ข้อมูลเบื้องต้น
“สรรพสิ่งดีงามของโลกทั้งใบถูกส่งมอบให้ตัวเอกอย่างไร
ความอัปยศทั้งมวลก็ถูกผลักไสให้กับตัวร้ายผ่านปลายปากกาด้ามเดียวกันนั้น”
ไรเวนมักจะฝันถึงนิยายเรื่องหนึ่งอยู่เสมอ แต่เมื่อลืมตาตื่นเขาก็ลืมมันไปเสียทุกครั้ง
แต่คราวนี้ในขณะที่ลมหายใจกำลังจะหมดลง ความฝันเหล่านั้นกลับแจ่มชัด
…ที่แท้เขาก็เป็นเพียงตัวร้ายโง่งมคนหนึ่ง ที่ถูกเขียนขึ้นมาเป็นหินรองฝ่าเท้าของตัวเอก
หลังหมดประโยชน์ก็กลายเป็นกรวดไร้ค่าที่ไม่จำเป็นกับใครอีกต่อไป
เรื่องราวทั้งหมดที่เขาเคยทำให้ตัวเอกไหลย้อนกลับมายังจุดเริ่มต้น เด็กหนุ่มที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยบาดแผล ไม่ใช่ว่ารอดชีวิตมาได้เพราะยาของเขาหรอกเหรอ
ขอทานสภาพมอมแมมที่ขโมยอาหารประทังชีวิต ไม่ใช่ว่าที่ยังมีแรงวิ่งลักขโมยอยู่เป็นเพราะขนมปังที่เขามอบให้ทุกวันหรอกเหรอ
หรือที่เริ่มอ่านอักษรได้ไม่ใช่เพราะหนังสือในบ้านของเขา?
และไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่ขายคอร์อันเป็นแหล่งพลังงานชีวิตของตนเพื่อให้อีกฝ่ายได้ย้ายออกจากดาวรกร้างแห่งนี้ เพื่อเข้าไปเป็นทหารของกองทัพจักรวรรดิอย่างที่ต้องการ แม้เขาจะต้องแลกด้วยการมีร่างกายเสื่อมโทรมราวกับกิ่งไม้ไปทั้งชีวิต
เพียงเพราะเขาโผล่หน้าไปหาคนที่เข้ามาแทรกกลางความสัมพันธ์ของเราเท่านั้นหรอกเหรอ ที่ทำให้คนรักลั่นไกปลิดชีวิตของเขาได้ด้วยสายตาเย็นชาแบบนั้น
ยิ่งคิดรอยยิ้มสมเพชบนใบหน้าของไรเวนยิ่งกว้างขึ้น ในแววตาไม่หลงเหลือความรักต่อคนตรงหน้าอีกแล้ว
หน้าที่ของหินรองฝ่าเท้าจบสิ้นลงเพียงแค่ตรงนี้
.
.
แต่ไม่รู้ว่าสวรรค์สมเพชตัวเขาหรืออย่างไร เมื่อลืมตาขึ้นมาไรเวนก็ได้หวนคืนกลับมายังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะทันได้ตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิต
ชีวิตนี้เขาไม่ขอเป็นตัวร้ายโง่เขลาเช่นเดิมอีกแล้ว เขาจะไม่ยอมเป็นวัวตัวอ้วนที่ถูกตัวเอกจูงจมูกอีกต่อไป!
“หัวไชเท้าที่ปลูกไว้หายไปไหนแล้ว?”
สัตว์หน้าขนตัวขาวปุยภัยพิบัติระดับดวงดาวที่เคยเป็นหัวไชเท้ามาก่อนกระดิกหูไปมาขณะเคี้ยวบางสิ่งจนแก้มตุ่ย : ฟี๊????
ฝากนิยายเรื่องใหม่ด้วยน้าาาา♥️ เรื่องนี้จะค่อนข้างสโลไลฟ์ เหมาะกับการอ่านฮีลใจ ได้พักสมอง ปล่อยใจปล่อยจอยได้เลย!
#ตัวร้ายผู้หวนคืนมาเลี้ยงสัตว์กลายพันธุ์ภัยพิบัติระดับดวงดาว
กลายพันธุ์ครั้งแรก
ผู้พิทักษ์ดาราจักรเป็นนิยายไซไฟแฟนตาซีที่มีพื้นหลังเป็นสงครามในยุคดวงดาว การแย่งชิงเขตแดนระหว่างจักรวรรดิทั้งเจ็ดที่อยู่ภายใต้กาแล็กซีไฮโรด้า การรุกรานของสลัดอวกาศและการต่อสู้กับสัตว์กลายพันธุ์ที่ทั้งแข็งแกร่งและดุร้าย
ตัวเอกของเรื่องมีชื่อว่าเฟนดริลเด็กหนุ่มที่เติบโตบนดาวรกร้างไร้ชื่อภายใต้เขตปกครองของจักรวรรดิสเตลลาเรีย เป็นดาวห่างไกลความเจริญที่มีวงโคจรซ้อนทับกับเส้นทางของกลุ่มหินอุกกาบาตขนาดยักษ์ ทำให้ต้องเผชิญกับการพุ่งชนของอุกกาบาตบ่อยครั้ง
บนดาวเต็มไปด้วยความเสื่อมโทรม อากาศเป็นพิษ แหล่งน้ำสกปรกปนเปื้อน อันเกิดจากขยะจำนวนมากของดาวชั้นในที่ถูกนำมาทิ้งบนดาวรกร้างแห่งนี้ ผู้คนบนดาวถ้าไม่ใช่อาชญากรหลบหนีก็เป็นเหล่าคนยากจนไร้ที่ไป
เฟนดริลเป็นหนึ่งในนั้น ตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กกำพร้ามีชีวิตน่าอดสู เติบโตในสลัมภายในภูเขาขยะ ดิ้นรนมีชีวิตด้วยเศษอาหารในภูเขาหรือไม่ก็ต้องลักขโมยอาหารของคนอื่นเพื่อหยุดยั้งความหิวโหย แม้โดนดูถูกทุบตีอยู่ทุกวันแต่เพื่อความอยู่รอดชีวิตแบบนั้นก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป
เมื่อโตขึ้นเฟนดริลค้นพบว่าตนเป็นหนึ่งในมนุษย์กลายพันธุ์ที่กำเนิดมาพร้อมคอร์พลังงานในร่าง แม้มนุษย์กลายพันธุ์จะไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่ามนุษย์ธรรมดามากนัก แต่สิ่งที่เหนือกว่าคือการที่มนุษย์กลายพันธุ์สามารถสื่อสารและทำสัญญากับสัตว์กลายพันธุ์ที่มีพละกำลังแข็งแกร่ง
หลังจากการทำสัญญาครั้งแรกกับแมลงที่เจอบนภูเขาขยะ เฟนดริลได้ก้าวเดินเข้าไปยังเส้นทางที่เต็มไปด้วยเลือดและเสียงกรีดร้องของสนามประลองสัตว์กลายพันธุ์ ชีวิตเหมือนจะดีขึ้นแต่มันก็แค่ไม่นาน เพราะพลังคอร์ที่แข็งแกร่งทำให้เฟนดริลถูกเพ่งเล็กจากคนมีอำนาจภายในสนามประลอง และจุดจบของคนที่เด่นเกินไปจนเป็นที่น่าอิจฉาก็ไม่ได้ดีนัก
ตัวเอกในสภาพหายใจรวยรินกัดฟันกรอดโกรธแค้นต่อโชคชะตา ในจิตใจมีแต่ความดำมืดไร้ก้นบึ้ง เฟนดริลรังเกียจทุกสิ่งในดาวดวงนี้ เขาปรารถนาที่จะทำลายทุกสิ่งในดาวรกร้างไร้ชื่อให้ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก เป็นในตอนนั้นที่ไรเวนโผล่เข้ามาในสายตาที่มีเพียงความชิงชังของเฟนดริล
ยาระดับต่ำขวดหนึ่งถูกวางไว้ด้วยท่าทางกล้า ๆ กลัว ๆ ก่อนไม่นานไรเวนจะวิ่งหายลับไป และเพราะยาระดับต่ำขวดนั้นที่ทำให้เฟนดริลสามารถพยุงชีวิตเอาไว้ได้
หลังจากนั้นไรเวนก็มักได้พบเจอกับเฟนดริลด้วยความบังเอิญอยู่อีกหลายครั้ง เรียกได้ว่าใบหน้าของเฟนดริลนั้นล่อลวงไรเวนได้อย่างอยู่หมัด ฉากหน้าเฟนดริลยิ้มอ่อนโยนรับขนมปังที่ถูกหยิบยื่นมาให้ แต่ภายในใจยังมีแต่ความชิงชังไม่เปลี่ยน
ความบังเอิญงั้นเหรอ? เรื่องนั้นจะจริงหรือไม่มีเพียงเฟนดริลเท่านั้นที่รู้
