โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

จากความฝันเที่ยวรอบโลก สู่เพจ Go Went Go : เที่ยว เว้น เที่ยว

LINE TODAY

เผยแพร่ 29 พ.ย. 2561 เวลา 11.00 น. • th.hanabi & pimphicha

สัปดาห์นี้เรามาพบกับ “บาส-ภาณุภัทร์ สุกัลยารักษณ์” ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตาในฐานะคนบันเทิงที่มีทั้งผลงานการแสดง และงานดนตรี และล่าสุดเขาคนนี้ได้ผันตัวมาเปิดเพจท่องเที่ยวสุดแนว “Go Went Go: เที่ยว เว้น เที่ยว” ที่นำเสนอสาระดีๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยวอย่างที่สนุกน่าติดตามไม่เว้นแม้ทริปเดียว

ความเป็นมาของ “Go Went Go : เที่ยว เว้น เที่ยว”

“ตอนเด็กๆ มีความฝันอยากเที่ยวรอบโลกครับ พอเรียนจบใหม่ๆ ก็ทำงานในวงการบันเทิง ทั้งงานแสดง พิธีกร นักดนตรี ถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกว่า เราชอบเล่นดนตรีนะ แต่ไลฟ์สไตล์ของนักดนตรีแบบอาชีพยังไม่ใช่ชีวิตแบบที่เราชอบ ก็เริ่มอยากมีธุรกิจส่วนตัว จึงเริ่มศึกษาเกี่ยวกับการลงทุนเปิดร้าน ทำมาเรื่อยๆ เป็นช่วงเริ่มต้นเก็บเงินอย่างแท้จริงคือทำงานหนักมาก ทำงานจนเกือบลืมไปเลยว่าความตั้งใจแรกเริ่มของเราจริงๆ แล้วคืออะไร แทบจะไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยจนอายุครบ 30 เมื่ออายุเราเปลี่ยนหลัก จากเลข 2 เป็น 3 ก็จะมีโมเมนต์นึงที่เรามานั่งทบทวนตัวเองว่า ชีวิตเราทำอะไรไปแล้วบ้าง ก็นึกขึ้นมาได้ว่า เราอยากเที่ยวนี่นา ถ้าอายุ 30แล้วยังไม่เที่ยว จะรอจนอายุเท่าไหร่กัน จึงตัดสินใจออกท่องเที่ยว”

“แต่การเริ่มต้นออกเดินทางมันไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเราทำธุรกิจของตัวเองอยู่แล้ว จะแบ่งเวลาไปเที่ยวได้อย่างไร ตอนนั้นก็เริ่มมานั่งคิดจัดสรรเวลากันใหม่ อะไรที่เราให้คนอื่นช่วยได้ก็หาคนมาช่วย ตอนนั้นคิดว่าจะจ้างคนเพิ่มก็ได้ จะได้เงินน้อยลงก็ได้ เพียงแค่ขอเวลาคืน คิดไปถึงขั้นว่าถ้าการไปเที่ยวของเรามันทำเงินได้ก็จะยิ่งดี หรืออย่างน้อยที่สุดมีคนมาซัพพอร์ตเราในบางส่วนก็ได้ ก็เริ่มศึกษาการทำเพจ เปิดช่องยูทูป ลองทำเล่นๆ ดูก่อน ยังไม่ได้ตั้งใจให้เป็นธุรกิจอะไร และเริ่มหัดถ่ายรูป เมื่อก่อนจะโดนเพื่อนๆ ติว่าถ่ายรูปไม่สวย ถ่ายแล้วอ้วนบ้าง เบี้ยวบ้าง ถึงขนาดพูดกันตลกๆ เลยว่า อย่าให้ผมเป็นคนถ่าย แต่ผมค้นพบว่าถ้าเราอยากจะเก่งอะไรสักอย่าง เราแค่หมกมุ่นอยู่กับมันแล้วเราจะทำออกมาได้ดี ถ้าเราถ่ายรูปเดือนละครั้ง กับถ่ายทุกวัน ผ่านไป 3เดือน การถ่ายรูปทุกวันมันคือผ่านการฝึกฝนมามากกว่า ผมจึงใช้คำว่า หมกมุ่น อยู่กับเรื่องนี้มาก ทั้งการถ่ายภาพ การทำเพจ การทำมาร์เกตติ้งแบบออนไลน์ เหมือนเอาชีวิตทั้งหมดมาทำเพจนี้ ธุรกิจเดิมที่เคยมีก็แค่ปล่อยให้มันดำเนินไปเรื่อยๆ ด้วยตัวของมัน”

