โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไอที

คิดว่าไง รถยนต์ไฟฟ้า VS สันดาป แบบไหน ปล่อยมลพิษ มากกว่า

Techhub

อัพเดต 16 ก.พ. เวลา 10.24 น. • เผยแพร่ 16 ก.พ. เวลา 10.24 น.

ตอนนี้มีประเด็นถกเถียงกันค่อนข้างกว้าง เกี่ยวกับเรื่องของรถยนต์ไฟฟ้ากับรถยนต์สันดาปแบบเดิม ว่าอะไรปล่อยมลพิษมากกว่ากัน

จริง ๆ เรื่องนี้ก็เป็นประเด็นมานานพอสมควรแล้ว แต่มันบูมขึ้นมาจากเนื้อหาของ Youtube ช่องหนึ่งที่บอกว่า EV = Scam ทำให้หลายคนเข้ามาถกเถียงกันว่า รถยนต์แบบไหน มันสร้างมลพิษมากกว่ากัน Techhub ขอสรุปสั้น ๆ มาให้อ่านกันครับ

ซึ่งถ้าจะบอกว่า รถยนต์แบบใดสร้างมลพิษมากกว่า มันไม่สามารถบอกแค่เรื่องของการใช้งานในขณะขับ เพราะถ้าสรุปแบบนั้น ยังไง EV ก็กินขาด

แต่มันต้องมองถึงมลพิษตลอดวงจรชีวิต (Lifecycle) ของรถยนต์ ทั้งจากกระบวนการผลิต การใช้งาน การจัดหาพลังงาน และการจัดการซาก (End-of-life / Disposal) ซึ่งจากข้อมูลที่ผมอ่าน ก็ต้องยอมรับว่ารถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะมีแนวโน้มสร้างมลพิษโดยรวม (Overall Emissions) น้อยกว่ารถยนต์สันดาปภายในแบบเดิม แต่ก็ต้องพิจารณารายละเอียดบางอย่างด้วย
คือ

1.กระบวนการผลิต (Production Phase)

รถยนต์สันดาปภายใน
– ในการผลิตรถยนต์สันดาป กำลังการผลิตและกระบวนการยังมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (เช่น CO₂) รวมถึงมลพิษบางส่วนจากการผลิตเครื่องยนต์และส่วนประกอบต่าง ๆ แต่ไม่ซับซ้อนเรื่องแบตเตอรี่ขนาดใหญ่เหมือน EV อย่างไรก็ตาม การผลิตชิ้นส่วนโลหะ เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ก็ต้องใช้พลังงานและวัตถุดิบจำนวนหนึ่ง ซึ่งมีของเสียและการปล่อยมลพิษเกิดขึ้น

รถยนต์ไฟฟ้า
– การผลิตแบตเตอรี่ (โดยเฉพาะลิเธียมไอออน) มีการใช้พลังงานและทรัพยากรวัตถุดิบมากกว่าการผลิตระบบเครื่องยนต์สันดาปภายในทั่วไป โดยเฉพาะวัสดุอย่างลิเธียม นิกเกิล โคบอลต์ ฯลฯ

– ขั้นตอนการสกัดแร่และการผลิตแบตเตอรี่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางน้ำ/ดินสูงกว่าการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์สันดาปในหลายกรณี แต่ในอนาคต ซึ่งยกนี้ ต้องยอมรับว่า รถยนต์สันดาป สร้างมลพิษน้อยกว่าในเชิงกระบวนการผลิต แต่ในอนาคต กำลังมีการพัฒนาแบตเตอรี่ ที่ส่งผลเสียหาสิ่งแวดล้อม น้อยลงเรื่อย ๆ

สรุปเบื้องต้นคือ รถยนต์ไฟฟ้าสร้างมลพิษในขั้นตอนการผลิตสูงกว่ารถยนต์สันดาปในปัจจุบัน เนื่องจากการผลิตและการขนส่งแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่ก็มีแนวโน้มลดลงตามเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้นเรื่อย ๆ

2.การใช้งาน (Usage Phase)

