โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

ผู้ปกครองรับมืออย่างไร? เมื่อเด็กอาจมี ‘ตัวตน’ ออนไลน์ที่เปลี่ยนไปตามแพลตฟอร์ม

The MATTER

เผยแพร่ 05 พ.ย. 2562 เวลา 04.05 น. • Branded Content

หากใครที่ใช้งานโซเชียลมีเดียเป็นประจำ ไม่ว่าจะแอปฯ ไหน เว็บอะไร คงคุ้นเคยกับคำว่า ‘ตัวตนออนไลน์’ หรือ คำที่ใช้บ่อยคือ ID Account กันมาอยู่บ้าง ซึ่งโดยธรรมชาติ ตัวตนออนไลน์ไม่ใช่สิ่งที่ดีหรือไม่ดี มันเป็นเพียงสถานภาพที่บ่งบอกว่าเรามีตัวตนในพื้นที่นั้นๆ หรือเว็บไซต์นั้นๆ คล้ายกับการมีหน้าบัตรประชาชนในโลกจริง

แต่ด้วยความที่ตัวตนออนไลน์สามารถ ‘สร้างขึ้นได้’ โดยไม่ต้องไปขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ไหน ทำให้ตัวตนออนไลน์เหล่านั้นมีจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง เพราะไม่มีใครรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคนเหล่านั้นเป็นใคร สิ่งนี้ทำให้การใช้งานโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะเหล่าเยาวชนหรือลูกหลานของเรา อาจนำตัวตนออนไลน์เหล่านี้ไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมได้! เช่น การนำไปใช้เพื่อ Cyberbully การนำไปใช้ในสื่อที่ไม่เหมาะสม รวมถึงการสั่งสมพฤติกรรมรุนแรงในสื่อได้ด้วย

พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปบนโลกออนไลน์

/file_thumbview/18169149/1

พื้นที่ที่เต็มไปด้วยตัวตนออนไลน์คือโลกโซเชียลมีเดีย แต่ด้วยความที่สื่อสังคมออนไลน์มีหลายประเภท ทำให้พฤติกรรมของคนใช้เปลี่ยนไปตามธรรมชาติของสื่อนั้นๆ เช่น คนใช้ Facebook ก็อาจจะจะเน้นการไถนิวส์ฟีดตามอ่านเพจที่ชื่นชอบ คนใช้ Instagram เน้นการโพสต์รูปและซื้อของออนไลน์ หรือคนที่เล่น Twitter ก็อาจจะใช้เพื่อบ่นเรื่องต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น รูปแบบการใช้งานของสื่อฯ เหล่านี้ก็จะแตกต่างกันไปตามนิสัยและความชื่นชอบของผู้ใช้งานด้วย

สิ่งที่น่าสนใจคือ ถึงแม้เราจะสร้างตัวตนขึ้นมาโดยมีชื่อ หน้าตา และข้อมูลต่างๆ ตามโลกจริง แต่หลายครั้งพฤติกรรมของคนบนออนไลน์ กลับแตกต่างออกไปจากตัวตนบนโลกจริงโดยสิ้นเชิง อย่างที่เรามักจะเห็นได้จากข่าวสารบ้านเมือง ที่พบว่าคนบางคนถึงมีอุปนิสัยที่น่ารักในโลกจริง แต่บนออนไลน์กลับมีพฤติกรรมรุนแรง หยาบคาย ซึ่งหลายคนจบลงด้วยการทำผิดกฎหมาย หรือถูกชักจูงไปในทางที่ผิด

ในจุดนี้ จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกับกลุ่มเยาวชน ลูกๆ หลานๆ ของเรา ที่ถึงแม้ว่าจะมีความชำนาญการใช้เทคโนโลยี แต่โดยพื้นฐานแล้วยังไม่ได้จัดเจนหรือมีประสบการณ์ในการใช้ชีวิตมากมายนัก ทำให้พวกเขาอยู่ในกลุ่มที่มี ‘ความเสี่ยง’ ที่จะใช้สื่อสังคมออนไลน์ในทางที่ไม่เหมาะควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสร้างตัวตนในแบบที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม หรือการตกเป็นเหยื่อของภัยร้ายต่างๆ ในอินเทอร์เน็ต