สิ่งเดียวที่เฟนดริลต้องการคือชีวิตที่ได้อยู่เหนือทุกคน และเหนือสิ่งอื่นใดคือการเหยียบย่ำดาวรกร้างดวงนี้ให้ไม่เหลือซาก
แม้จะต้องใช้เวลาอยู่นานกับการตามเอาอกเอาใจไรเวนแต่ในที่สุดเฟนดริลก็ได้ในสิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่รังเกียจเลยสักนิดที่ต้องเปลืองตัวสวมหน้ากากเข้าหาผู้ชายคนหนึ่ง เพราะในวินาทีที่ไรเวนยอมเข้ารับการผ่าตัดเพื่อขายคอร์ให้กับสมาคมใต้ดินหัวใจของเฟนดริลก็ตะโกนก้องอย่างยินดี
หลังจากได้เครดิตหลักล้านที่คนธรรมดาคงได้แต่ฝันมาอยู่ในมือ เด็กหนุ่มที่ย่างเข้าสู่การเป็นชายหนุ่มก็ไม่รีรอที่จะถีบตัวเองออกไปจากดาวที่เขาแสนชิงชังรังเกียจนี้ในทันที เป้าหมายของเฟนดริลคือการเข้าไปยังกองทัพของจักรพรรดิสเตลลาเรีย ด้วยความสามารถของคอร์อันทรงพลังสนามประลองสัตว์กลายพันธุ์แห่งนั้นไม่ใช่เป้าหมายของเฟนดริลอีกต่อไป
เพราะมีพลังงานคอร์มหาศาลการเข้าไปในกองทัพเป็นไปอย่างง่ายดาย แต่ในขณะที่ชีวิตของเฟนดริลกำลังเป็นอย่างที่หวัง เขาสามารถทำสัญญากับสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 7อย่างไททันคิงที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ทำผลงานในสนามรบจนได้ขึ้นเป็นพลตรีที่มีกองกำลังย่อยในมือ แต่แล้วเนื้อร้ายที่เขาสลัดทิ้งอย่างไรเวนก็โผล่เข้ามาในชีวิตอีกครั้ง
หน้ากากที่เคยสวมยามอยู่กับไรเวนไม่มีอีกแล้ว สายตารักใคร่ที่เคยมองไปยังอีกฝ่ายเหลือเพียงความเย็นชา และเมื่อไรเวนพยายามทำร้ายอีรีสลูกชายของจอมพลแห่งกองทัพจักรวรรดิสเตลลาเรียแววตาของเฟนดริลพลันกลายเป็นความรังเกียจในที่สุด
เดิมทีเฟนดริลรังเกียจผู้คนในดาวรกร้างแห่งนั้นอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าในตอนนี้เขารังเกียจไรเวนที่พยายามทำลายชีวิตของเขามากขนาดไหน
สุดท้ายเมื่อได้ยินว่าไรเวนทำร้ายอีรีสต่อหน้าทหารภายใต้การบังคับบัญชาของตน เฟนดริลก็เลือดขึ้นหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาไม่ลังเลเลยที่จะกำจัดเนื้อร้ายอย่างไรเวนด้วยปืนพลังงานที่เจาะได้แม้แต่ผิวหนังของสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 3
ริมฝีปากสีอ่อนขยับยิ้มสมเพชขณะนึกถึงเนื้อหานิยายที่เขามักจะฝันถึงอยู่ทุกค่ำคืน ความฝันที่เขาหลงลืมไปเสมอเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ แต่ในตอนนี้ทุกรายละเอียดกลับแจ่มแจ้งอยู่ในความทรงจำ
ตัวเขาในตอนนั้นที่สูญเสียคอร์พลังงาน ร่างกายทรุดโทรมจนแทบล้มได้ทุกขณะจะมีแรงไปทำร้ายใครได้ แม้แต่อ้าปากพูดสักคำความเจ็บปวดยังแล่นริ้วไปทั้งสรรพางค์กาย
มือขาวนวลยกขึ้นสัมผัสกลางอก ความเย็นเยียบของกระสุนพลังงานยังคงทิ้งร่องรอยไว้ในความรู้สึก เพียงแต่ตอนนี้มันไม่หลงเหลือรอยแผลของรอยเจาะกระสุนให้เห็นแล้ว
ไรเวนก้มลงมองมือของตนที่ในยามนี้ไม่ได้ดำคล้ำและแห้งเหี่ยวติดกระดูกด้วยสายตาสั่นไหว ในอกสุมไปด้วยห้วงอารมณ์มากมายที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้เป็นคำพูด
ไม่คิดเลยว่าหลังจากถูกคนรักลั่นไกปลิดชีวิต เขาจะได้หวนคืนกลับมาในช่วงเวลาก่อนที่จะตัดสินใจเข้ารับการผ่าตัดนำคอร์ออกจากร่างแบบนี้
“ฉันนี่โง่จริง ๆ”
ไรเวนอดไม่ได้ที่จะก่นด่าตัวเองทั้งที่ริมฝีปากยังคงแย้มยิ้มสมเพช มือที่สัมผัสหน้าอกอยู่กำเข้าหากันแน่นแววตาสีดำสั่นไหว แต่เมื่อนึกถึงอดีตคนรักแววตาคู่เดิมกลับกลายเป็นความเฉยชาไม่หลงเหลืออารมณ์ใดเอาไว้เลย ไม่มีทั้งความโกรธหรือเกลียดชัง ไม่หลงเหลือร่องรอยของความรักสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นั้นอีกแล้ว
แสงแดดลอดผ่านหน้าต่างบานเก่าส่องกระทบเส้นผมสีชมพูอ่อนดูพร่างพราวงดงาม ต่างกับเส้นผมกระเซอะกระเซิงพันกันยุ่งเหยิงอย่างในชีวิตที่แล้ว ร่างโปร่งที่มีขนาดตัวเล็กกว่าเด็กหนุ่มวัยเดียวกันเล็กน้อยเดินไปยังหน้าต่างด้วยท่าทางอ้อยอิ่ง มองไปยังทัศนียภาพของดาวรกร้างนิ่งงัน
ท้องฟ้าสีเขียวครึ้มเพราะควันพิษเป็นสิ่งยืนยันว่าไรเวนได้ย้อนกลับมายังบ้านเกิดของตนแล้วจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพราะอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้มีโอกาสครั้งที่สอง แต่ชีวิตใหม่นี้เขาจะไม่เดินไปยังเส้นทางเดิมอีกแล้ว
ตัวเอกที่จิตใจมีแต่ความดำมืดไร้ก้นบึ้งแบบนั้นไม่สมควรได้รับแม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขาหรือของใครเลย
เสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นดึงไรเวนให้หลุดออกจากภวังค์ความคิด ขณะที่เดินไปเปิดประตูสมองก็พยายามนึกย้อนกลับไปว่าในช่วงเวลานี้ใครกันที่มาหาตน
ตั้งแต่คุณปู่เสียไปเพราะไม่อาจทนกับอากาศพิษของดาวดวงนี้ได้ไหวเมื่อหลายปีก่อน ไรเวนก็เหลือตัวคนเดียวมาตลอด แม้ในยามที่ร่างกายทรุดโทรมเพราะการผ่าตัดก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยเหลือสักคน แม้แต่ตัวเอกที่ย้ายไปดาวชั้นในก็ไม่เคยมาเยี่ยมเขาเลยสักครั้งเดียว จนทำให้ไรเวนฝืนพาร่างกายราวกับศพของตนไปหาอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะทนรับกับความเจ็บปวดนี้ไม่ไหว แต่ไรเวนไม่คาดคิดว่าเขาจะตายด้วยฝีมือของคนรักเสียเอง
