรย ไปบ้างก็ตาม

ดังนั้นการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อบูสต์การท่องเที่ยวไทย ให้ครองใจ นักท่องเที่ยวทั่วโลกและสร้างรายได้เข้าประเทศมากยิ่งขึ้น จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร เตรียมจะเดินหน้าและบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วน นับจากก้าวแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ

พร้อมกับจัดลำดับเป็นนโยบายที่ 7 โดยะรบุว่ารัฐบาลจะเร่งส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการสานต่อความสำเร็จ ในการปรับโครงสร้างการตรวจลงตราทั้งหมดของประเทศ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ขอวีซ่า เช่น กลุ่มผู้เข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติ (MICE) และกลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานทางไกล (Digital Nomad) ซึ่งสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวถึง 1.892 ล้านล้านบาท ในปี 2566

โดยการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่ง ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือ Man-made Destinations เช่น สวนน้ำ สวนสนุก ศูนย์การค้า สถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นำคอนเสิร์ต เทศกาลและการแข่งขันกีฬาระดับโลกมาจัดในประเทศไทย รวมถึงส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองน่าเที่ยว เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเม็ดเงินมหาศาล ที่จะกระจายลงสู่ผู้ประกอบการภายในประเทศได้อย่างรวดเร็ว

จากนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาในวันแรก ในวันนี้เริ่มมีความคืบหน้าบ้างแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รวมกาสิโนถูกกฎหมาย ล่าสุด รัฐบาล กำลังเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ.
การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …เข้าสู่การพิจารณาขอ คณะรัฐมนตรี (ครม.) และสภาผู้แทนราษฎรภายในปี 2568 นี้

ภายในโครงการกำหนดประเภทธุรกิจสถานบันเทิงไว้ 10 ประเภทด้วยกัน ได้แก่ ห้างสรรพสินค้า, โรงแรม, ร้านอาหาร, ไนต์คลับ ดิสโก้เธค ผับหรือบาร์, สนามกีฬา, ยอชต์และครูซซิ่งคลับ, สถานที่เล่นเกม, สระว่ายน้ำและสวนน้ำ, สวนสนุก, พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอท็อปและกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด ขณะที่พื้นที่กาสิโนมีเพียง 10%

จากนโยบายรัฐบาล ในฝั่งของ ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องกับ การท่องเที่ยว มองว่าเป็นโอกาสใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย

วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ นายกสมาคมสวนสนุกและสวนพักผ่อนหย่อนใจ มองว่า การท่องเที่ยวของไทยเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก โดยในปี 2566
สร้างรายได้กว่า 1.892 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ดีสัดส่วนที่มาของรายได้ ส่วนใหญ่ยังมาจากไฮไลต์การท่องเที่ยวตามแบบดั้งเดิมเป็นหลัก รัฐบาลจึงเห็นโอกาสที่จะมุ่งเน้นการพัฒนา แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น หรือ Man-made Attraction เช่น สวนน้ำ สวนสนุก และศูนย์บันเทิงครบวงจร เพื่อเพิ่มมูลค่าการท่องเที่ยวและส่งเสริมการกระจายรายได้ที่ดียิ่งขึ้น

โดยในปี 2567 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติร่วม 35.54 ล้านคน สร้างรายได้ให้เศรษฐกิจไทย 1.67 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตามแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้น แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ไทยอย่างยั่งยืน จำเป็นต้องมุ่งเน้นการกระจายตัวของนักท่องเที่ยวไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

รวมถึงเพิ่มการดึงดูดกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง (Premium Tourists) ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพและประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์มากกว่าปริมาณ โอกาสและแนวทางในการพัฒนาประเทศไทยมีศักยภาพสูงในการขยายตลาดท่องเที่ยวเชิงบันเทิง

วุฒิชัย มองว่า สำหรับแนวทางการดำเนินการที่สำคัญ คือ การดึงดูดนักลงทุนภาคเอกชนและต่างชาติ ผ่านมาตรการจูงใจ เช่น สิทธิพิเศษทางภาษี และการลดขั้นตอนที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการทำธุกิจ (ease of doing business) พัฒนาโครงการแบบครบวงจร ที่เชื่อมโยงสวนสนุก รีสอร์ต และศูนย์การค้า