“ชื่อของ ‘Go Went Go : เที่ยว เว้น เที่ยว’ นี้เกิดจากนิสัยส่วนตัวของผม คือชอบไปเที่ยว แต่ในขณะเดียวกันก็ชอบอยู่บ้าน ออกไปเที่ยวสักพักหนึ่งก็จะเริ่มคิดถึงบ้าน พอกลับมาอยู่บ้านสักพักก็อยากออกไปเที่ยวไกลๆ ก็เลยเป็นชื่อของเพจ Go Went Go ที่ก็มาจาก go went gone นั่นแหละ เอามาเล่นคำตรง went เป็น เว้น แล้วก็ไป (go) อีกครั้งหนึ่ง เพจนี้เริ่มทำคนเดียวครับ สักพักก็ได้น้องคนหนึ่งมาช่วยทำวิดิโอ ทำไปทำมาก็กลายเป็นออฟฟิศ มีกันอยู่เป็นสิบคนแล้ว จะมีทีมงาน มีการขยายไปเปิดเพจทำคอนเทนต์อื่นๆ ทั้งกิน, ทำอาหาร และอีกหลายอย่าง ซึ่งเราจะคอยช่วยดูอยู่เบื้องหลัง แต่หลักๆ เลย Go Went Go จะเป็นเรื่องราวของ Dream Destinations คือจะพาไปเที่ยวทริปในฝัน เป็นที่ที่เราเองอยากไปด้วย ไปเที่ยวไกลๆ เช่นคิวบา อเมริกา ที่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ไป แต่อยากเห็น เป็นเพจสร้างแรงบันดาลใจให้ออกไปเที่ยว”

อะไรเป็นสิ่งที่จุดประกายความอยากท่องเที่ยว

“เริ่มมีความรู้สึกอยากเที่ยวตั้งแต่เด็กๆ สมัยที่เรามีหนังสือเรียนพวก ร่างกายของเรา โลกของเรา ซึ่งหนังสือที่อ่านแล้วรู้สึกตื่นเต้นที่สุดคือ โลกของเรา รู้สึกตื่นเต้นกับปิระมิด กับสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ปราสาท โบราณสถานต่างๆ คิดไว้ว่าโตขึ้นจะต้องไปดูให้ได้ บวกกับการดูการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน ที่จะมีของวิเศษชิ้นหนึ่งที่พาเราไปเที่ยวได้ทุกที่นั่นก็คือประตูวิเศษ จะมีหลายตอนมากที่ตัวการ์ตูนออกไปผจญภัย ตอนเด็กๆ ดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็รู้สึกอยากมีประตูนี้จัง จะไปเที่ยวที่ไหนก็ได้ เป็นสิ่งที่ซึมซับมาโดยไม่รู้ตัว อยากเป็นโนบิตะที่ได้ออกไปเที่ยวหลายๆ ที่ โตมาก็เลยอยากไปเที่ยวเยอะๆ”

เอกลักษณ์ของ “Go Went Go”