หลังจากประตูเปิดออกถ้วยซุปถ้วยหนึ่งที่มีเพียงมันฝรั่งไม่กี่ชิ้นกับเนื้อสัตว์จำนวนหนึ่งก็ถูกส่งมาให้เขา ถึงแม้มันจะเป็นแค่ซุปมันฝรั่งแต่ราคาของมันก็ไม่ได้ถูกเลย เพราะดาวที่ปนเปื้อนแห่งนี้ปลูกพืชได้ยากมาก ไม่ว่าดิน น้ำ หรืออากาศล้วนเป็นพิษ การปลูกพืชต้องใช้วิธีปลูกในห้องแล็บที่มีการควบคุมการปนเปื้อนอย่างเข้มงวด ทำให้พวกมันมีราคาสูง ถึงจะสั่งซื้อจากดาวอื่นได้แต่ดาวรกร้างชายขอบที่อยู่ระหว่างเขตชายแดนของจักรวรรดิแบบนี้การสั่งซื้อผ่านโนวามาร์เก็ตก็มีราคาสูงมากไม่ต่างกัน
แม้ใบหน้าส่วนล่างของคนตรงหน้าจะสวมเครื่องกรองอากาศเอาไว้ แต่ไรเวนรับรู้ได้ว่าใบหน้าของชายร่างสูงที่มือหนึ่งถือถ้วยซุปมีแต่ความเย็นชา อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรสักคำเดียวขณะยื่นถ้วยขนาดกลางมาตรงหน้าเขา
แววตาสีนิลสั่นไหว ในความทรงจำไรเวนจำได้ว่าชีวิตที่แล้วเขาปัดถ้วยซุปตรงหน้าทิ้งอย่างไม่ไยดี ความรู้สึกผิดแล่นมาจุกที่อก ที่แท้แล้วเหตุผลที่เขาเหลือตัวคนเดียวมันก็เป็นเพราะเขาเองทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ
คนตรงหน้าคืออเล็กซ์พี่ชายข้างบ้านที่ครั้งหนึ่งไรเวนเคยสนิทด้วยมากที่สุด แต่หลังจากที่เฟนดริลเข้ามาความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ย่ำแย่อย่างถึงที่สุด อเล็กซ์มักพูดให้ไรเวนเลิกยุ่งกับเฟนดริลทำให้เขาค่อย ๆ ห่างเหินกับอเล็กซ์มากขึ้น
บวกกับที่เฟนดริลมักหลุดปากว่าโดนอเล็กซ์ทำร้ายร่างกายและพูดจาข่มขู่อยู่เสมอ เมล็ดพันธุ์ที่บ่มเพาะความรู้สึกด้านลบยิ่งเติบโตขึ้น แต่อีกใจหนึ่งไรเวนก็ยังอยากเชื่อในตัวของอเล็กซ์ จนกระทั่งในวันที่เขาเห็นอเล็กซ์ทำร้ายร่างกายเฟนดริลกับตา ในวันนั้นเยื่อใยที่เหลืออยู่พลันขาดผึงออกจากกัน
แต่ในตอนนี้ไรเวนเข้าใจทุกอย่างแล้ว เนื้อเรื่องในนิยายแล่นผ่านความคิดอีกครั้ง แท้จริงแล้วอเล็กซ์ยังเป็นคนที่หวังดีที่สุดต่อเขา อเล็กซ์รับรู้มาตลอดว่าเฟนดริลไม่ได้มีความรู้สึกเช่นเดียวกับไรเวน ทุกครั้งที่อเล็กซ์บอกเฟนดริลให้เลิกยุ่งกับเขามันจะจบลงด้วยความกรุ่นโกรธของอเล็กซ์เพียงฝ่ายเดียวเสมอ
ลับหลังถ้อยคำดูถูกนานาในตัวไรเวนถูกพ่นผ่านริมฝีปากของตัวเอกที่ทำตัวแสนดีต่อหน้าไรเวน ปกติแม้คำพูดพวกนั้นจะทำให้อเล็กซ์กรุ่นโกรธมากขนาดไหนแต่เขาก็อดทนมาตลอด แต่หลังจากได้ยินคำพูดดูถูกว่าไรเวนเป็นแค่ชายน่ารังเกียจที่หลงใหลในตัวของผู้ชายด้วยกัน อเล็กซ์ก็ไม่สามารถระงับโทสะได้อีกต่อไป เป็นในตอนนั้นที่ไรเวนเข้ามาเห็นอเล็กซ์ต่อยเฟนดริลจนล้มไปกองกับพื้น ไม่พออเล็กซ์ยังตามไปต่อยซ้ำไม่ยั้งจนใบหน้าเฟนดริลเต็มไปด้วยเลือด เป็นตอนนั้นที่ความสัมพันธ์ของอเล็กซ์กับไรเวนพังครืนไม่ต่างกับปราสาททรายที่ก่ออยู่ใจกลางมหาสมุทร
“ขอบคุณครับ”
ไรเวนรับถ้วยซุปมาพลางยิ้มจริงใจ แววตาของอเล็กซ์มีความสับสนแฝงอยู่ภายในแต่ก็ไม่ได้เอ่ยพูดอะไร ร่างสูงเพียงหันหลังแล้วเดินกลับไปยังบ้านของตนที่อยู่ไม่ไกล แม้ไรเวนจะอยากรั้งอเล็กซ์เอาไว้แต่ก้อนคำพูดก็จุกคาในลำคอจนพูดไม่ออก
แต่สุดท้ายไรเวนก็วางถ้วยซุปลงบนโต๊ะแล้ววิ่งไปคว้ามือร่างสูงเอาไว้ เขาจะมัวมาลังเลอยู่แบบนี้ไม่ได้
“เดี๋ยวครับ”
“ทำบ้าอะไรของเธอ!?”
อเล็กซ์ตวาดเสียงดังมองคนที่วิ่งมากระชากมือของตนอย่างถือวิสาสะด้วยแววตาดุดัน
“ผมอยากจะขอโทษ” ถึงจะถูกตวาดแต่ไรเวนก็ไม่สนใจ ความเย็นชาที่เขาเคยมีให้กับอเล็กซ์โดนแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ “ขอโทษนะครับผมโง่เองที่ไม่เชื่อพี่ ทำตัวแย่กับพี่ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าพี่พูดถูกทุกอย่างเลย…”
ในแววตาของไรเวนเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ทุกอย่างที่เขาพูดล้วนออกมาจากใจ เขารู้สึกผิดต่อพี่ชายนอกสายเลือดคนนี้จริง ๆ เป็นเขาเองที่โง่มาตลอด
อเล็กซ์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา เขาลากไรเวนกลับเข้าไปในบ้านแล้วปิดประตูเสียงดัง จนบ้านเก่า ๆ ของไรเวนแทบจะพังครืนคามือของร่างสูง
แม้ว่าความเป็นอยู่ของไรเวนจะไม่ได้แร้นแค้นเท่ากับคนอื่น ๆ ในดาวรกร้าง เพราะปู่ของเขามีทรัพย์สินอยู่จำนวนหนึ่งทำให้พอมีกินมีใช้ได้อย่างประหยัด แต่บ้านหลังนี้ก็ไม่ได้ทนทานอะไรนัก มันทำขึ้นมาจากไม้อย่างง่าย ๆ เท่านั้น
“อเล็กซ์?”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ครับ…”
ไรเวนรับคำเสียงเบา เขาไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะยกโทษให้เขาหรอก แต่พอเห็นสีหน้าเย็นชาไม่แปรเปลี่ยนในอกก็รู้สึกบีบรัดอย่างช่วยไม่ได้
“เลิกยุ่งเกี่ยวกับเฟนดริลซะ”
“ครับ?” หากเป็นเมื่อก่อนไรเวนคงผลักอเล็กซ์ออกไปจากบ้านทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ แต่ในตอนนี้ไรเวนกลับยิ้มออกมาอย่างยินดีจนอเล็กซ์นึกแปลกใจ ไรเวนพุ่งเข้าไปกอดร่างสูงแล้วเงยหน้ายิ้มให้อีกฝ่ายจนแก้มปริ “แน่นอนว่าผมจะเชื่อฟัง ผมจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเฟนดริลอะไรนั่นอีก!”
อเล็กซ์ไหนเลยจะสามารถเอาชนะรอยยิ้มของน้องชายที่เขาเห็นมาตั้งแต่เด็กคนนี้ได้ แต่ภายนอกอีกฝ่ายยังคงปั้นหน้าบึ้งตึงแต่ก็ไม่ผลักคนอายุน้อยกว่าออกไป กำแพงความเย็นชาที่สร้างขึ้นมาเพราะความน้อยใจพังทลายลงอย่างง่ายดายจนอเล็กซ์นึกอยากก่นด่าตัวเอง
“อย่าลืมกินซุปด้วย”
“อื้อ ผมจะกิน!”
