ยังไม่แน่ชัดว่าประเทศไทยจะก้าวหน้าหรือ “ถอยหลัง” หลังรัฐบาลเปิดเผยว่า กำลังผลักดัน “กาสิโนถูกกฎหมาย” ภายใต้การทำงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex)
ตามข้อมูลที่ปรากฏออกมา รายละเอียดระบุ Entertainment Complex หรือสถานบันเทิงครบวงจร ในบริบทของประเทศไทย จะประกอบด้วยบริการต่างๆ เช่น
- กาสิโน (สถานที่เล่นเกม)
- ห้างสรรพสินค้าครบวงจร
- โรงแรมหรู 5 ดาว
- ร้านอาหาร และบาร์
- ศูนย์การประชุม
- สนามกีฬา
- สวนสนุก
- สถานที่แสดงโชว์
- สวนน้ำ
- พื้นที่ส่งเสริมวัฒนธรรมไทย และจำหน่ายสินค้า OTOP
โดยรัฐบาลวางแผนเปิดในพื้นที่เป้าหมาย 5 แห่ง ได้แก่
- พื้นที่ กทม. ท่าเรือคลองเตย (ที่เตรียมย้ายออก)
- พื้นที่บางกะเจ้า (สมุทรปราการ) พื้นที่ฝั่งตรงข้ามท่าเรือคลองเตย
- พื้นที่ EEC (ระยอง, ชลบุรี และฉะเชิงเทรา)
- เชียงใหม่
- ภูเก็ต
วิเคราะห์ไทม์ไลน์ เปิดกาสิโนถูกกฎหมายในไทย
ซึ่งคาดว่า Entertainment Complex แห่งแรกของไทย จะเปิดให้บริการได้ในปี 2576 หากไทม์ไลน์ความเป็นไปได้อยู่ภายใต้สมมติฐาน ดังนี้
- ช่วงปี 2567-2569 : ตรากฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายหลัก (พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร) และกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้อง
- ช่วงปี 2570 : ทำรายงานศึกษา และขออนุมัติโครงการ Entertainment Complex
- ช่วงปี 2571 : ประกาศ TOR, ประมูล และทำสัญญา
- ช่วงปี 2572-2575 : ก่อสร้างและตกแต่ง
- ช่วงปี 2576 : เปิดบริการแห่งแรก
ล่าสุด ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดบทวิเคราะห์ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ จากการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคมไทยไว้น่าสนใจหลายมุมมอง
ภายใต้โครงสร้างรายได้หลายทาง ในมือของผู้ประกอบการสถานบันเทิงครบวงจรและรัฐบาล ทั้งรายได้จากการเล่นเกมที่เปิดให้พนัน (GGR), รายได้จากการให้บริการอื่นๆ, ภาษีกาสิโน (Casino Tax), ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าธรรมเนียมการเข้าใช้บริการกาสิโน ที่อาจเก็บเฉพาะคนท้องถิ่น แต่ไม่เก็บจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อจำกัดการเข้าถึงอย่างเสรีเกินไป
เทียบตัวอย่างประเทศที่อนุญาตให้เปิด “กาสิโน” ถูกกฎหมาย ในแง่รายได้
- มาเก๊า มีรายได้จากการเล่นเกม (GGR) 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สหรัฐอเมริกา (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
เทียบกรณีศึกษาบ่อนในต่างประเทศ ผลบวกทางเศรษฐกิจ
เจาะกรณีศึกษา “กาสิโนประเทศสิงคโปร์” หรือการเปิดสถานบันเทิงแบบครบวงจร พบ เมื่อปี 2565 สิงคโปร์มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว เป็น 4% ของ GDP ประเทศ ภายใต้จำนวนนักท่องเที่ยว 15 ล้านคน ในปีเดียวกัน และพบราว 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงแบบครบวงจร และจัดเก็บภาษีได้ประมาณ 2,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับผลกระทบทางบวกของ “กาสิโนถูกกฎหมาย” ที่อาจมีต่อเศรษฐกิจไทย จาก รายงานผลการศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ของ ม.หอการค้าไทย แบ่งออกเป็น 5 มิติ
- การดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ คาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท/แห่ง
- เพิ่มรายได้ท่องเที่ยว ผ่านการเพิ่มจำนวน + ระยะพำนักนักท่องเที่ยวต่างชาติ และเพิ่มค่าใช้จ่ายเฉลี่ย/คน