Air pollution from vehicle exhaust pipe on road

รถยนต์สันดาปภายใน
– การเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล (น้ำมันเบนซิน/ดีเซล) ทำให้เกิดการปล่อยมลพิษโดยตรงออกสู่ท่อไอเสีย เช่น CO₂, NOx, PM2.5, และสารพิษอื่น ๆ มลพิษโดยตรงเหล่านี้ส่งผลต่อคุณภาพอากาศ สุขภาพ และยังเป็นก๊าซเรือนกระจกเพิ่มภาวะโลกร้อน

รถยนต์ไฟฟ้า
– ระหว่างการขับขี่ รถยนต์ไฟฟ้าแทบไม่ปล่อยมลพิษทางอากาศออกจากตัวรถเลย (Zero Tailpipe Emission) แต่มลพิษทางอากาศจะถูกย้ายไปยังแหล่งผลิตไฟฟ้าแทน (Power Plants) ถ้าไฟฟ้าที่ใช้ ชาร์จไฟจากพลังงานฟอสซิลเป็นหลัก เช่น ถ่านหิน หรือก๊าซธรรมชาติ ก็ยังมีการปล่อย CO₂ และมลพิษอื่น ๆ อยู่ แต่สิ่งนี้จะเกิดที่โรงไฟฟ้า ไม่ได้อยู่ที่ตัวรถ โดยที่โรงงาน จะมีการติดตั้งเครื่องกรอง/ดักจับ (Scrubbers) หรือเทคโนโลยีควบคุมมลพิษที่มีประสิทธิภาพสูง และมีการกำกับดูแลค่อนข้างเข้มงวดมากกว่า นอกจากนี้ โรงไฟฟ้าหลายแห่ง ยังมีการผสมผสานพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งช่วยลดการปล่อย CO2 มากขึ้นไปอีก

– ถ้าไฟฟ้ามาจากแหล่งพลังงานสะอาด (Renewable) เช่น โซลาร์ วินด์ หรือพลังงานน้ำ มลพิษรวมในภาพการใช้งานยิ่งต่ำลงไปอีก

สรุปคือในระยะการใช้งาน รถยนต์ไฟฟ้าปล่อยมลพิษน้อยกว่ารถยนต์สันดาปแน่นอน โดยเฉพาะด้านมลพิษทางอากาศและมลพิษที่เป็นพิษต่อสุขภาพ

3.ระบบพลังงาน (Fuel/Energy Supply)

– รถยนต์สันดาปภายใน ต้องพึ่งพาการขุดเจาะ ปรับสภาพ (Refining) และขนส่งน้ำมันหรือก๊าซธรรมชาติ กระบวนการทั้งหมดล้วนมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและของเสีย นอกจากนี้ โลกยังคงเผชิญปัญหาปริมาณสำรองน้ำมันที่จำกัด รวมถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ขุดเจาะ หรือการขนส่งที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน โดยที่เรามักเห็นข่าวน้ำมันรั่วในทะเลบ่อย ๆ ซึ่งอันนี้สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศอย่างมาก

-รถยนต์ไฟฟ้า ไม่ต้องใช้น้ำมันโดยตรง แต่ต้องพึ่งพาไฟฟ้า ซึ่งอาจมาจากแหล่งพลังงานหลากหลาย ถ้าประเทศหรือพื้นที่นั้นมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนมาก รถ EV ก็ยิ่งลดการปล่อยมลพิษได้มาก และหากยังต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือก๊าซธรรมชาติ ก็ต้องคำนึงถึงมลพิษที่โรงไฟฟ้า แต่โดยรวมแล้ว มีข้อมูลหลายแห่งบอกว่า แม้ใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิล รถ EV ก็ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่ารถสันดาป แต่จะคุ้มกว่า ถ้าโครงสร้างพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานสะอาด

4.การจัดการซากและการย่อยสลาย (Disposal / End-of-life)

– รถยนต์สันดาปภายใน โครงสร้างและเครื่องยนต์สามารถถอดแยกรีไซเคิลบางส่วนได้พอสมควร เช่น โลหะ ส่วนที่เป็นพลาสติก ยาง ส่วนของเหลว (น้ำมันเครื่อง น้ำยาหล่อเย็น ฯลฯ) อาจก่อให้เกิดมลพิษในการกำจัดหากไม่จัดการอย่างถูกต้อง

– รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเป็นส่วนที่ต้องให้ความสำคัญเรื่องการรีไซเคิลหรือการกำจัด เนื่องจากมีส่วนประกอบของโลหะหายากและสารเคมีที่อาจเป็นอันตราย

ปัจจุบันเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมการรีไซเคิลแบตเตอรี่กำลังพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้สามารถดึงลิเธียม นิกเกิล โคบอลต์ ฯลฯ กลับมาใช้ใหม่ได้มากขึ้น และลดของเสียอันตราย แต่หากแบตเตอรี่ไม่ได้รับการจัดการที่ถูกต้อง ก็จะทำให้เกิดมลพิษจากสารเคมีมากกว่าในรถยนต์สันดาปเสียอีก..