“แล้วทีหลังออกไปข้างนอกก็อย่าลืมสวมเครื่องกรองอากาศ”
แม้ว่ามนุษย์กลายพันธุ์จะทนต่อสภาพอากาศเป็นพิษได้ดีกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่ก็ใช่ว่าจะไม่เป็นอันตราย
“แน่นอน!”
ไรเวนส่งเสียงตอบรับอย่างร่าเริง ในหัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ในอนาคตเขาจะใช้ชีวิตอย่างดี จะไม่หลงมัวเมาในความรักจนทำให้ชีวิตตัวเองตกต่ำอีก จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานเพื่อตัวเองและอเล็กซ์ที่หวังดีกับเขา
จากเนื้อหาของนิยายในความฝัน มีคำอธิบายสั้น ๆ เกี่ยวกับคอร์ของเขาว่ามันเป็นคอร์ประเภทพิเศษที่ไม่เพียงแค่สามารถใช้สื่อสารกับสัตว์กลายพันธุ์ได้เท่านั้น แต่มันยังมีความสามารถในการเพาะพันธุ์อีกด้วย
เพราะอย่างนั้นในชีวิตนี้ไรเวนตั้งใจจะเปลี่ยนดาวรกร้างดวงนี้ให้กลายเป็นสวนผักของตน! ไรเวนคิดพรางหัวเราะหึ ๆ อยู่คนเดียว ไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้อเล็กซ์กำลังมองอยู่ด้วยความรู้สึกยังไง
“…” หรือมันเป็นสัญญาณเริ่มต้นของอาการป่วยทางจิต?
กลายพันธุ์ครั้งที่สอง
ในแต่ละจักรวรรดิมีดวงดาวในอาณาเขตปกครองมากนับแสนดวง ในแต่ละปีทรัพยากรถูกใช้ไปจำนวนมหาศาล เมื่อทรัพยากรถูกใช้ก็ตามมาด้วยขยะอีกจำนวนมาก แต่สำหรับดาวชั้นในอันเป็นแหล่งรวมชนชั้นสูงร่ำรวยไม่มีทางเลยที่จะมีความเสื่อมโทรมอย่างขยะสิ่งปฏิกูลปรากฏให้เห็น เพราะพวกมันต่างก็ถูกขนไปทิ้งยังดาวรกร้างชั้นนอกที่อยู่สุดขอบของจักรวรรดิ
การจะทำลายขยะจำนวนมากโดยไม่ให้กระทบต่อชั้นบรรยากาศของดวงดาวจำเป็นต้องใช้พลังงานสูงมากทีเดียว ในสภาวะที่สงครามระหว่างจักรวรรดิอาจปะทุขึ้นได้ตลอดเวลาแบบนี้เบื้องบนไม่เต็มจะใช้พลังงานไปกับการกำจัดขยะเหล่านั้น พวกเขาเลือกใช้พลังงานพัฒนายุทโธปกรณ์สงครามและเกราะพลังงานเพื่อปกป้องจักรวรรดิแทน
กรรมเลยไปตกยังประชากรที่อาศัยในดาวรกร้างเขตชั้นนอก ที่นอกจากต้องดิ้นรนกับความยากจนแร้นแค้นแล้วยังต้องทุกข์ทรมานกับอากาศเป็นพิษและแหล่งน้ำปนเปื้อน วันดีคืนดีฝนก็ร่วงหล่นลงมาเป็นฝนกรด ยังไม่นับรวมว่ายังมีหินอุกกาบาตที่พร้อมพุ่งชนดวงดาวได้ตลอดเวลา ดาวรกร้างที่ชั้นบรรยากาศถูกทำลายไปมากขนาดนั้น ย่อมไม่มีแรงเสียดทานมากพอที่จะเผาไหม้หินอุกกาบาตให้หายไปกับชั้นบรรยากาศจนหมด สุดท้ายมันก็พุ่งชนพื้นดวงดาวจนเกิดความเสียหายรุนแรง
ไรเวนที่สวมใส่หน้ากากกรองอากาศแนบไปกับใบหน้าส่วนล่างยืนยิ้มอยู่หน้าบ้านของอเล็กซ์ แม้ว่ารอยยิ้มจะถูกปิดอยู่ด้วยหน้ากากแต่ดวงตาที่โผล่พ้นออกมาก็วาววับจนอเล็กซ์ต้องหลบสายตา แม้ใจจะรู้สึกอ่อนยวบไปแล้วแต่สีหน้ายังคงเคร่งขรึมไม่เปลี่ยน
“ฉันจะไม่พาเธอไปที่นั่น”
อเล็กซ์ปฏิเสธเสียงเรียบ แม้ว่าจะถูกสายตาออดอ้อนของคนที่ตนเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ ๆ เว้าวอนอย่างหนักก็ตาม
“อเล็กซ์…”
ไรเวนเรียกเสียงเบาพลางส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์ เขาเองก็ไม่อยากทำแบบนี้นักหรอก แต่นี่มันเป็นทางเดียวที่ไรเวนนึกออก หากเขาคิดจะปลูกพืชก็ต้องมีเมล็ดพันธุ์พืช ในตอนแรกไรเวนคิดจะสั่งเมล็ดพันธุ์พืชมาปลูกดู ด้วยพลังคอร์ของเขาบางทีมันอาจจะสามารถปลูกพืชผักให้งอกงามบนแผ่นดินของดาวที่เต็มไปด้วยมลพิษแห่งนี้ก็ได้
แต่หลังจากค้นดูเครดิตจนทั่วบ้านไรเวนก็ไม่พบเครดิตเลยสักเหรียญเดียว ซ้ำในคอสโมสชิปของตนก็มีเครดิตเหลืออยู่ไม่ถึงสิบเครดิต! ไรเวนทึ้งหัวตัวเองทั้งน้ำตา เขารู้สึกโกรธความโง่ของตนจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเอาเงินไปซื้อขนมปังราคาแพงให้กับพระเอกเฮงซวยนั่นทุกวัน เครดิตที่ปู่เหลือไว้ให้เขาคงไม่หมดเร็วขนาดนี้
เมล็ดพันธุ์ที่มีขายในโนวามาร์เก็ตราคาต่ำสุดก็สูงถึง 100 เครดิต แม้จะไม่แพงมากแต่คนที่เหลือตัวเปล่าอย่างเขาจะบอกว่ามันถูกได้เหรอ!?