มีความเห็นจากอาจารย์ในสังกัดสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ที่กล่าวว่า เยาวชนมักมีการแสดงความคิดเห็นอย่างสุดโต่งและสุดขั้วออกมามากขึ้น เพราะกรอบทางสังคมในโลกออนไลน์มีความหละหลวม ทำให้ความรู้สึกหลายๆ อย่างที่เคยถูกปิดกั้น กลายมาเป็นความรุนแรงในโซเชียลมีเดีย ประกอบกับการที่ได้รับยอดชม ยอดไลก์ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน

ด้วยความที่โลกออนไลน์  ‘หละหลวม’ ในเรื่องกฎเกณฑ์และเป็นพื้นที่ที่ใครก็ตามสามารถแสดงออกได้อย่างเปิดเผย มันจึงทำให้พฤติกรรมของคนที่อยู่ในแพลตฟอร์มเหล่านี้ มีแนวโน้มที่จะรุนแรงกว่าในโลกจริง หรือกลายมาเป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้อย่างง่ายดาย  มีการสำรวจจากศูนย์ประสานงานส่งเสริมการปกป้องคุ้มครองเด็กและเยาวชนในการใช้สื่อออนไลน์ หรือ โคแพท พบว่าเยาวชน 34 เปอร์เซ็นต์ เคยกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่นทางออนไลน์ และมีเด็กอีก 2 เปอร์เซ็นต์ยอมรับว่าเคยถ่ายภาพหรือวิดีโอในลักษณะลามกอนาจารแล้วส่งต่อให้คนอื่นๆ ด้วย

แล้วทางออกสำหรับผู้ปกครองคืออะไร?

หลักสูตรการเรียนรู้ Safe Internet For Kid สร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกและคนใกล้ตัว

Happy family sitting on sofa and using laptop, mobile phone and digital tablet at home

จากสถิติข้างต้น ทำให้เราได้เห็นแล้วว่าโลกอินเทอร์เน็ตโดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย เต็มไปด้วยความเสี่ยงที่เราไม่อาจควบคุมหรือคาดเดาได้ ลูกหลานคนใกล้ชิดอาจกลายเป็นเหยื่อหรือเป็นผู้กระทำผิดได้โดยที่เราไม่รู้ตัว หากไม่ได้ดูแลกันอย่างใกล้ชิดและช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเยาวชนเหล่านั้น

ด้วยความที่เด็กหรือเยาวชนในยุคนี้ ได้เติบโตมาพร้อมๆ กับสื่อออนไลน์ พวกเขาจึงชำนาญในการใช้งานเป็นอย่างมาก  ในฐานะผู้ปกครองและคนใกล้ชิด เราก็ควรที่จะก้าวตามเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อให้ ‘รู้ทัน’ และสามารถให้คำปรึกษาแนะนำที่ดีแก่บุตรหลานของเรา

ล่าสุด dtac จึงได้ร่วมมือกับเทเลนอร์ กรุ๊ป และแพเร้นท์โซน จัดทำหลักสูตร Safe Internet ผ่านเว็บไซต์ SafeInternetForKid.com ซึ่งเป็นแหล่งเรียนรู้ที่รวบรวมข้อมูลสำคัญที่ทั้งตัวพ่อแม่ผู้ปกครองและเด็กเองควรทราบ เพื่อการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย ซึ่งตัวเว็บไซต์ได้ย่อยบทเรียนตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงเรื่องยากๆ ให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ผ่านฟีเจอร์สนุกๆ อย่างเกมควิซตอบคำถาม

ด่านแรก เรามาทำความเข้าใจกับการไม่เปิดเผยตัวตนในโลกออนไลน์กันก่อน โดยมีคำถามที่น่าสนใจ อย่างคำถามที่ว่า Catfishing หมายถึงอะไร มีตัวเลือกให้ดังนี้

  1. แย่งผู้ติดตามของคนคนอื่น

  2. ส่งข้อความแย่ๆ ให้คนอื่นออนไลน์

  3. กดไลก์ให้ทุกโพสต์ที่เห็นออนไลน์

  4. แอบเป็นคนอื่นบนโลกอินเทอร์เน็ต

คำถามนี้ ดูจะเป็นคำศัพท์ใหม่ไม่คุ้นตาเราๆ เท่าไหร่ ในข้อนี้ได้ให้คำตอบไว้ว่า Catfishing หมายถึง แอบเป็นคนอื่นบนโลกอินเทอร์เน็ต หรือก็คือ ตัวตนปลอม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของโลกออนไลน์ ที่มีคนมากมาย สร้างตัวตนปลอมขึ้นมาเพื่อนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะควร ซึ่งส่งผลต่อมาเป็นเรื่องของการ Cyberbully การทำเรื่องผิดกฎหมาย และพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหลายๆ อย่างในแพลตฟอร์มที่แตกต่างกันออกไปของโลกอินเทอร์เน็ต ไม่แน่ว่าเด็กๆ ของคุณอาจสร้างตัวตนปลอมหรือกำลังพูดคุยกับตัวตนปลอมอยู่ก็ได้

