ถ้าวันนี้เราเจอคำถามว่า
“คุณอยากเป็นโรคซึมเศร้ามั้ย?”
“คุณอยากเป็นโรควิตกกังวลมั้ย?”
“คุณอยากเป็นโรคนอนไม่หลับมั้ย?”
“คุณอยากเป็นคนขี้โมโหและเกรี้ยวกราดมั้ย?”
เชื่อว่าเกือบทุกคนจะตอบว่าไม่ และคิดสงสัยในใจว่า คนถามคำถามนี้ช่างประหลาด
ถ้าไม่มีใครชอบความรู้สึกเหล่านี้ แต่ทำไมเรายังมีปัญหาเหล่านี้อยู่ในชีวิต และหลายครั้งก็ลุกลาม จนสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเองและคนอื่นอย่างไม่รู้ตัว
นั่นเพราะเราทุกคนต่างมีอารมณ์และความคิดทั้งด้านบวกและด้านลบเท่ากันเป็นปกติ
แต่เรามีความสามารถที่จะสังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ภายในตัวเราเองแตกต่างกัน และแม้บางครั้งสังเกตเห็นก็ยากต่อการแยกเเยะว่า อะไรคือความปกติ รู้ตัวอีกทีก็เป็นปัญหาที่ยากเกินกว่าที่ตัวเองจะควบคุม และอาจลงท้ายด้วยปัญหาสุขภาพจิต
วันนี้หมอเลยอยากเล่าถึง สัญญาณความผิดปกติของจิตใจที่เราไม่ควรมองข้าม ก่อนที่จะลุกลามเป็นปัญหา
1.ความอดทนที่เคยมีเริ่มลดต่ำลงกับทุกเรื่องอย่างผิดสังเกต
สัญญาณนี้อาจมาในลักษณะของความหงุดหงิดง่าย กังวลง่าย หรือเศร้าง่าย บ่อน้ำตาอาจตื้นกว่าปกติ
เมื่อมีอะไรมากระตุ้น จากที่เคยอดทนได้ก็รู้สึกอดทนไม่ได้
2.รู้สึกเศร้า เบื่อหน่ายท้อแท้เกือบตลอดเวลายาวนานกว่า 2 อาทิตย์
คนเราเศร้าได้เป็นปกติ แต่ถ้าเริ่มรู้สึกเศร้าเกือบตลอดเวลาไม่ว่าจะทำกิจกรรมอะไรอย่างไม่ทราบสาเหตุ
และเริ่มเป็นยาวนานเกินกว่า 2 อาทิตย์ อาจกลายเป็นความเศร้าแบบซึมเศร้าได้
3.อยากแยกตัวเองออกจากสังคมและผู้คนแม้ว่าจะไม่ได้มีปัญหาความสัมพันธ์มากระทบ
บางคนมีความสุขกับการอยู่คนเดียว ในขณะที่บางคนมีความสุขเวลาอยู่กับผู้คน ถ้าความสุขจากการเคยได้พบเจอผู้คนหายไป กลายเป็นความเบื่อหน่ายอย่างไร้สาเหตุอาจเป็นจุดสังเกตที่สำคัญ
4.มีอารมณ์แกว่งไปมาอย่างสุดโต่ง
อารมณ์ของเราไม่คงที่เป็นปกติ ขึ้นอยู่กับว่าเรากำลังอยู่ในสถานการณ์อะไร กำลังคิดอะไร
แต่หากอารมณ์แกว่งเร็วอย่างสุดโต่งมากเกินไปจนรู้สึกว่ายากเกินควบคุม อาจเป็นสัญญาณของปัญหาทางอารมณ์ได้
5.นอนมากเกินไปหรือเริ่มมีปัญหานอนไม่หลับ
แม้ว่าทางการแพทย์จะแนะนำว่าเราควรนอน 7-8 ชั่วโมงแต่ความรู้สึกพอดีในชั่วโมงการนอนของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน บางคนนอนหกชั่วโมงรู้สึกพอดี บางคนนอน 10 ชั่วโมงถึงจะรู้สึกพอดี ความพอดีนี้เราสังเกตได้ง่ายๆว่า ตอนเช้าตื่นมาสดชื่นหรือไม่ กลางวันอ่อนเพลียหรือไม่ ถ้ารู้สึกนอนเท่าไรก็ยังไม่พอหรือข่มตาเท่าไรยังไม่หลับติดต่อกันหลายคืน ก็อาจกลายเป็นการนอนที่ผิดปกติได้