- เพิ่มรายได้ของธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ซึ่งจะมาจากรายได้จากการเล่นกาสิโน (GGR) และรายได้จากบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- ประโยชน์ในแง่การสร้างงาน ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในอุตสาหกรรมบริการ/กระจายรายได้ เพิ่มเงินหมุนเวียนของปริมาณเงินในระบบ
- เพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลจากภาษีกาสิโน (Casino Tax), ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT), ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต และค่าธรรมเนียมในการเข้าใช้บริการ
4 ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจ หากไทยมี “กาสิโน”
อย่างไรก็ดี อาจมีผลกระทบเชิงเศรษฐกิจและสังคม ที่รัฐบาลต้องเฝ้าระวัง และวางแนวทางป้องกันดูแลอย่างจริงจังด้วย
- เพิ่มความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจใต้ดิน เพราะอาจมีการหลีกเลี่ยงภาษี/ฟอกเงินผ่านกาสิโนและการพนัน อีกทั้งอาจเป็นการเร่งการเติบโตของธุรกิจผิดกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพนันด้วย
- กระทบต่อภาระหนี้สินครัวเรือน อันเนื่องมาจากการติดการพนันเพิ่มขึ้น/หนี้สินจากพนันเพิ่มขึ้น ซึ่งสุดท้ายอาจกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของครัวเรือนตามมา
- ความเหลื่อมล้ำรายได้อาจเพิ่มขึ้น จากการที่รายได้กระจุกตัวอยู่ในกลุ่มกาสิโน/กลุ่มนายทุน แบ่งแยกกลุ่มได้ประโยชน์-เสียประโยชน์อย่างเหลื่อมล้ำชัดเจนมากขึ้น
- สูญเสียต้นทุนสังคมจากปัญหาติดพนัน เช่น ค่ารักษา/บำบัด/ฟื้นฟูผู้ติดการพนัน ไม่นับรวมผลกระทบทางอ้อมต่อครอบครัวและสังคมไทยอีกด้วย
“ศูนย์พยากรณ์ฯ คาด รายได้ของผู้ประกอบการฯ อยู่ระหว่าง 5.63-8.29 หมื่นล้านบาท และรายได้ของรัฐบาลอยู่ระหว่าง 3.24-3.80 หมื่นล้านบาท ทำให้รายได้รวมอยู่ระหว่าง 0.89-1.21 แสนล้านบาท ขึ้นอยู่กับสัดส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ใช้บริการ (10-30%) และอัตราภาษีกาสิโน (15-20%)”
ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อ “รัฐบาล” จากแนวคิด เปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย
- การตรากฎหมายจะต้องสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ และผลกระทบทางด้านสังคม
- กลไกการกำกับดูแลจะต้องชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ เพื่อป้องกันการทุจริตและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน
- จำนวนและขนาดของโครงการลงทุน จะต้องสอดคล้องกันกับอุปสงค์ของตลาด เพื่อป้องกันการลงทุนที่เกินความจำเป็น
- อัตราภาษีกาสิโนและเงื่อนไขส่งเสริมการลงทุน จะต้องสามารถแข่งขันได้เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อดึงดูดนักลงทุน
- เกณฑ์การเข้าใช้บริการกาสิโนสำหรับคนท้องถิ่น ควรมีความเข้มงวดและรัดกุม เพื่อช่วยลดผลกระทบทางลบที่อาจเกิดขึ้น
- กลไกการนำรายได้จากกิจการกาสิโนไปใช้ประโยชน์ ต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้
ทั้งหมดเป็นมาตรการสำคัญที่รัฐบาลควรทำ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบทางลบ จาก “กาสิโนถูกกฎหมาย” ในประเทศไทย
ที่มา : ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย
ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/economics/thailand_econ
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ข้อดี-ข้อเสีย เมื่อไทยอาจมี “กาสิโนถูกกฎหมาย” ภาพฝัน บันเทิงครบวงจร โกยรายได้แสนล้าน ที่ต้องระวัง!
ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ตามข่าวก่อนใครได้ที่
- Website : Thairath Money
- LINE Official : Thairath