"เหมืองอัครา" ยืดอีกยาว หอบหลักฐานใหม่ขึ้นศาล
ไร้ข้อสรุป 4 แนวทางแก้ปมเหมืองทองอัครา นับถอยหลัง 2 สัปดาห์ไต่สวนนัดแรก ด้าน “กพร.” งัดหลักฐานชิ้นใหม่สู้ “อัคราฯ” ยืนยันไร้วี่แววนัดพบ
ผู้สื่อข่าว“ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เสนอ 4 ทางออกให้กับ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับทราบเพื่อดำเนินการกรณีข้อพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยและบริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย บริษัทแม่ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด ผู้ประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ยื่นขอใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการหลังบริษัทได้รับความเสียหายจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งปิดเหมืองแร่ทองคำกว่า 2 ปี ซึ่งขัดต่อข้อตกลงไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
ทั้งนี้ 4 แนวทาง ประกอบด้วย 1.จ่ายเงินให้กับบริษัทอัคราฯ แล้วให้เลิกกิจการไป 2.ดำเนินการตามข้อเสนอของบริษัทอัคราฯ ซึ่งจะช่วยให้อาจไม่ต้องจ่ายเงิน 3.รอผลการตัดสินของอนุญาโตตุลาการแล้วปฏิบัติตาม 4.หาช่องจ่ายเงินค่าปรับบางส่วน โดยให้ชดเชยค่าเสียหายแล้วให้ดำเนินกิจการต่อ ซึ่งที่ประชุมวันนั้นยังไม่มีข้อสรุปว่าควรจะเป็นแนวทางใด
นายสิโรจน์ ประเสริฐผล กรรมการ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ทางคิงส์เกตฯยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า พร้อมที่จะเจรจาหาข้อยุติร่วมกัน แต่จนถึงขณะนี้ทางรัฐบาลไทยยังไม่มีการนัดแต่อย่างใด
นายสุริยะกล่าวว่า ขณะนี้การดำเนินการยังเป็นไปตามขั้นตอนที่จะเตรียมเข้าสู่อนุญาโตตุลาการในวันที่ 18 พ.ย. 2562 นี้ ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลจะพิจารณาใช้แนวทางใดก็จะต้องเสนอเรื่องเข้า ครม.พิจารณาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่ารัฐบาลไทยจะใช้ทางออกที่ดีที่สุด
นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนอนุญาโตตุลาการ ทาง กพร.ได้รวบรวมและนำส่งเอกสารหลักฐานชิ้นใหม่ต่ออนุญาโตตุลาการแล้ว
“ในการไต่สวนครั้งแรกทางฝั่งไทยประกอบด้วย ทีมกฎหมาย อธิบดี กพร. ทีมเจรจาข้อพิพาท จะเดินทางไปชี้แจงต่อศาล ส่วนฝั่งคิงส์เกตฯที่จะมีทั้งผู้บริหารคิงส์เกตฯ ทีมฝ่ายกฎหมาย และทีมเจรจา เมื่อไต่สวนเสร็จสิ้นคาดว่าศาลจะใช้เวลาพิจารณาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะนานเพียงใดที่จะดำเนินการขั้นต่อไป อย่างไรก็ตาม ระหว่างนี้ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังสามารถเจรจาหาข้อยุติร่วมกันได้”
ส่วนกรณีที่ชาวบ้านรอบเหมืองยื่นคำร้องต่อศาลแพ่งเพื่อให้บริษัทอัคราฯชดเชยค่าเสียหายกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากสิ่งแวดล้อมนั้น เบื้องต้นศาลแพ่งได้ยกคำร้อง จากทางกลุ่มดังกล่าว จึงได้ร้องไปยังศาลอุทธรณ์ต่อนับว่าเป็นสิทธิของชาวบ้าน เป็นคนละประเด็นกับเรื่องอนุญาโตตุลาการ