"ความสำเร็จของหนังเรื่องเดียวไม่ได้หมายถึงความสำเร็จของทั้งวงการ”
คำกล่าวของ จิ้นตง นักแสดงแถวหน้าของจีนที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการด้านภาพยนตร์ของ CPPCC ตอกย้ำให้เห็นว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ท้องถิ่งต้องอาศัยการสนับสนุนอย่างจริงจังและต่อเนื่องของภาครัฐ ไม่ใช่ว่ามีหนังที่สร้างปรากฏการณ์ขึ้นมาเพียงเรื่องเดียวแล้วพากันเหมารวมว่านั่นคือความสำเร็จของทั้งภาคอุตสาหกรรมแล้ว
ที่สำคัญ ทัศนะดังกล่าวมาจากยักษ์ใหญ่อย่างจีนที่เคยมีตัวเลข box office มากกว่าสหรัฐ จนสามารถก้าวขึ้นเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลกมาแล้วช่วงหนึ่ง แต่พอไม่มีการสร้างหนังท้องถิ่นที่โดนใจผู้ชมออกมา ก็กลับสู่ภาวะซบเซาเหมือนเดิม
จนกระทั่งในปี 2025 นี้เองที่วงการภาพยนตร์จีนกลับมามีความหวังอีกครั้ง เมื่อหนังอย่าง ‘มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่’ และ ‘นาจา 2’ ออกมาดึงคนดูให้ตีตั๋วเข้าไปดูหนังในโรงภาพยนตร์กันได้อีกครั้ง โดยรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา (ระหว่าง 28 ม.ค. - 4 ก.พ.) พุ่งขึ้นไปทำสถิติที่ 9,510 ล้านหยวน
นำโดย ‘นาจา 2’ ที่สร้างสถิติระดับโลกเอาไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น “หนังเอเชียเรื่องแรกที่ทำรายได้ทะลุ 2,000 ล้านเหรียญ”, “หนังอะนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์” และ "หนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลอันดับ 5 ของโลก
แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้คนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนตระหนักว่ายังมีอะไรที่ต้องทำกันอีกเยอะ หากต้องการสร้างวงการหนังที่แข็งแกร่งขึ้นมาจากเนื้อใน โดยคณะกรรมาธิการแห่งชาติ สภาที่ปรึกษาทางการเมืองจีน (CPPCC) ที่ดูแลกิจการด้านภาพยนตร์ ได้จัดการประชุมร่วมกับคนในวงการเพื่อพูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างจริงจัง
จิ้นตง (Jin Dong) นักแสดงผู้คร่ำหวอด คือคนที่ให้ความเห็นในที่ประชุมว่า “ความสำเร็จของหนังเพียงเรื่องเดียวไม่ได้หมายความว่าหนังทุกเรื่องจะประสบความสำเร็จไปด้วย” พร้อมแสดงความคาดหวังให้ผู้สร้างหนังทุกคน รวมถึงตัวเขาเอง เขียนสคริปต์ที่มีคุณภาพเพื่อผลิตหนังที่ดีกว่าเดิมออกมา
ขณะที่ หวัง ผิงจิ่ว (Wang Pingjiu) สมาชิกคณะกรรมาธิการแห่งชาติ CPPCC และ deputy editor-in-chief ช่องภาพยนตร์ของ CCTV ชี้ว่าในตลาดภาพยนตร์ปัจจุบัน content is king หรือ เนื้อหาสาระเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
พร้อมให้ความเห็นว่า การพึ่งพาสเปเชียลเอฟเฟกต์ และทำการตลาดมากเกินไป รวมถึงการเขียนบทให้ตลกพร่ำเพรื่อ หรือดึงดรามาเกินเหตุ เริ่มไม่ได้รับความนิยมในหมู่คนดูหนังชาวจีนมากขึ้นทุกที
“สำหรับผู้สร้างหนังชาวจีน สิ่งสำคัญคือการดึงองค์ประกอบด้านภาพยนตร์ (cinematic elements) มาจากมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศ และเทรนด์ที่เป็นอยู่ในช่วงนั้นออกมา”
หวงฟู่ อวี้ชวน (Huangfu Yichuan) สมาชิกคณะกรรมาธิการแห่งชาติ CPPCC ซึ่งเป็นนักวิจัยประจำ China Film Art Research Center เห็นด้วยกับความคิดดังกล่าว พร้อมเสริมว่าถึงแม้ ‘นาจา 2’ จะเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ใช้เทคนิคพิเศษอันสุดยอดของจีน แต่เรื่องราว coming-of-age ธีมที่เกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของคนในครอบครัว การเติบโตภายในตัวเอง และการท้าทายไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาต่างหากที่เข้าถึง และโดนใจผู้คนทุกหนแห่ง
เพราะมันคืออารมณ์ความรู้สึกที่มนุษย์ทุกชาติทุกภาษามีเหมือนกันหมด เพียงแต่มันถูกถ่ายทอดผ่านสุนทรียศาสตร์ หรือการเล่าเรื่องแบบจีนเท่านั้นเอง
หวงฟู่ยังเชื่อว่าความสำเร็จของหนังที่ฉายช่วงตรุษจีนนี้แหละคือแนวทางความสำเร็จของหนังจีนในอนาคต พร้อมชี้ว่าหนังที่ออกฉายในช่วงนี้มีหลายแนว ทั้งกำลังภายใน เทพนิยาย ตลก แอคชั่น นอกจาก ‘นาจา 2’ แล้ว ยังมี 'มังกรหยก จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่' หนังกำลังภายในฝีมือการกำกับของ ฉีเคอะ ตลอดจน Detective Chinatown 1900 ที่สานต่อแฟรนไชส์หนังสืบสวนสอบสวนแนวคอเมดี้ที่สอดแทรกเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ และความรักชาติเข้าไปแบบกลมกล่อม
สำหรับหนังฮอลลีวู้ดบล็อกบัสเตอร์นั้น หวงฟู่มองว่าไม่ประสบความสำเร็จในตลาดจีนมากเหมือนเคย เพราะคนดูเริ่มเบื่อความเป็นสูตรสำเร็จ และสเปเชียลเอฟเฟกต์แบบฮอลลีวู้ดกันเต็มที จึงอยากดูหนังที่แปลกใหม่ไปจากเดิม
"โลกทุกวันนี้กำลังแสวงหาความหลากหลาย การที่หนังจีนสามารถออกสู่ระดับโลกได้นั้นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่ามันได้มอบความหลากหลาย และความสดใหม่ให้กับคนดูในตลาดโลก”
ฮวงฝูกล่าวพร้อมถ่อมตัวว่าตัวเลข box office ของ ‘นาจา 2’ เป็นแค่จุดเริ่มต้นของหนังจีนเท่านั้นเอง