 “แต่ละเพจก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง บางเพจจะขายรูป บางเพจขายการเขียน บางเพจขายตัวตน บางเพจเน้นวิดิโอ แต่ Go Went Go จะมีทั้งหมด คืออะไรที่ทำได้ก็จะทำทั้งหมด ค่อนข้างหลากหลาย ทำคอนเทนต์ทุกแนวที่เราอยากทำและทำได้เต็มที่ ซึ่งวิธีจัดการก็แล้วแต่ทริป ถ้าทริปไหนมีทีมงานไปด้วยก็จะแบ่งงานกัน แต่ถ้าไปคนเดียวก็จะทำเองทั้งหมด ทั้งภาพนิ่ง และวิดิโอ เรียกว่าถือกล้องเอง พูดเอง บังคับโดรนถ่ายภาพเอง กลับมาเขียนคอนเทนต์เล่าเรื่องเอง การทำเองทั้งหมดนี้เราต้องมีการวางแผนคิดมาก่อนล่วงหน้าแล้วว่างานชิ้นนี้จะออกมาเป็นแบบไหน เราจะรู้สึกสนุกทุกครั้งที่มีการกดชัตเตอร์ การไปเที่ยวและทำงานแม้ต้องไปคนเดียวก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล”

“อีกหนึ่งความแตกต่างของ Go Went Go คือเราเป็นเพจที่มีรายการเป็นของตัวเอง เพจท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็น blogger คือถ่ายรูป เขียนรีวิว อัดวิดิโอสวยๆ หรือ Youtuber จะอัดคลิป (vlog) พูดคุย พาไปเที่ยว แต่ Go Went Go ของผมน่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่เพจที่ทำทั้งสองอย่าง ในส่วนของ vlog นั้น ผมคิดคอนเซปต์ไว้ตั้งแต่แรกเลยว่ามันจะต้อง real เราจะเห็นทุกอย่างพร้อมๆ กับคนดู เช่นเมื่อเราเดินทางใกล้ถึงจุดที่มีคนบอกไว้ว่ามันสวยมาก เราจะเปิดกล้องเดินไปด้วยกัน เห็นพร้อมกันกับกล้อง ให้ความรู้สึกแรกของเราถ่ายทอดออกไปพร้อมกันว่าโอ้โหมันสวยจริงนะ หรือถ้าเฉยๆ ก็พูดไปตามนั้น ถ้าไปแล้วเจอฝนตก หรือบริเวณนั้นถูกปิด หรือมีภัยธรรมชาติ เราเข้าไปไม่ได้ก็ต้องเป็นไปตามนั้น มันจะไม่ใช่ว่าทุกการท่องเที่ยวจะมีแต่ความสวยงาม มีบ้างที่ต้องเจออุปสรรค สิ่งสำคัญคือทัศนคติที่ถ่ายทอดออกไปต้องเป็นเชิงบวก ไม่ว่ามันจะแย่อย่างไร มันต้องยิ้ม มันต้องหัวเราะ เราจะมองทุกอย่างในแง่ที่ดี สนุกไปกับโมเมนต์นั้น มองหาความสวยงามในสิ่งที่เกิดขึ้นให้ได้ ในความไร้สาระนั้นมีสิ่งนี้แฝงอยู่ มีหลายคนคอมเมนต์ว่า “ชอบพวกพี่จังเลย ไม่ว่าจะเจออะไรพวกพี่ดูสนุกตลอด” นั้นคือสิ่งที่เราพยายามถ่ายทอดออกไปคือเราอยากให้ทุกคนมีทัศนคติที่ดี เราต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถควบคุมสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้ เราควบคุมทุกอย่างบนโลกไม่ได้ สิ่งเดียวที่เราควบคุมได้คือความคิดของเรา ถ้าเราควบคุมตรงนี้ได้ สิ่งรอบข้างไม่มีผล เรามีความสุขได้กับทุกโมเมนต์ ทุกที่ นี่คือสิ่งที่เราฝังอยู่ลึกๆ ในทุกการทำคอนเทนต์ของเรา”