ในตอนนี้เขาเลยทำได้แค่มาออดอ้อนให้อเล็กซ์พาเขาไปที่ภูเขาขยะด้วยเท่านั้น
แม้จะถูกเรียกว่าภูเขาขยะแต่บางครั้งมันก็มีขุมทรัพย์หลบซ่อนอยู่ด้วยเช่นกัน ในดาวรกร้างมีนักขุดคุ้ยมากมายที่หาเครดิตได้จากภูเขาขยะที่เป็นดั่งขุมนรกของดาว
และอเล็กซ์ก็เป็นหนึ่งในนักขุดคุ้ยที่มีฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่ง เซนส์ในการหาของมีค่าท่ามกลางซากขยะนับไม่ถ้วนของอเล็กซ์เป็นที่เลื่องลือในหมู่นักขุดคุ้ยด้วยกัน
“ป้าว่าไรเวนอย่าไปเลยดีกว่า ที่แบบนั้นมันอันตรายเกินไป ถ้ามีอะไรที่อยากได้ก็บอกให้อเล็กซ์หามาให้เถอะ”
วาเลอเรียหญิงสาวร่างท้วมที่มีใบหน้าอ่อนโยนเดินมาสมทบ เธอเป็นแม่ของอเล็กซ์และเป็นเพื่อนกับปู่ของไรเวน ทำให้เธอรู้สึกเอ็นดูไรเวนอยู่ไม่น้อย แม้ว่าช่วงหลังเธอจะรู้สึกว่าไรเวนดูเข้าหายากอยู่บ้างแต่ความเอ็นดูที่เธอมีก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ซุปมันฝรั่งเมื่อวานก็เป็นเธอที่ฝากให้อเล็กซ์เอาไปมอบให้ไรเวน
เมื่อเห็นหน้าของวาเลอเรียใจของไรเวนพลันกระตุกวูบ ในชีวิตที่แล้วเพราะทะเลาะกับอเล็กซ์ทำให้เขาพาลทำตัวเฉยชากับวาเลอเรียไปด้วย ถ้าบังเอิญเจอหน้ากันไรเวนก็มักเดินหลบไปทางอื่นเสมอ ในตอนแรกวาเลอเรียคงยังไม่ทันสังเกต แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็รู้ว่าไรเวนไม่อยากพบหน้าตน นานวันเข้าพวกเขาก็ห่างเหินกันจนไม่ทักทายกันอีกในที่สุด
“เธออยากได้อะไรก็บอกฉัน ภูเขาขยะมีแต่มลพิษกับวัตถุอันตราย บางครั้งก็ต้องเผชิญหน้ากับสัตว์กลายพันธุ์คิดว่าฉันจะยอมให้เธอตามไปหรือไง”
“ผมเป็นนีโอฮิวแมนนะไม่กลัวสัตว์กลายพันธุ์หรอก”
ไรเวนเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ นีโอฮิวแมนหรือมนุษย์กลายพันธุ์สามารถสื่อสารกับสัตว์กลายพันธุ์และทำสัญญาควบคุมพวกมันได้ แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของพลังงานคอร์ในร่างด้วย
อเล็กซ์ส่ายหน้าระอา “พลังงานคอร์เท่าเธอจะทำสัญญากับไส้เดือนกลายพันธุ์สักตัวยังไม่รู้ว่าจะสำเร็จไหมด้วยซ้ำ ที่สำคัญนีโอฮิวแมนถูกสัตว์กลายพันธุ์ฆ่ามาตั้งเท่าไหร่แล้ว”
เมื่อถูกคำพูดแทงใจดำไรเวนก็เถียงไม่ออก หูลู่หางตกหมดสภาพ พลังงานคอร์ของเขามันต่ำจริง ๆ ต่ำขนาดที่ว่ามันแทบไม่แผ่พลังงานออกมาเลย ทำให้ในชาติก่อนไรเวนไม่เคยทำสัญญากับสัตว์กลายพันธุ์ได้สำเร็จได้เลยสักครั้ง และเพราะแบบนั้นเขาถึงได้ไม่เสียดายนักที่ต้องขายคอร์ให้กับสมาคมใต้ดินตามคำหว่านล้อมของเฟนดริล
แม้คอร์จะสำคัญกับมนุษย์กลายพันธุ์ แต่ด้วยเทคโนโลยีของปัจจุบันการผ่าตัดคอร์ไม่ได้อันตรายและไม่ส่งผลกระทบกับร่างกายอย่างในอดีต เหตุผลที่ชีวิตที่แล้วเขาตกอยู่ในสภาพแบบนั้นเดาได้ไม่ยากเลยว่ามันเป็นการผ่าตัดอย่างผิดกฎหมายคุณภาพต่ำ!
“อเล็กซ์พูดเกินไปแล้วนะ”
วาเลอเรียตีแขนลูกชายเบา ๆ ก่อนจะลูบกลุ่มผมสีมะเขือเทศสุกของไรเวนด้วยแววตาเอ็นดู
“เอาแบบนี้ดีไหมเมื่อไหร่ที่ไรเวนทำสัญญากับสัตว์กลายพันธุ์ได้ตอนนั้นป้าจะให้อเล็กซ์พาเข้าไปที่ภูเขาขยะ ส่วนตอนนี้อยากได้อะไรก็ให้อเล็กซ์ช่วยหามาให้ก่อน”
ไรเวนพยักหน้าไม่มีคำพูดจะคัดค้าน เขามองหญิงสาวเรือนผมสีน้ำตาลตรงหน้าด้วยความขอบคุณก่อนจะหันไปหาชายร่างสูงที่กอดอกยืนมองเขาอยู่
“ผมอยากได้เมล็ดพืชถ้าพี่เจอเอามาให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“เมล็ดพืช?”
อเล็กซ์ทวนคำด้วยสีหน้างุนงง เป็นที่รู้กันดีว่าเมล็ดพืชเป็นของไร้ค่าสำหรับดาวรกร้าง มันแทบจะขายได้ไม่ถึงหนึ่งเครดิตเสียด้วยซ้ำ อเล็กซ์ไม่เข้าใจว่าไรเวนอยากได้เมล็ดพืชไปทำไมในเมื่อดินที่เปื้อนมลพิษแบบนี้ไม่สามารถปลูกอะไรได้เลย นอกจากต้นไม้บางชนิดที่ปรับตัวจนทนพิษได้พืชชนิดอื่นก็ไม่เติบโตมานานแล้ว
และพืชที่โตขึ้นมาได้ก็ไม่สามารถนำมารับประทานได้ จะทำได้แค่เอามาใช้เป็นฟืนหรือสร้างบ้านก็เท่านั้น
“ใช่ครับ พี่เอามาให้ได้ไหม?”
“ภูเขาขยะมีเมล็ดพืชถูกทิ้งอยู่เต็มไปหมด แต่เธอจะเอาพวกมันไปทำอะไร”
“แน่นอนว่าผมจะเอาไปปลูก!”
ไรเวนพูดอย่างมั่นใจ แววตาสะท้อนความจริงจัง
“…” ตรงข้ามกับสองแม่ลูกที่หันมองหน้ากันด้วยสีหน้าแปลก ๆ ราวกับกำลังคุยกันด้วยสายตาว่าไรเวนยังสติดีอยู่ใช่ไหม
แต่เห็นท่าทางแบบนั้นของไรเวนอเล็กซ์ก็ไม่อยากค้านให้น้องชายเสียใจ ชายหนุ่มพยักหน้ารับก่อนจะดันหลังให้ไรเวนเดินกลับไปที่บ้านโดยมีวาเลอเรียโบกมือลาตามหลังด้วยสีหน้าเป็นห่วง
“ดาวรกร้างไม่มีจิตแพทย์มาหลายปีแล้วด้วยสิ จะเป็นอะไรไหมนะ”
ไรเวนที่ถูกดันหลังก็ยอมเดินตามแรงผลักกลับไปที่บ้านอย่างเชื่อฟัง คิดดูแล้วการพาเขาไปที่ภูเขาขยะมันก็อันตรายจริง ๆ ตัวไรเวนไม่ได้กลัวอันตราย แต่เขากลัวว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นอเล็กซ์จะมัวแต่เป็นห่วงเขาจนทำให้ตัวเองบาดเจ็บมากกว่า
หลังจากดันหลังไรเวนเข้าไปในบ้านอเล็กซ์ก็จับประตูค้างไว้เบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยเสียงเข้ม
“อย่าไปแอบเจอเฟนดริลอีกไม่งั้นฉันจะไม่เอาเมล็ดพืชมาให้”
“ไม่ไปเจอหรอกน่า คิดว่าผมเป็นคนยังไงเนี่ย”
ไรเวนบ่นอุบ เขาจะไปอยากเจอคนไร้หัวใจที่ฆ่าเขาอย่างเลือดเย็นไปทำไม คนที่ต่อหน้ายิ้มให้เขาเหมือนสุนัขแต่ลับหลังทำตัวยิ่งกว่าเดรัจฉานใส่ร้ายนินทาเขาสารพัด พระเอกอะไรกันมันก็ปลิงดี ๆ นั่นแหละ
หลังจากอเล็กซ์จากไปไรเวนก็ไปค้นห้องเก็บของที่ปู่เคยใช้เมื่อตอนยังมีชีวิต ใบหน้าขาวผ่องเปื้อนคราบฝุ่นจนสภาพมอมแมม เส้นผมสีชมพูเต็มไปด้วยใยแมงมุม กระทั่งค้นเจอเสียมเก่าขึ้นสนิมอันหนึ่งไรเวนก็ผุดยิ้มดีใจ ชายร่างเล็กเดินดุ่ม ๆ ไปยังที่ดินเปล่าหน้าบ้านอย่างไม่รีรอแล้วลงมือขุดปรับหน้าดินด้วยสีหน้าจริงจัง ต้องกำจัดวัชพืชกับก้อนหินออกไปให้หมดด้วย เด็ก ๆ จะได้โตได้ดี แม้ว่าการใช้เสียมจะยากไปสักหน่อยสำหรับการขุดพลิกหน้าดินแต่มันก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรให้ใช้เลยละนะ
ดินของดาวรกร้างเป็นสีขาวอมเขียวและยังแข็งมาก ผ่านไปแค่ไม่กี่นาทีมือของไรเวนก็แตกช้ำไปหมด ที่แย่ไปกว่านั้นคือพิษในดินกำลังซึมเข้ามาจนนิ้วบางส่วนเริ่มกลายเป็นสีเขียว ไรเวนขมวดคิ้วรู้สึกแสบร้อนไปทั่วทั้งฝ่ามือ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนใจ เจ้าตัวยังคงลงมือขุดดินด้วยความมุ่งมั่นต่อไป ตายมาครั้งหนึ่งทำให้เขาได้เรียนรู้ว่าสิ่งสำคัญในชีวิตไม่ใช่การไล่ตามความรัก แต่มันคือเงินทองต่างหาก!