สรุปเบื้องต้นคือการกำจัดซากรถยนต์ไฟฟ้าอาจดูซับซ้อนกว่าตรงส่วนของแบตเตอรี่ หากไม่มีระบบจัดการที่ดี มันก็จะสร้างมลพิษมากว่า แต่ปัจจุบัน เริ่มมีการให้ความสำคัญกับการกำจัดแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น รวมถึงแนวทางการรีไซเคิลที่เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้ในอนาคต แนวโน้มของรถยนต์ไฟฟ้า จะมีอนาคตที่สดใสมากกว่า

ทำไมผมถึงมองว่า EV สะอาดกว่าในระยะยาว

– ประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าในโรงงาน ยังดีกว่าการเผาไหม้ที่เครื่องยนต์เล็ก ๆ ทีละคัน โดยมาตรการควบคุมมลพิษที่โรงไฟฟ้า ทำได้เข้มข้นกว่า (ระบบ Scrubber, Capture) และโอกาสเพิ่มสัดส่วนไฟฟ้าสะอาดในอนาคต มีสูงมาก เมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชื้อเพลิงของรถสันดาป

– เหตุผลด้านสุขภาพและมลพิษในเขตเมือง การไม่มีไอเสียจากรถ EV ช่วยให้คุณภาพอากาศดีขึ้นทันทีในเมืองใหญ่ (ลด PM2.5, NOx) เป็นผลดีต่อสุขภาพ

แน่นอนว่า คนที่ใช้รถ ICE คงหาเหตุผลมาเห็นแย้งผมเรื่องนี้แน่ๆ ถึงแม้จะมองว่ารถไฟฟ้าดี แต่ผมยังไม่ได้ใช้รถยนต์ไฟฟ้านะ ก็ยังใช้ Hybrid อยู่ ตามโจทย์ของตัวเอง เพียงแค่สรุปตามข้อมูลที่มีเท่านั้น

กุญแจของเรื่องนี้ อยู่ที่พลังงานไฟฟ้าที่สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ โดยหากโครงข่ายไฟฟ้า (Grid) ในประเทศมีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนสูงขึ้น (เช่น โซลาร์ วินด์ พลังงานน้ำ) รถ EV ที่วิ่งอยู่จะปล่อย CO₂ ลดลงโดยอัตโนมัติตามความสะอาดของไฟฟ้า ตรงข้ามกับรถสันดาปที่ต้องเผาไหม้น้ำมันตลอดอายุการใช้งาน ดังนั้นจึงไม่มีโอกาสสะอาดขึ้นได้มากนัก

เราอย่าเพิ่งมาขิงกันว่า รถแบบใดดีกว่ากันเลย เลือกตามโจทย์ที่ตัวเองดีกว่า สะดวกแบบใด ก็ใช้แบบนั้นไปก่อน ถึงเวลาสะดวก ก็ค่อยเปลี่ยน ค่อยเป็นค่อยไป ตามเงินกระเป๋าหรือปัจจัยที่ตัวเองควบคุมได้… คนที่ใช้ ICE ก็ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักษ์โลก แต่อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นเองครับ

ว่าจะเขียนสั้น ๆ เอาซะยาวเลย ขออภัยครับ ฮ่า ๆ …

แหล่งข้อมูล
https://theicct.org/publications/global-LCA-passenger-cars-jul2021
https://www.iea.org/reports/global-ev-outlook-2023
https://www.eea.europa.eu/en/analysis/publications/electric-vehicles-from-life-cycle


⭐️Techhub รวม How To , Tips เทคนิค อัปเดตทุกวัน

กดดูแบบเต็มๆ ที่ www.techhub.in.th

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...