โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

หุ้น การลงทุน

รายงานพิเศษ : TEGH แนวโน้มกำไรสดใส ธุรกิจในกลุ่มเติบโตเด่น หนุนเป้ารายได้ปี 68 โตกว่า 30%

Share2Trade

อัพเดต 05 มี.ค. เวลา 08.03 น. • เผยแพร่ 05 มี.ค. เวลา 08.03 น. • Share2Trade

บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) หุ้นเด่น ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 30% ผลักดันบริษัทลูกเข้าระดมทุนในตลาด mai ขณะที่โบรกเกอร์เชื่อแนวโน้มสดใส ธุรกิจในเครือเติบโตโดดเด่น ปันผลสูงถึง 6%

TEGH แนวโน้มกำไรสดใส_รายงานพิเศษ S2T (เว็บ)_0.jpg

สถานการณ์ราคายางพาราและน้ำมันปาล์มที่มีแนวโน้มเติบโตได้ดีต่อเนื่องในปี 2568 สนับสนุนผลงานของ บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (TEGH) โดย “สินีนุช โกกนุทาภรณ์” กรรมการผู้จัดการ TEGH ผู้ผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ และน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ในภาคตะวันออก และผู้นำด้านการผลิตพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์แบบครบวงจร ที่นำพลังงานสะอาดมาใช้ในกระบวนการผลิต ระบุ ภาพรวมผลการดำเนินงานงวดปี 2567 มีรายได้ 16,843.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.36% ถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่บริษัทฯ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติ 14,774 ล้านบาท ธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ 1,907 ล้านบาท และธุรกิจพลังงานทดแทนและบริหารจัดการกากอินทรีย์ 139 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 88%, 11%, 1% ของรายได้ทั้งหมดตามลำดับ และมีกำไรสุทธิ 556.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 158.86% หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 202.60% ก่อนหักรายการพิเศษบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อย จำนวน 94.05 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 30% แตะ 22,000 ล้านบาท จากทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้งยางธรรมชาติ น้ำมันปาล์ม และพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแท่ง มีโอกาสที่ยอดขายจะทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High) จากปริมาณขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 250,000-280,000 ตัน และราคายางธรรมชาติปรับตัวสูงขึ้น และมีปริมาณขายยางแท่งเกรด EUDR ทั้งหมดที่ 51,743 ตัน โดยคิดเป็นสัดส่วนยางแท่งเกรด EUDR ถึง 45.11% ของปริมาณส่งออกยางแท่งทั้งหมดในครึ่งปีหลัง สะท้อนถึงความสามารถในการขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และความต้องการสินค้ายางแท่งเกรด EUDR โดยเฉพาะตลาดยุโรป ที่ถึงแม้จะมีการเลื่อนการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ออกไปอีก 1 ปี (เริ่มบังคับใช้ 31 ธันวาคม 2568)

ส่วนธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ มีแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเทิร์นอะราวด์ในปีนี้ หลังจากปรับปรุงกระบวนการผลิต ซ่อมบำรุงเครื่องจักร ติดตั้งหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) ลูกใหม่ ทำให้กำลังการผลิตน้ำมันปาล์มดิบจะเพิ่มขึ้นอีก 20% ในปี 2568 และจะเพิ่มเป็น 50% ภายในปี 2569

พร้อมเตรียมพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลในปีนี้ โดยการนำทะลายปาล์มมาเพิ่มมูลค่าใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับทดแทนการซื้อไฟฟ้าจากภายนอกของโรงงานในกลุ่มบริษัทฯ และจากสภาวะตลาดปาล์มน้ำมันที่ไม่ปกติในช่วง 2-3 ปีที่ผ่าน บริษัทฯ จึงได้พิจารณาบันทึกการด้อยค่าสินทรัพย์ถาวรของบริษัทย่อยในสายธุรกิจปาล์มน้ำมันเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพการใช้งานในปัจจุบัน ซึ่งบริษัทฯ ประเมินว่าจะช่วยลดภาระค่าเสื่อมระหว่างปี 2568-2570 ลงได้ประมาณปีละ 20 ล้านบาท

ด้านธุรกิจด้านพลังงานทดแทนและรับบริหารจัดการกากอินทรีย์ ปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างโดดเด่น ล่าสุดเตรียมขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพโซน 3 เฟสที่ 2 เพิ่มอีก 90,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ควบคู่กับการศึกษาและพัฒนายกระดับขึ้นเป็นก๊าซไบโอมีเทนอัด (CBG) เพื่อใช้ทดแทนก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) และก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับอุตสาหกรรมการขนส่งในอนาคต

นอกจากนี้ ในที่ประชุมคณะกรรมการ TEGH ได้มีมติอนุมัติแผน Spin-Off ของบริษัทย่อย คือ บริษัท ไทยอีสเทิร์น ไบโอ พาวเวอร์ จำกัด (TEBP) ในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนครั้งแรก (IPO) และแผนการนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการเงินและสร้างการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต ภายใต้แผน Spin-Off นั้น

TEBP จะเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) เท่ากับหุ้นละ 1 บาท โดยจะออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวนไม่เกิน 75 ล้านหุ้น และ TEGH จะขายหุ้นเดิมจำนวนไม่เกิน 15 ล้านหุ้น รวมจำนวนหุ้นที่จะ IPO ทั้งหมดไม่เกิน 90 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 30.00% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ TEBP โดยภายหลังการ IPO TEGH ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TEBP และ TEBP จะยังคงมีสถานะเป็นบริษัทย่อยของ TEGH ภายหลังการ IPO

ด้านบล.ทรีนีตี้วิเคราะห์ว่า แนวโน้มกําไรปี 2568 ค่อนข้างสดใส เนื่องจากธุรกิจยางยังได้รับแรงหนุนจากความ ต้องการยาง EUDR ที่ยังสูงต่อเนื่อง โดยคาดจะมีลูกค้าอีกหลายรายที่ต้องเริมสั่งยาง EUDR ในช่วงครึ่งหลังของปี เพื่อรองรับการผลิตและส่งออกในปีหน้า

ขณะที่ธุรกิจปาล์มนอกจากจะมีปัจจัยบวกภายใน จากการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลตด้วยการเพิ่มหม้อนึ่งใหม่ ยังมีผลบวกจากฤดูกาล เนื่องจากคาดว่าปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้นในปีนี้ เทียบกับภาวะแล้งในปีก่อนหน้า จะทำให้ปริมาณปาล์มโดยรวมเพิ่มขึ้น บวกกับราคาขายปาล์มที่คาดว่าจะดีต่อเนื่องจากการที่อินโดฯ ลดการส่งออกน้ำมันปาล์ม เพื่อนําไปผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น

ส่วนธูรกิจพลังงานคาดว่าจะเห็นรายได้และกำไรเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยนอกจากจะสามารถรับรู้การขายก๊าซชีวภาพให้กับ GGC แล้ว ทางบริษัทยังมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพในครึ่งปีหลังอีกด้วย โดยเราปรับประมาณการกําไรปี 2568 ขึ้นราว 19% จากประมาณการก่อนหน้าขึ้นเป็น 699 ล้านบาท เติบโต 26%YoY

เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 4.9 บาท อิง PER 7.5 เทา ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside ค่อนข้างสูง นอกจากนี้บริษัทยังจ่ายปันผลอีก 0.21 บาท (XD 19 มี.ค. 68) คิดเป็น Div.Yield ราว 6% ทำให้เรายังคงคำแนะนำ“ซื้อ” ส่วนความเสี่ยงได้แก่ ความผันผวนของราคายางและปาล์มน้ำมัน

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...