“เพื่อเครดิต! เพื่อเครดิต! ย๊ากก!!”
เสียงเสียมกระแทกดินปั๊ก ๆ ดังลั่น ชีวิตที่แล้วขณะที่ร่างกายทรุดโทรมจนต้องนอนติดเตียง เครดิตที่ได้จากการขายคอร์ก็เหลืออยู่ไม่มาก ชีวิตในตอนนั้นทรมานจนไรเวนไม่อยากนึกถึงมันอีก เพราะฉะนั้นต่อให้ชีวิตนี้เขาต้องมีจุดจบเป็นคนป่วยติดเตียงอีกครั้งเขาก็จะเป็นคนป่วยติดเตียงที่ร่ำรวย มีหุ่นยนต์พ่อบ้านดูแล มีของกินหรูหราป้อนถึงปากให้เคี้ยวกินบนเตียงอย่างสำราญ!
“แฮ่ก เหนื่อยชะมัด”
แต่ผ่านไปไม่นานเด็กหนุ่มที่เพิ่งจะอายุ 19 ปีก็ทิ้งตัวลงนอนบนทอดยาวพื้นด้วยอาการหอบเหนื่อย แผ่นอกกระเพื่อมขึ้นลงราวกับผิวคลื่น ไรเวนไม่เคยทำงานหนักมาก่อน ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกคือเขาไม่เคยทำงานมาก่อนเลยในชีวิต ปู่ของไรเวนเป็นนักเขียนและนักวิชาการ แม้หนังสือในดาวรกร้างจะไม่ใช่สินค้าขายดีแต่ก็ทำให้สองชีวิตมีกินมีใช้โดยที่ไรเวนไม่ต้องเสี่ยงชีวิตไปหางานทำข้างนอก จนถึงตอนนี้ไรเวนก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมปู่ถึงไม่ขายออนไลน์หรือขายในรูปแบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับความนิยมมากกว่า ไม่อย่างนั้นหนังสือของปู่จะต้องขายดีมากแน่
สถานที่อย่างดาวรกร้างการทำงานมันคือการเสี่ยงชีวิต ไม่ใช่คำเปรียบเทียบหรือคำพูดเกินจริงแม้แต่น้อย ทุกส่วนของดวงดาวล้วนเต็มไปด้วยสิ่งอันตราย โดยเฉพาะย่านร้านค้าที่อันตรายยิ่งกว่าป่าลึกเพราะล้วนมีพวกหลบหนีกฎหมายเป็นเจ้าของ โทมัสปู่ของไรเวนที่พอหาเงินได้เลยไม่คิดให้หลานของตัวเองไปทำงานกับเหล่าอาชญากรมีค่าหัวพวกนั้น
แต่ความรักที่ไรเวนได้รับจากคนเป็นปู่ก็เหมือนเป็นดาบสองคม เพราะหลังจากอีกฝ่ายเสียไปไรเวนที่ไม่เคยเผชิญโลกกว้างมาก่อนก็กลายเป็นคนไม่เอาไหนที่ทำอะไรไม่เป็น แม้จะพอมีความรู้จากตำราและคำสั่งสอนของโทมัสแต่ความรู้เหล่านั้นไม่มีประโยชน์สำหรับดาวรกร้าง
ร่างบางที่ยังคงหอบเหนื่อยเหลือบมองหน้าดินที่เขาเพิ่งขุดพรวนได้ไม่ถึงครึ่งของที่ตั้งใจไว้ด้วยสายตาภูมิใจ แม้มันจะไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่อะไรแต่ไรเวนพอใจกับมันมาก เขาวาดฝันว่าในอนาคตพื้นที่ตรงนี้จะกลายเป็นแปลงผักที่เต็มไปด้วยพืชสีเขียวชอุ่มที่ออกผลดกเต็มต้น
แต่ไรเวนคงไม่รู้เลยว่าภาพที่เขาจินตนาการไว้มันเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
กลายพันธุ์ครั้งที่สาม
ผ่านไปสามชั่วโมงแปรงผักที่มีพื้นที่เก้าตารางเมตรก็ดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ดินที่เคยแห้งแข็งถูกทำให้ร่วนและยกหน้าดินขึ้นมาให้สูงกว่าพื้นเล็กน้อย แม้ว่ามันจะเบี้ยวไปบ้างแต่ไรเวนก็พอใจกับมัน ในตอนนั้นอเล็กซ์ที่ไปภูเขาขยะก็เดินกลับมาพอดีพร้อมกับถุงเมล็ดพืชสองถุงที่อยู่ในสภาพค่อนข้างดี แม้ว่าบางส่วนของถุงจะถูกทำลายด้วยฝนกรดไปบ้างแต่เมล็ดผักข้างในยังอยู่ดี
คิ้วเข้มขมวดขึงเมื่อเห็นว่าไรเวนยืนถือเสียมอยู่ข้างบ้าน กรอบหน้าขาวแดงก่ำไรผมเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อ มือที่กำเสียมอยู่สั่นน้อย ๆ เหมือนลูกนก อเล็กซ์ขมวดคิ้วไม่ชอบใจเมื่อเห็นนิ้วมือที่เปลี่ยนเป็นสีเขียวของคนน้อง
“ทำไมไม่รอฉัน รู้ว่าดินมีพิษทำไมไม่ใส่ถุงมือก่อน”
ไรเวนหันไปตามเสียง มือยกขึ้นปาดเหงื่อก่อนจะขยับยิ้มน่ารักส่งไปให้อเล็กซ์ ยิ่งเห็นว่าร่างสูงถืออะไรอยู่รอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นทำเอาอเล็กซ์ที่ตั้งใจว่าจะบ่นอีกสองสามคำจำต้องปิดปากเงียบ
“พี่กลับมาแล้ว มานั่งก่อนสิครับ”
มือหนาถูกกอบกุมพาไปนั่งที่ชานไม้ที่ยื่นออกมาจากตัวบ้าน ไรเวนที่ยังคงมีรอยยิ้มติดใบหน้าวิ่งเข้าไปในบ้านไว ๆ แล้ววิ่งกลับออกมาพร้อมน้ำสะอาดแก้วหนึ่ง อเล็กซ์มองภาพนั้นด้วยแววตาอ่อนโยน ดูเหมือนว่าน้องชายคนเดิมของเขาจะกลับมาแล้ว ขอแค่ผู้ชายคนนั้นไม่เข้ามาวุ่นวายอีกไรเวนก็จะน่ารักและร่าเริงแบบนี้ไปตลอด
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แววตาของอเล็กซ์เข้มขึ้นชั่ววูบหนึ่ง เฟนดริลผู้ชายคนนั้นสำหรับอเล็กซ์เป็นแค่ตัวน่ารังเกียจเท่านั้น อเล็กซ์ไม่ได้รังเกียจที่อีกฝ่ายยากจนหรือเป็นขอทานจากเขตสลัม แต่ชายคนนั้นเป็นพวกปลิ้นปล้อนน่ารังเกียจ ไรเวนคงไม่รู้ว่านอกจากเจ้าตัวแล้วเฟนดริลยังมีความสัมพันธ์กับคนมากหน้านับไม่ถ้วนเพื่อแลกกับผลประโยชน์
ไรเวนไม่รู้ก็คงไม่แปลก อีกฝ่ายโตมากับปู่ที่เก็บตัวเสียยิ่งกว่าอะไร นอกจากแม่ของเขาอเล็กซ์แทบไม่เห็นโทมัสออกไปพบเจอคนอื่น ไรเวนที่เติบโตมาแบบนั้นก็พลอยเก็บตัวไปด้วย แต่อเล็กซ์ที่ออกไปภูเขาขยะกับร้านแลกเปลี่ยนทุกวันได้ยินชื่อเสียงด้านลบของเฟนดริลมานักต่อนัก อีกฝ่ายไม่เหมาะสมกับเด็กใสซื่ออย่างไรเวนแม้แต่นิดเดียว
“รออยู่ตรงนี้เดี๋ยวฉันมา”
“พี่จะไปไหน”
“ก่อนฉันกลับล้างมือให้สะอาดด้วย ไม่งั้นนายโดนแน่”
ไรเวนก้มลงมองมือของตนที่กำลังสั่นก่อนจะพยักรับแต่ก็ไม่วายแอบแลบลิ้นให้อเล็กซ์ผ่านหน้ากากโทษฐานที่พูดข่มขู่ตน ร่างสูงก็ราวกับมีตาทิพย์ดีดหน้าผากเด็กหนุ่มไปทีหนึ่งอย่างหมั่นไส้ ทำให้ไรเวนกลับมานั่งสงบเสงี่ยมดังเดิมพลางลูบหน้าผากตัวเองป้อย ๆ
“ไปล้างมือ”
“รู้แล้วน่า”
อเล็กซ์ส่ายหน้าก่อนจะเดิมกลับไปที่บ้านหลังแน่ใจว่าไรเวนเข้าบ้านไปล้างมือแล้ว เขากลับมาพร้อมกับยาระดับต่ำขวดหนึ่ง ราคาของยาไม่ได้ถูก มันมีราคาสูงเท่ากับมันฝรั่งครึ่งกระสอบเลยด้วยซ้ำ แต่อเล็กซ์ก็ไม่ได้เสียดาย
เขาจับมือของน้องชายต่างสายเลือดแผ่วเบาแล้วราดยาสีขุ่นลงไป ไรเวนที่กำลังจะห้ามก็ห้ามไม่ทันแล้ว
“อเล็กซ์เดี๋ยวสิยานั่นแพงมากนะ”
“รู้ว่าแพงแต่เธอกล้าเอาไปให้หมอนั่น?”
