โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

“อีลอน มัสก์” เตรียมเข้าฟังแผนฉุกเฉินกองทัพสหรัฐ รับมือกรณีเกิดสงครามกับจีน

การเงินธนาคาร

อัพเดต 21 มี.ค. เวลา 10.24 น. • เผยแพร่ 21 มี.ค. เวลา 03.24 น.
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง
โฆษณา - อ่านบทความต่อด้านล่าง

"อีลอน มัสก์" เตรียมเข้าฟังแผนฉุกเฉินกองทัพสหรัฐ รับมือกรณีเกิดสงครามกับจีน ท่ามกลางข้อกังวลผลประโยชน์ทับซ้อน

วันที่ 21 มีนาคม 2568 สำนักข่าวบลูมเบิร์กรานงานว่า อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เตรียมเข้ารับฟังบรรยายสรุปเกี่ยวกับ แผนฉุกเฉินของกองทัพสหรัฐ ในกรณีเกิดสงครามกับจีน ในวันนี้ (21 มี.ค.68) ตามรายงานของ The New York Times โดยการบรรยายจะนำโดยรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐ พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) และผู้นำระดับสูงของกองทัพ

รายงานระบุว่า อีลอน มัสก์จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแผนรับมือสถานการณ์ความขัดแย้งกับจีน ซึ่งถือเป็นข้อมูลความมั่นคงระดับสูงสุดที่รัฐบาลสหรัฐเก็บเป็นความลับอย่างเข้มงวด และนับเป็นครั้งแรกที่บุคคลจากภาคเอกชนอย่าง อีลอน มัสก์ได้เข้าถึงข้อมูลระดับนี้

การบรรยายดังกล่าวสะท้อนบทบาทที่ไม่ธรรมดาของอีลอน มัสก์ในโครงสร้างอำนาจของรัฐบาลสหรัฐทั้งในด้านเศรษฐกิจ การทหาร และการเมือง พร้อมกับตั้งคำถามถึงความเป็นไปได้ของผลประโยชน์ทับซ้อน เนื่องจาก อีลอน มัสก์มีธุรกิจผูกพันกับจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะในฐานะซีอีโอของ Tesla Inc. ซึ่งผลิตและจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีนเป็นจำนวนมากต่อเดือน

แหล่งข่าวของ The New York Times ระบุว่า หนึ่งในเหตุผลที่มัสก์ต้องรับรู้แผนของกองทัพ เป็นเพราะเขามีบทบาทสำคัญในโครงการปรับลดขนาดรัฐบาลกลางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่เป็นผู้นำโครงการดังกล่าว หากไม่ทราบถึงความสำคัญของระบบอาวุธหรือโครงสร้างที่กองทัพต้องใช้ในยามสงคราม ก็อาจเสนอให้ตัดงบประมาณหรือยกเลิกระบบสำคัญโดยไม่ตั้งใจ

มัสก์ถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนทางการเงินรายใหญ่ของโดนัลด์ ทรัมป์ โดยมีรายงานว่าเขาทุ่มเงินหลายสิบล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนแคมเปญเลือกตั้ง อีกทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ของเขา เช่น SpaceX และ Tesla ยังถือครอง สัญญารัฐบาลกลางมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ รวมถึงกับกระทรวงกลาโหมโดยตรง

แม้ว่าความตึงเครียดระหว่างสหรัฐกับจีน โดยเฉพาะในประเด็นไต้หวันและทะเลจีนใต้จะทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ The New York Times ระบุว่า ยังไม่มีสัญญาณใดที่ชี้ว่าความขัดแย้งทางทหารจะปะทุในเร็ว ๆ นี้

อย่างไรก็ตามการเปิดเผยข้อมูลทางทหารระดับสูงแก่บุคคลภายนอกอย่าง มัสก์ยังคงสร้างคำถามว่า รัฐบาลสหรัฐควรแบ่งปันข้อมูลความมั่นคงกับบุคคลที่มีผลประโยชน์ทางธุรกิจกับจีนหรือไม่ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสองมหาอำนาจยังคงตึงเครียดอยู่ในขณะนี้

อ้างอิง : bloomberg.com

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง