10 พฤติกรรมมนุษย์ออฟฟิศ ที่ทำให้จิตตกไม่รู้ตัว!

ในสังคมทุกวันนี้มีคนที่แตกต่างกันมารวมตัวกันอยู่มากมาย มีทั้งคนที่น่ารัก คนไม่น่ารัก ไปจนถึงคนที่เป็นพิษ หรือ Toxic people ซึ่งบางสถานการณ์ก็หลีกเลี่ยงได้ แต่บางสถานการณ์ก็ไม่รู้จะหนีจากคนเหล่านั้นได้อย่างไร จึงจำใจต้องทนอยู่ร่วมกันไปวัน ๆ โดยเฉพาะหากต้องร่วมงานกับคนประเภทนั้น อาจจะทำให้เราปวดหัวเกินไป

มาดูว่า 10 พฤติกรรมมนุษย์ออฟฟิศ ที่ทำให้จิตตกไม่รู้ตัวนั้นมีอะไรบ้าง?

1. ขี้ติฉินนินทา

อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่มีใครไม่ถูกนินทา แต่หากรอบตัวเรามีแต่ 'วงสนทนาเรื่องของคนอื่น' ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าสำราญใจเท่าไหร่ พฤติกรรมยอดฮิตที่อย่าว่าแต่วงการมนุษย์ออฟฟิศเลย แต่คนแบบนี้มีอยู่ทั่วไป หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้นแล้วรู้สึกกระดากหรือไม่สบายใจ เราสามารถหนีห่างจากคน ‘ขี้นินทา’ ได้ทันที อย่าปล่อยให้จิตตกเพราะเรื่องคนอื่นไปมากกว่านี้เลย

2. ตัดสินคนอื่นเก่ง

พฤติกรรมนี้มักจะเกิดกับคนที่ชอบคอยชี้ว่าอันไหนดี อันไหนไม่ดี ชอบดูถูกคนอื่นที่ไม่เหมือนตัวเอง และมักจะทำให้คนอื่นรู้สึกแย่หากคิดไม่ถึงกับพวกเขา ดังนั้นเราควรอยู่ให้ห่าง และเชื่อในตัวเองให้มาก ๆ อย่าให้ใครมาครอบงำชีวิตของเรานอกจากตัวเราเอง

3. ชอบโอ้อวด เกทับทุกเรื่อง

เห็นใครมีอะไรดีกว่าไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเล่าเรื่องอะไร หรือมีอะไรใหม่ๆ ก็ต้องเกทับไว้ก่อน ‘เขามีหนึ่ง ฉันต้องมีห้า’ ไม่คิดจะยินดีหรือดีใจกับความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ ของคนอื่น ขอแค่ได้เหนือกว่าโอ้อวด พูดออกมาโดยไม่สนใจใคร ชอบที่จะแข่งขันกันในทุก ๆ เรื่อง คนแบบนี้ก็ไม่น่าคบหาสักนิด หากรู้ตัวว่ากำลังอยู่กับคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ ให้แยกตัวออกมาจะดีที่สุด

4. Work ไร้ Balance

คนบ้างานเท่านั้นที่จะเข้าใจ! ข้อนี้อ่านผ่าน ๆ เหมือนว่าจะดี ตั้งใจทำงาน มีความรับผิดชอบก็ดีแล้วนี่นา แต่ไม่เสมอไป เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มมีพฤติกรรมหายใจเข้าก็งาน หายใจออกก็งาน นอนหลับก็ฝันถึงงาน จนไม่ได้กินข้าวกินปลา ไม่มีพักเที่ยงที่แท้ทรู ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ไม่มีเวลาให้คนรอบข้าง กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว การทำงานอย่างสุดกำลังเป็นเรื่องที่ดี แต่ทุกอย่างต้องมีขอบเขต คนจำนวนไม่น้อยที่ชีวิตส่วนตังงพังพินาศเพราะถวายหัวให้งานจนหมด เพราะฉะนั้นเวิร์คที่ไร้บาลานซ์ก็เป็นอีกสิ่งที่น่ากลัวในยุคสมัยนี้ที่เวลาการทำงานค่อนข้างยืดหยุ่น อย่าลืมให้เวลาตัวเอง และอย่าลืมว่า ห้ามไปรบกวนเวลาส่วนตัวของคนอื่นด้วยนะ!