6. มีความย้ำคิดหรือวิตกกังวลเรื่องเดิมจนเริ่มรู้สึกควบคุมไม่ได้
เราต่างมีเรื่องให้ต้องคิด แต่เมื่อเห็นความคิดแล้ววางความคิดนั้นลงได้ แม้ว่าไม่นานความคิดนั้นจะกลับมาใหม่ ก็เป็นความคิดกังวลปกติ แต่หากเห็นความคิดแล้วนอกจากวางความคิดไม่ได้ กลับยิ่งหมกมุ่นจนรู้สึกทุกข์ ความกังวลอาจเข้าข่ายวิตกกังวลผิดปกติได้
7.หงุดหงิด โกรธ หรือเกรี้ยวกราดเกินกว่าเหตุ อย่างที่ไม่เคยเป็น
คนที่พื้นนิสัยใจร้อน หงุดหงิดง่ายอยู่แล้วอาจสังเกตเรื่องนี้ได้ยาก แต่หากเดิมทีเป็นคนใจเย็นยับยั้งช่างใจได้ดี
อยู่ๆกลายเป็นคนใจร้อนและรู้สึกได้ว่านิสัยกำลังจะเปลี่ยนไป อาจเป็นสัญญาณการระเบิดความเครียดที่เคยเก็บสะสมไว้มานาน
8. เริ่มมีความคิดอยากใช้แอลกอฮอร์หรือยาเสพติดเพื่อบรรเทาความเครียด
ปกติจิตใจเราต้องการความอิสระ ความเป็นตัวของตัวเอง เมื่อไรที่รู้สึกอยากพึ่งพาอาจเป็นสัญญาณของความอ่อนล้า
การใช้แอลกอฮอล์หรือสารเสพติดอาจทำให้รู้สึกดีชั่วคราวแต่ระยะยาวคือการที่สมองถูกทำลาย
9.หมกมุ่นกับความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือ ฆ่าตัวตาย
การมีความคิดฆ่าตัวตายไม่ได้เป็นอาการของโรคซึมเศร้าเท่านั้น คนปกติก็มีความคิดอยากตายได้
เพราะความหมายของความคิดฆ่าตัวตาย คือการที่เราเอาตัวเองออกไปจากหลุมของความทุกข์ หรือมรสุมของปัญหา
แต่ความคิดจะเป็นลักษณะชั่ววูบ แต่เมื่อไรที่เรามีความคิดอยากทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายแบบหมกมุ่น
จนมีการวางแผน เราควรรีบขอความช่วยเหลือจากคนที่เราไว้วางใจ หรือผู้เชี่ยวชาญที่ช่วยเราได้
สัญญาณทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของความเปลี่ยนแปลงด้วย ถ้าความเปลี่ยนแปลงยาวนานติดต่อกันเกินกว่าสองอาทิตย์ เราควรรีบรับรู้ปัญหา ยอมรับและกลับมาทบทวนความเครียดที่จิตใจสะสมไว้ แล้วตั้งใจดูแลจิตใจอย่างเหมาะสม ก่อนที่สัญญาณของจิตใจ จะลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่ยากต่อการควบคุม
รับรู้ว่ามีปัญหา ยอมรับปัญหา เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาที่น่ากลัวที่สุดคือการไม่รู้ว่าตัวเองมีปัญหา
--
ติดตามบทความดี ๆ จาก หมอเอิ้น พิยะดา บน LINE TODAY ทุกวันพุธ