เมื่อเรียนรู้การใช้อินเทอร์เน็ตเบื้องต้นแล้ว ควิซจะมีอีก 4 ด่านให้ผู้ปกครองหรือเด็กๆ ได้ตอบคำถามทำความเข้าใจในเรื่อง ความเสี่ยงในโลกออนไลน์ การกลั่นแกล้งรังแกออนไลน์ ความไม่น่าเชื่อถือในของข้อความและการกระทำ และการป้องกันตัวเองในโลกออนไลน์ ถึงแม้คำถามจะยากสักหน่อย แต่ก็มีมุมห้องสมุดให้เข้าไปหาคำตอบและคำอธิบายเพิ่มเติม เพื่อตอบคำถามได้ง่ายๆ เมื่อผ่านด่านทั้งหมดจะได้รับใบประกาศนียบัตรการจบหลักสูตร Safe Internet ด้วย

ลองไปทำแบบทดสอบแบบเต็มๆ เพื่อดูว่าเรามีภูมิคุ้มกันจากภัยร้ายในโลกออนไลน์มากแค่ไหนได้ที่ SafeInternetForKid.com ซึ่งหลังจากทำเสร็จ นอกจากคุณจะได้รู้ความสามารถของตนเองแล้ว ยังสามารถส่งต่อไปให้กับคนในครอบครัวเพื่อเล่นด้วยกันได้อีกด้วย เพราะเป็นเรื่องสำคัญที่คนรอบตัวของเหล่าเยาวชนจะเป็นแรงสนับสนุนให้พวกเขาก้าวพ้นจากการอยู่ในกลุ่มคนที่ไร้เดียงสาต่อเทคโนโลยี หรือ Digital Naive ไปสู่การเป็น Digital Native อย่างเต็มภาคภูมิ

เปลี่ยน Digital Naive ให้เป็น Digital Native

Teacher and kids lying on floor using digital tablet in library at elementary school

อย่างที่เราเล่าไปก่อนหน้านี้ว่า ถึงแม้เยาวชนในยุคนี้จะมีความชำนาญบนโลกออนไลน์ จนมีคำเรียกหนุ่มสาวที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยีเหล่านี้ว่า Digital Native ซึ่งหมายถึงกลุ่ม Gen ที่เกิดมาในยุคของการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และโลกออนไลน์ แต่การจะเป็น Digital Native ที่แท้จริงได้นั้นนอกจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างสม่ำเสมอแล้ว จำเป็นจะต้อง ‘มีความรู้ในการใช้งานอย่างถูกต้องเหมาะสม’ และ ‘ระบุความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเพื่อการใช้งานอย่างปลอดภัย’ ได้ด้วย

มิเช่นนั้นคนในกลุ่มนี้ก็จะเป็นเพียง Digital Naive ที่มีความเสี่ยงในการใช้งานอินเทอร์เน็ตในทางที่ไม่ถูกควร หรือ ตกเป็นเหยื่อบนโลกออนไลน์ ทั้งเรื่องของ Fake News อาชญากรรมออนไลน์ หรือมีตัวตนออนไลน์ที่พฤติกรรมไม่เหมาะสมได้ เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องช่วยกันสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเหล่า Digital Naive ให้กลายเป็น Digital Native อย่างสมบูรณ์

โดยพ่อแม่ ผู้ปกครองสามารถชักชวนเยาวชนที่ใกล้ชิด ให้ลองเข้าไปดูรายละเอียดของแหล่งความรู้ออนไลน์แห่งใหม่ได้ที่ SafeInternetForKid.com และร่วมทำแบบทดสอบในเว็บไซต์ เพื่อวัดผลพร้อมๆ กับเรียนรู้การสร้างภูมิคุ้มกันบนโลกออนไลน์ให้กับตัวเองและคนรอบข้าง

Content by Kanapol Wongwisetpaiboon

Illustration by Yanin Jomwong

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...