“…รู้ด้วยเหรอ”
“เหอะ” ทำไมเขาจะไม่รู้ เฟนดริลประกาศไปทั่วว่าไรเวนหลงใหลตัวเองมากจนมอบยาราคาแพงให้ ต้องถามว่าชาวบ้านแถวนี้มีใครบ้างไม่รู้
ยาราคาแพงสวนทางกับประสิทธิภาพของมัน แม้จะราดไปจนหมดขวดแต่มือของไรเวนยังไม่ดีขึ้นนัก แต่สิ่งที่ทำได้ก็ทำไปแล้ว คงได้แต่รอเท่านั้น
อเล็กซ์วางขวดยาลงก่อนจะยกแก้วน้ำขึ้นจิบพลางมองไปยังแปลงผักที่ไรเวนขุดยกร่องเอาไว้ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนมีแววภูมิใจอย่างไม่ปกปิด ไรเวนที่เห็นแบบนั้นใบหน้าขึ้นสีรู้สึกเขินอายขึ้นมา ยิ่งถูกมือใหญ่ลูบกลุ่มผมอย่างชื่นชมไรเวนยิ่งทำตัวไม่ถูก
“แล้วเธอจะเอาน้ำที่ไหนมาใช้กับแปลงผัก คงไม่ได้จะเอาน้ำในบ้านมาใช้ใช่ไหม”
อเล็กซ์ไม่คิดคัดค้านความตั้งใจของไรเวน แม้จะรู้ว่ามันคงไม่สำเร็จแต่เขาก็อยากสนับสนุนไรเวนให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อย่างน้อยก็ดีกว่าปล่อยให้จมอยู่กับผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีคนนั้น ได้ลองทำสิ่งที่ต้องการ ได้ผิดหวังกับทางเดินที่ผิดพลาด ได้เรียนรู้จากมันแล้วก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยเท้าที่มั่นคงขึ้น นั่นคือรสชาติของชีวิต
“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก” ไรเวนจะกล้าเอาน้ำสะอาดราคาแพงขนาดนั้นมาใช้ได้ยังไง “ผมได้ยินมาว่าบ่อน้ำที่ป่าสนดำยังไม่ปนเปื้อน ผมจะไปเอาน้ำมาจากที่นั่นครับ”
หวังว่าอเล็กซ์จะไม่สงสัยว่าเขารู้ได้ยังไง มันเป็นข้อมูลที่ไรเวนรู้มาจากในนิยาย มันเป็นบ่อน้ำธรรมชาติที่ถูกต้นสนล้างสารพิษออกไปจนมีความบริสุทธิ์จนสามารถดื่มกินได้
อเล็กซ์ขมวดคิ้ว “อันตรายเกินไป”
ป่าสนพวกนั้นกลายพันธุ์จนมีใบและลำต้นสีดำสนิท มีพิษร้ายแรงจนไม่สามารถเอามาใช้ประโยชน์ได้ ถ้าเอามาทำฟืนก็ไม่ต่างกับรมควันพิษในบ้าน แม้จะมีสัตว์อันตรายอาศัยอยู่น้อยแต่นั่นก็เพราะพวกมันเกรงกลัวพิษร้ายจากต้นสนที่สามารถฆ่าพวกมันได้ต่างหาก
ไรเวนโล่งใจที่อย่างน้อยอเล็กซ์ก็ไม่สงสัย “อย่ากังวลเลยครับผมจะระวังตัว”
แม้จะได้ยินแบบนั้นแต่อเล็กซ์ก็ยังไม่วางใจ แต่ถ้าจะซื้อน้ำมาเพื่อใช้กับแปลงผักที่ไม่มีแววสำเร็จมันก็ราคาสูงและสิ้นเปลืองเกินไป แม้เขาจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากพอสำหรับซื้อน้ำสะอาดจำนวนมากขนาดนั้น
“เฮ้อ จะไปเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน ห้ามไปคนเดียว”
สุดท้ายก็คงมีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น
“เอ๊ะไม่เอาหรอก มันอันตรายนะครับ”
“ไหนบอกจะเชื่อฟัง”
“ไม่เห็นจำได้เลย”
“หึ” อเล็กซ์โยกหัวของไรเวนไปมามุมปากภายใต้หน้ากากยกยิ้มเอ็นดู “อย่าดื้อ ถ้าแอบไปคนเดียววันหลังฉันจะไม่ช่วยหาเมล็ดพันธุ์มาให้อีก”
“อย่าทำเหมือนผมเป็นเด็กไปหน่อยเลย”
“ก็เด็กจริง ๆ อายุถึงยี่สิบแล้วหรือไง?”