สร้างกิจกรรมและอีเวนต์ระดับนานาชาติ เช่น คอนเสิร์ต กีฬา และเทศกาลดนตรี มีโมเดลต่างประเทศที่ประสบความสำเร็จ ไม่ว่า Disneyland & Universal Studios จากประเทศสหรัฐ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และสวนสนุกที่ใช้ทรัพย์สินทางปัญญา (IP) เช่น Marvel และ Harry Potter หรือ Chimelong Ocean Kingdom จากประเทศจีน สวนสนุกธีมสัตว์น้ำที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โครงการ Resorts World Sentosa ประเทศสิงคโปร์ ศูนย์รวมกาสิโน สวนสนุก และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำระดับโลก

รวมถึงการใช้ IP ในแหล่งท่องเที่ยวที่นำ IP (Intellectual Property) มาประยุกต์ใช้จะช่วยสร้างเอกลักษณ์และเพิ่มมูลค่าให้กับ สถานที่ อย่างเช่น สวนสนุกที่ใช้คาแร็กเตอร์จากภาพยนตร์หรือเกมดัง เช่น Super Nintendo World หรือ Marvel Theme Park, ศูนย์กลางความบันเทิงที่มีธีมเฉพาะ เช่น โซน Harry Potter หรือ Jurassic Park รวมถึงคาเฟ่และพิพิธภัณฑ์ธีม IP เช่น Pokemon Cafe หรือ Ghibli Museum

ถามว่ามีพื้นที่ไหนที่เหมาะสมในการพัฒนาโครงการ วุฒิชัย มองว่า ต้องเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่และเป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงต้องเป็นการสร้างบนพื้นที่ใหม่ ซึ่งมี 3 พื้นที่ ที่เหมาะสม ได้แก่ 1.กรุงเทพฯและปริมณฑล เหมาะกับการพัฒนา สวนน้ำ สวนสนุกในร่ม และศูนย์การค้าแนวใหม่

2.พัทยาและชายฝั่งทะเลตะวันออก เหมาะสำหรับสวนน้ำ สถานที่จัดอีเวนต์ระดับโลก และสถานบันเทิงที่รองรับนักท่องเที่ยว ต่างชาติ และ 3.ภูเก็ต เหมาะกับรีสอร์ตบันเทิงและแหล่งท่องเที่ยวระดับพรีเมียม

นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่นที่อาจมีศักยภาพ ไม่ว่าจังหวัดเชียงใหม่ เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และเขาใหญ่ หัวหิน เหมาะสำหรับพัฒนารีสอร์ตหรู

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการให้ภาครัฐช่วยสนับสนุน คือ ความชัดเจนด้านนโยบายและมาตรการที่จะส่งเสริมการลงทุน เพื่อให้เกิดการจูงใจมากขึ้น ทั้งนักลงทุนในประเทศและต่างชาติ เช่น ปลดล็อกกฎหมายเครื่องเล่นสวนสนุก การขอใบอนุญาต รวมถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ที่ปัจจุบันยังมีข้อจำกัด อาจยังไม่มีแรงจูงใจมากพอ โดยขอให้ปรับแก้ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น ภาษีต่างๆ เนื่องจากธุรกิจสวนน้ำสวนสนุกต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานในการคืนทุน

ทั้งนี้ ในแง่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่าน Man-made Destinations นั้น “วุฒิชัย” สะท้อนว่า จะช่วยกระจายรายได้สู่ธุรกิจท้องถิ่น เช่น โรงแรม ร้านอาหาร และบริการท่องเที่ยว ยังสร้างงานจำนวนมาก ครอบคลุมทุกระดับอาชีพ รวมถึงเพิ่มการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว เช่น ค่าตั๋ว ค่าอาหาร ของที่ระลึก เพิ่มระยะเวลาการพำนัก และกระตุ้นการเดินทางซ้ำ

“ดังนั้นจึงมองว่าการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น เป็นแนวทางสำคัญในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ หากประเทศไทย สามารถดึงดูดนักลงทุนและสร้างสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกได้ จะช่วยให้ประเทศไทยได้กลายเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงบันเทิงแห่งเอเชียในอนาคต” วุฒิชัยกล่าวทิ้งท้าย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : หนุนลงทุน ‘ท่องเที่ยว Man-made’ สร้างเศรษฐกิจใหม่ปั้น ‘ไทย’ ฮับเอเชีย

ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...