“อีกสิ่งที่ได้จากการเดินทางคือเราแก้ปัญหาเฉพาะหน้าบ่อยมาก เพราะถึงแม้ว่าจะมีการเตรียมตัวล่วงหน้าเช่นเช็คสภาพอากาศแล้ว ตามข่าวภัยธรรมชาติก็แล้ว แต่ก็ยังมีบ้างที่การเดินทางมันไม่ราบรื่น จนทุกวันนี้รู้สึกว่าตัวเองนิ่งขึ้นเวลาเจอปัญหา ทริปที่พีคที่สุดคือตอนไปไมอามี่ ซึ่งตามแผนที่วางไว้คือจะไปไมอามี่ บาฮามาส และคิวบา แต่สุดท้ายไม่ได้ไปบาฮามาส ทั้งๆ ที่จองทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เพราะเราอ่านรีวิวก่อนมาว่า เราเป็นคนไทย ถ้าจะไปบาฮามาสต้องทำวีซ่า แต่ถ้าเดินทางจากไมอามี่ ไปบาฮามาสทางเรือ ไม่ต้องใช้วีซ่า ทุกรีวิวบอกเหมือนกันหมด แต่พอวันจริงเราไปถึงจุดนั้น เขาเพิ่งเปลี่ยนกฎใหม่เมื่อไม่ถึง 1เดือนก่อนเราจะมา ตอนนั้นเศร้ามาก เพราะจองที่พักรีสอร์ทสวยๆ ทั้งนั้น การจะเดินทางไปแต่ละที่ต้องใช้เครื่องบินประมาณ 7-8เที่ยว ทุกอย่างต้องทิ้งทั้งหมด นี่คือเรื่องที่ช็อคที่สุด เรานั่งเครื่องบินมาถึงจุดนั้น 20กว่าชั่วโมง ไปต่อไม่ได้ ต้องเปลี่ยนแผนมาจองตั๋วเครื่องบินใหม่ไปที่คิวบาเลย เราไม่ได้เสียดายเงินหรอก แต่เราเสียดายเวลา เสียดายแรงที่เรามาถึงตรงนั้นแล้วมันไปต่อไม่ได้ แต่สุดท้ายก็ปล่อยวาง ดีเหมือนกันเพราะบังเอิญพายุเข้า มีน้ำท่วมพอดี ตอนนั้นถ้าเราเข้าไปได้ เราอาจจะติดอยู่ที่นั่นออกมาไม่ได้ก็เป็นได้ แต่ละอุปสรรคก็สอนอะไรเราได้เยอะเหมือนกัน”

Destination ไหนที่ชื่นชอบที่สุด

“จะมีด้วยกัน 2ที่ครับ ที่แรกคือประเทศญี่ปุ่น เพราะเราชอบโดราเอมอนมาตั้งแต่เด็กๆ ก็จะชอบญี่ปุ่นมาก ตอนที่ได้ไปครั้งแรก ชอบทุกอย่าง ชอบอากาศ ชอบอาหาร ชอบศิลปะ ชอบวัฒนธรรม ชอบจนไม่รู้ว่าจะต้องพูดคำว่า ‘ชอบ’ อีกกี่รอบ จะไปกี่ทีก็ไม่เบื่อ ใน 3ปีที่ผ่านมาก็ไปเที่ยวญี่ปุ่นเกินสิบครั้งแล้ว อีกที่หนึ่งที่ชอบคือประเทศอินเดีย หลายคนเคยบอกผมว่าประเทศนี้ไปแล้วถ้าไม่รู้สึกเกลียด ก็จะหลงรัก ซึ่งผมหลงรักประเทศนี้นะ เป็นการผจญภัยที่มีความตื่นเต้น จะมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้รอบตัว เดินๆ อยู่ เอ้ามีรถเฉี่ยวกันลอยทั้งคัน เดี๋ยวเจอวัวนอนขวางถนน เดี๋ยวคนเดินมาขายของ การซื้อของที่อินเดียก็ตลกมาก ลองต่อราคาเขาไม่ขาย พอเราเปลี่ยนใจไม่อยากได้เขาก็มาง้อให้ซื้อบอกจะลดให้ เดินเข้า เดินออกร้านเดิมเป็นสิบรอบ ยื้อกันไปมากว่าจะซื้อเสร็จ นอกจากนั้นคนของเขาเป็นมิตร เขาชอบให้เราถ่ายรูปเขา ไปประเทศอื่นเวลาเราถือกล้องไปเขาจะหลบ จะเดินหนี แต่ที่อินเดียเขาจะยืนให้ถ่ายเลย บางทีก็มีเรียกให้ถ่ายฉันหน่อยๆ ตอนแรกก็กลัวว่าเขาจะเก็บเงิน แต่เขาไม่ได้อยากได้เงินนะ เขาแค่อยากดูว่า เขาหล่อหรือเปล่า เขาสวยหรือเปล่า นอกจากนี้ก็ยังมีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม แม้จะเคยไปแค่ครั้งเดียวแต่ก็ตั้งใจว่าจะพยายามไปให้ได้ทุกปี ปีละ 1ครั้ง”