“อีกสามเดือนผมก็ยี่สิบแล้วเถอะ แล้วอายุสิบเก้าก็บรรลุนิติภาวะตามกฎหมายของจักรวรรดิสเตลลาเรียแล้วด้วย”
อเล็กซ์ส่งเสียงหึออกมาคำหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปอีก แต่ถึงอเล็กซ์จะเงียบไปแล้วแต่ไรเวนรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่คิดยอมแพ้ที่จะไปป่าสนกับเขา
และก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ วันต่อมาขณะที่ไรเวนกำลังเดินออกจากบ้านพร้อมถังน้ำใบใหญ่เขาก็เห็นร่างสูงของอเล็กซ์มายืนรออยู่หน้าบ้านแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อไรเวนมองไปทางแปลงผักก็เห็นว่าตอนนี้มันมีรั้วไม้ที่ดูแข็งแรงไม่น้อยล้อมอยู่รอบแปลงผัก คนที่ทำก็คงไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากผู้ชายผมสีน้ำตาลตรงหน้าของเขา
ไรเวนรู้สึกอุ่นวาบในอก ถึงจะรู้จากนิยายว่าคอร์ของเขาช่วยเรื่องเพาะพันธุ์ แต่ไรเวนเองยังไม่มั่นใจเลยว่าเขาจะสามารถปลูกผักในดาวรกร้างแห่งนี้ได้สำเร็จจริง ๆ แต่อเล็กซ์กลับใส่ใจเขามากถึงขนาดนี้ ถ้าเปลี่ยนจากอเล็กซ์เป็นคนอื่นไรเวนมั่นใจว่าเขาคงได้รับเสียงหัวเราะเยาะและสายตาเย้ยหยันกลับมาแทน ทั้งที่มีคนที่หวังดีกับเขาถึงขนาดนี้แต่ชีวิตที่แล้วเขาเอาแต่ไล่ตามความรักจอมปลอมจนแม้แต่ชีวิตก็ยังรักษาเอาไว้ไม่ได้
อเล็กซ์มองมือของไรเวนที่ยังมีสีเขียวให้เห็นก่อนจะเดินมาแย่งถังน้ำไปถือเองแล้วเดินนำลิ่วไปทางป่าสนเหมือนกลัวว่าจะถูกห้าม ไรเวนเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามไปติด ๆ แม้จะเป็นห่วงพี่ชายข้างบ้านขนาดไหนแต่แบบนี้ต่อให้ห้ามยังไงก็คงไม่ฟังเขาอยู่ดี
“หืม วันนี้ไม่ตามติดเด็กขอทานนั่นแฮะ”
“เธอไม่ได้ยินข่าวเหรอว่าเมื่อวานเด็กเฟนดริลนั่นหายเข้าไปในบ้านของเลน่า จนตะวันโด่งขนาดนี้ยังไม่เห็นออกมาเลย อยากรู้จริง ๆ ว่าเข้าไปทำอะไรกันทั้งคืน”
“แม่หม้ายนั่นน่ะเหรอ แหม จะทำอะไรล่ะถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น”
ระหว่างที่ทั้งสองเดินผ่านบ้านหลังหนึ่งหญิงสาวสองคนก็พูดขึ้นเสียงดังคล้ายกับตั้งใจให้ไรเวนได้ยิน ซ้ำยังมองมาทางคนผมสีชมพูอย่างโจ่งแจ้ง
หญิงสาวสองคนนั้นยิ้มเยาะอย่างสะใจขณะรอดูปฏิกิริยาของไรเวน แต่พวกเธอก็ต้องผิดหวังเมื่อสีหน้าของไรเวนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย พวกเธอเลยทึกทักเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ได้ยิน น้ำเสียงที่ใช้คุยกันเลยดังขึ้นอีกระดับ แต่สีหน้าของไรเวนก็ยังคงเรียบเฉยอยู่ดี
หญิงสาวใบหน้าตกกระชักสีหน้าหงุดหงิด เธอไม่ชอบไรเวนอยู่เดิมแล้วเพราะอิจฉาที่ไรเวนมีหน้าตาราวกับตุ๊กตา ยิ่งเฟนดริลที่หล่อเหลาแผ่กลิ่นอายชายหนุ่มทั้งที่เพิ่งอายุสิบเก้าทำตัวสนิทกับไรเวนเธอยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจ
แม้เฟนดริลจะเป็นแค่ขอทานที่ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอนดี ๆ แต่ด้วยหน้าตาแบบนั้นได้เอามาเล่นสนุกด้วยยามค่ำคืนจะมีใครบ้างไม่ชอบ เสียดายก็แต่เธอยากจนเกินไปเด็กขอทานนั่นเลยไม่สนใจเข้าหาเธอ แต่ขอแค่เธอมีหน้าตาอย่างไรเวนยังไงเด็กนั่นก็คงไม่ปฏิเสธ
แม้จะเป็นที่รู้กันดีว่าเฟนดริลเป็นของเล่นของพวกเศรษฐีมีอันจะกินหลายต่อหลายคน แต่ไม่มีใครเลยที่เฟนดริลดูจะให้ความสำคัญเท่ากับไรเวน ทั้งที่ไรเวนไม่ได้ร่ำรวยอะไรไปกว่าเธอเลย ก็แค่มีเงินพอยาไส้ไปวัน ๆ เท่านั้น
ตลอดเวลาอเล็กซ์คอยสังเกตไรเวนแทบไม่ละสายตา เมื่อเห็นว่าน้องชายต่างสายเลือดไม่มีปฏิกิริยากับคำพูดเหล่านั้นเขาก็เบาใจ ที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเฟนดริลแล้วดูเหมือนจะเป็นความจริงสินะ
“ไม่ต้องไปสนใจ”
“…ครับ?”
ไรเวนสะดุ้งเบา ๆ หันมองคนข้างตัวด้วยสีหน้าฉงน อเล็กซ์หมายถึงอะไร? ไรเวนไม่ได้รับรู้ความคิดของอเล็กซ์หรือกลุ่มหญิงสาวทั้งสองเลยสักนิด ระหว่างทางเขามัวแต่คิดว่าจะทำยังไงกับดินของดาวนี้ดี ทั้งแข็งทั้งปนเปื้อน ถ้าเขายังใช้วิธีเดิมมือเขาคงได้เปื่อยเหลือแต่กระดูกเข้าสักวัน เขายังอยากมีมือเอาไว้จับเครดิตอยู่นะ…
อเล็กซ์พยักหน้าภูมิใจเมื่อเห็นไรเวนไม่สนใจสิ่งที่สองคนนั้นพูดจริง ๆ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นห่วงมากจนเกินไป สีหน้าของอเล็กซ์มีความกระดากอายวูบหนึ่งรู้สึกผิดที่ตนไม่เชื่อคำพูดของไรเวนที่บอกว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเฟนดริลตั้งแต่แรก
“นายเก่งมาก”
“ห๊ะ?” อะไรของเขาเนี่ย หรือจะเพี้ยนไปแล้ว?
เมื่อเดินเข้าไปในบริเวณแนวป่าสนไรเวนกับอเล็กซ์ก็ระมัดระวังตัวมากขึ้น ทุกย่างก้าวเป็นไปอย่างไม่รีบร้อน พยายามหลีกเลี่ยงต้นสนและกิ่งสนที่หักหล่นอยู่บนพื้น
ไรเวนมองต้นสนสูงชะลูดสีดำสนิทด้วยแววตาครุ่นคิด เขาหวนนึกไปถึงบทหนึ่งของนิยายผู้พิทักษ์ดาราจักร
‘ร่างกายสูงใหญ่ราวขุนเขา ผิวกายหนาแข็งกระทั่งปืนใหญ่พลังงานดาวฤกษ์สุดยอดยุทโธปกรณ์ของจักรวรรดิข้างเคียงยังไร้ประโยชน์เมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ร้ายผู้พิทักษ์ มีเพียงกิ่งไม้สีทมิฬบนดาวล่มสลายเท่านั้นที่ปักทะลุผิวเนื้อของมันได้’
มันคือคำอธิบายของไททันคิงสัตว์กลายพันธุ์ระดับ 7 ที่เฟนดริลจะได้ทำสัญญาเมื่อเขาเข้าไปในกองทัพจักรวรรดิสเตลลาเรีย ถึงในนิยายไม่ได้บอกตรงตัวแต่เขาคิดว่ากิ่งไม้สีทมิฬบนดาวล่มสลายที่ว่าคงเป็นกิ่งของสนกลายพันธุ์พวกนี้ เพราะในอนาคตช่วงกลางเรื่องดาวรกร้างแห่งนี้จะถูกเฟนดริลทำลายจนไม่เหลือซากอย่างที่อีกฝ่ายหมายมั่นมาตลอด
สนกลายพันธุ์สีดำจุดอ่อนเดียวของไททันคิงก็พลอยถูกกำจัดไปด้วยพร้อมกันในตอนนั้น ทำให้เฟนดริลกลายเป็นนักรบไร้พ่ายในสนามรบ ไม่ว่าอาวุธแบบไหนก็ผ่านร่างของไททันคิงเข้าไปโจมตีเฟนดริลและทหารแนวหลังไม่ได้ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นศึกระหว่างจักรวรรดิ การต่อสู้กับสลัดอากาศ รวมไปถึงการไล่ล่าสัตว์กลายพันธุ์กองกำลังของเฟนดริลล้วนได้รับชัยชนะกลับไปให้กับจักรวรรดิทุกครั้ง
ในขณะที่อเล็กซ์ไม่ทันเห็น ไรเวนแอบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วหยิบกิ่งสนที่ร่วงบนพื้นมาเก็บไว้กับตัวอย่างเงียบ ๆ เรื่องอะไรเขาจะยอมให้พระเอกบ้านั่นมาทำลายดาวบ้านเกิดของเขา ความบ้าคลั่งนั่นเขาจะเอากิ่งสนแทงให้ยับเลยคอยดู แต่หวังว่าเขาจะไม่ถูกไททันคิงเหยียบตายก่อนละนะ
ไรเวนยังไม่รู้ว่าในอนาคตกิ่งสนที่เขาเก็บมาไม่มีความจำเป็นเลย เพราะไททันคิงที่ว่าเป็นสัตว์กลายพันธุ์ที่มีเกราะป้องกันแข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถรับการโจมตีของสัตว์ขนปุยตัวจิ๋วที่กำลังจะเกิดมาได้อยู่ดี