5. ดรามาเล่นใหญ่ไว้ก่อน

แอกชันแบบคนขี้นอย มองโลกในแง่ลบ คนแบบนี้จะเป็นคนที่มีพลังลบในตัวเยอะมาก ปัญหาชีวิตมากมาย เรื่องไม่เป็นเรื่องก็ต้องเล่นใหญ่ ต้องดรามาไว้ก่อนถึงจะมีคนสนใจ ปัญหาของฉันหนักสุด ปัญหาของฉันต้องมาก่อน เจอกันทีไรมีแต่เรื่องให้บั่นทอนจิตใจก็เข้าใจได้หากอยากจะปรับทุกข์ให้คนที่ไว้ใจได้ฟัง แต่หากเจอหน้าทีไรมีแต่เรื่องแบบนี้ ถ้าอยู่กันไปหัวจะปวดเอาได้นะ

6. อารมณ์เสียเก่ง

คนที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แสดงถึงวุฒิภาวะอารมณ์ที่ไม่ดี คนที่ชอบอารมณ์เสียใส่เรา เห็นเราเป็นสนามอารมณ์ จะทำให้เรารู้สึกแย่ไปด้วย และทำให้เรารู้สึกว่าเป็นต้นเหตุของสิ่งที่ไม่ดีในชีวิตเขา หากต้องอยู่ข้าง ๆ คนที่จัดการอารมณ์ตัวเองไม่เป็นต้องถอยออกมา เพราะว่าเราไม่ควรเอาเวลาชีวิตไปเป็นที่ระบายอารมณ์ของใคร บางครั้งเวลาตัวเราเองอารมณ์บ่จอย เรายังรู้สึกไม่ดีกับตัวเองเลย นับประสาอะไรกับเวลาเจอคนที่ขี้หงุดหงิด ขี้โวยวาย ขืนคบไปคงจะมีแต่อารมณ์บูดไปวัน ๆ ที่สำคัญอย่ามัวแต่มองคนอื่นจนลืมสำรวจตัวเองด้วยว่า เราเป็นคนแบบนั้นด้วยหรือเปล่านะ?

7. ขี้เกียจได้ขี้เกียจดี

อย่าได้ไปทำความรู้จักมักจี่อะไรกันเลยล่ะ พฤติกรรมเรื่อยเปื่อย ทำงานแบบเช้าชาม เย็นแปดชามก็ไม่น่ารัก! เพราะคนขี้เกียจ มักจะนำปัญหาตามมาอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความมักง่ายและไม่มีความรับผิดชอบ หากจะหวังให้คนเหล่านี้ช่วยให้สิ่งรอบตัวดีขึ้น ก็เลิกหวังทันทีเถอะ เพราะแม้แต่เรื่องตัวเอง เขาก็ยังขี้เกียจอยู่เลย จะเอากะจิตกะใจที่ไหนไปช่วยเหลือคนอื่น พักก่อนเถอะ

8. โลกหมุนรอบตัวเอง

ถ้าจะเอาอะไรให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง คนแบบนี้ต้องอยู่คนเดียวในโลก เพราะการอยู่ร่วมกันในสังคม ก็ต้องรู้จักใจกว้าง เปิดใจรับฟังคนรอบตัว ไม่ใช่จะให้ตัวเองถูกทุกเรื่องตลอดไป แบบนี้ใครจะอยากเสียเวลาไปคุยด้วยล่ะ คงจะเซ็งน่าดูถ้าต้องคบหาสมาคมกับคนที่ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล แล้วให้คนอื่นเป็นวงแหวนหมุนรอบอยู่ทุกที แค่คิดก็เหนื่อยแล้วนะ ไม่คุยด้วยดีกว่า บ๊ายบาย

9. พูดแต่คำว่า 'ไม่'

ไม่ได้ ไม่ทำ ไม่เอา ไม่ดี ไม่ ๆ ๆ ๆ! คนที่พูดแต่คำว่าไม่ มักเป็นคนที่ไม่กล้าพัฒนาตนเอง เพราะคนที่ต้องการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ พร้อมปรับตัว เขาจะไม่มีวันสร้างกำแพงขึ้นมาปิดกั้นการเรียนรู้นั้นเด็ดขาด คำว่า 'ไม่' ใช้บ้างก็ได้ตามจังหวะและโอกาสที่เหมาะสม แต่หากจะต่อต้านทุกสิ่งอย่างเลยก็คงต้องเลี่ยงคนที่มีพฤติกรรมแบบนี้ดีกว่า ไม่ไหวจะเคลียร์!

10. เป็นน้ำเต็มแก้ว

คนที่ทำตัวเสมือนน้ำเต็มแก้วอยู่เสมอมักเป็นพฤติกรรมอีกแบบที่หนีได้ ควรหนี ห่างได้ ควรห่าง และอย่าเป็นเสียเอง เพราะคนแบบนี้จะแอกชันเหมือนรู้ทุกเรื่อง ไม่พร้อมรับฟัง ไม่อยากเรียนรู้สิ่งใหม่ ชอบทำงานเท่าที่ตัวเองรับผิดชอบมาตั้งแต่ต้น ไม่มีเพิ่มเติม กี่ปีผ่านไปก็อยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง เหมือนเครื่องจักรที่รอวันหมดอายุไปตามเวลาเท่านั้น