การเดินทางเผชิญโลกกว้าง เปลี่ยนมุมมองความคิดของเราอย่างไร

“ผมว่าประสบการณ์เป็นตัวกำหนดทัศนคติเรา การเดินทางบ่อยๆ ทำให้ผมเป็นคนใช้ชีวิตง่ายขึ้น กินง่ายนอนง่าย รู้สึกอาหารไทยเป็นอะไรที่ทรงคุณค่า รู้สึกรักประเทศมากขึ้น และเรากลายเป็นคนแก้ปัญหาได้ดี ใจเย็นขึ้น ยิ่งไปเที่ยวเยอะๆ เห็นโลกมากขึ้นก็ได้รู้มากขึ้น เห็นโอกาสมากขึ้น บางอย่างเรานำกลับมาใช้ในชีวิตเราได้ ทั้งเรื่องส่วนตัวและเรื่องการทำงาน การเดินทางสอนเราได้มากเลยครับ”

Go Went Go จะไปไหนในงบ 1หมื่นบาท?

“ชั่งใจระหว่างเวียดนามกับกัมพูชาครับ กัมพูชาผมเคยไปครั้งเดียว ไม่ได้คาดหวังมาก แต่ไปแล้วชอบมาก ตอนเด็กๆ อ่านหนังสือรู้สึกว่าเป็นประเทศที่น่าลัวมาก แต่พอไปจริงๆ กลับรู้สึกว่าสวยมาก ไม่มีความน่ากลัวเลย อาหารก็อ่อย เวลาไปเที่ยวจะรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น Indiana Jones โบราณสถานของเขาสวยมาก ส่วนเวียดนาม ผมมองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับการท่องเที่ยวในเมืองไทย เพราะเขามีทุกอย่างเหมือนเราเลย และบางที่สวยมากๆ ด้วย ติดอยู่ที่การเดินทางในประเทศเขายังไม่สะดวก ถ้าเขาพัฒนาตรงนี้เขาจะเป็นคู่แข็งกับเราได้เลยนะ ดังนั้นถ้าให้เลือกจริงๆ ขอเป็นเวียดนามก่อนก็แล้วกันครับ”

เป้าหมายสูงสุดในการเดินทาง

“สิ่งที่ตั้งใจอยากจะทำให้ได้เลยคือมีตราประทับของทุกประเทศบนโลกอยู่ในหนังสือเดินทางของเรา ซึ่งตามความจริงแล้วเป็นไปได้ยากมาก ดังนั้นการเลือกไปในแต่ละที่คือเลือกจากรูปที่เราเห็นแล้วรู้สึกว่ามันว้าว เราก็จะพยายามหาทางไปที่นั่น จะเน้นดูรูปแล้วไปดูสถานที่จริง กับอีกเกณฑ์ในการเลือกจุดหมายก็คืออยากไปสัมผัสประสบการณ์ที่หาได้ยาก เช่นตอนนี้ผมอยากไปจอร์แดน อยากไปนอนอ่านหนังสือในทะเลสาบเดดซี ถ่ายรูปที่เพตรา อยากไปเห็นของจริงว่ามันสวยขนาดไหน” 

ทุกทริปที่ไป จะขาดอะไรไม่ได้

“อย่างแรกคือกล้องครับ อย่างที่สองคือไอแพต เพราะเรามี mindset อย่างนึงคือเราต้องเป็นคนที่เก่งกว่าเมื่อวานให้ได้ ดังนั้นเมื่อเราจะเดินทางไปไหนไกลๆ นั่งเครื่องบินเป็นสิบๆ ชั่วโมง ก็จะโหลดหนังสือ หรือคอร์สออนไลน์ไปนั่งอ่านบนเครื่องบิน เราจะใช้ช่วงเวลาที่อยู่เฉยๆ ระหว่างเดินทางไปกับการพัฒนาตัวเอง พอถึงที่หมาย ลงจากเครื่องบิน เราก็เป็นคนที่เก่งกว่าเมื่อวานแล้ว อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ขอเป็นหมอนรองคอก็แล้วกันครับ มันเป็นอุปกรณ์ที่ทำให้เราสามารถหลับได้ทุกที่บนโลก จะเป็นเครื่องบิน รถบัส ชั้นแพงหรือถูก มีหมอนรองคอเราหลับได้ทุกที่”

ก้าวต่อไปของ Go Went Go

“คนถามเยอะมากว่าจะพาแฟนเพจไปเที่ยวไหม เราไม่กล้าทำเพราะเราไม่ใช่บริษัททัวร์ การจะพาใครไปเที่ยวแบบนั้นผมมองว่ามันควรจะต้องจดทะเบียนเป็นบริษัททัวร์ที่ถูกต้อง เพราะต้องรับผิดชอบชีวิตผู้ร่วมทางหลายชีวิต เราไม่ได้เป็นมืออาชีพด้านนี้ ดังนั้นเรื่องพาเที่ยวทางเพจคงไม่ได้จัดเองเว้นเสียแต่จะไปร่วมกับมืออาชีพด้านนี้ เป้าหมายของ Go Went Go ไม่ได้เซ็ตขึ้นมาเพื่อเป็นบริษัททัวร์ แต่จะพาทุกคนไปดูสิ่งที่เขาอยากดูในรูปแบบที่เป็นเรา ผมไม่ได้อยากเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยว แต่อยากเป็นคนธรรมดาที่ไปเที่ยวแล้วนำเรื่องราวมาบอกเล่า นำภาพสวยๆ มาถ่ายทอดให้ดูมาก เป็นมุมมองข้างเดียวกันกับคนที่มาดูงานของผมมากกว่า ผมไม่ได้มีความเชี่ยวชาญ สามารถอยู่ในป่าหาอาหารเอาตัวรอดได้ ผมก็เหมือนคนอื่นทั่วๆ ไป ถ้าติดอยู่ในป่าก็ต้องการคนช่วยพาออกไปที (หัวเราะ)”

จากนี้ไปสามารถติดตามได้ทางช่องทางไหนบ้าง

“ก็จะมีเพจ Go Went Go สำหรับใครชอบเห็นอะไรที่เป็น Dream Destination แปลกใหม่มานำเสนอครับ กับเพจ Walker Talker อันนี้เป็นเพจที่ช่วยๆกันทำ จะพาเที่ยวตามสถานที่มีสไตล์ ใช้งบไม่มาก เดินทางง่าย นอกจากนี้ยังมียูทูปช่อง 20TV ที่มีรายการ Go Went Go ให้ติดตามกัน และผมมีช่องยูทูปอีกอันชื่อ BAS | Go Went Go อันนี้จะเน้นให้ความรู้ How To  ต่างๆ เช่นคำถามที่ถูกถามบ่อยมากคือ ‘แต่งรูปยังไง’ ก็จะแชร์ในช่องทางนี้ รวมกับไลฟ์สไตล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ลงในรายการก็จะอยูในช่องนี้ทั้งหมด และมี IG: bas_gowentgo และทวิตเตอร์ @Bas_GoWentGo อันนี้เพิ่งหัดเล่นครับ และเว็ปไซต์ http://www.gowentgothailand.com และตลาด 20space จะเปิดวันที่ 1ธันวาคมนี้ อยู่แถวนวลจันทร์ครับ 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0