โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

เรื่องสั้น

พ่อหนุ่มรูปงามท่านนั้น มีภรรยาแล้วหรือไม่เล่า

นิยาย Dek-D

อัพเดต 28 เม.ย. เวลา 08.03 น. • เผยแพร่ 28 เม.ย. เวลา 08.03 น. • teddy’s
พ่อหนุ่มรูปงามท่านนั้น มีภรรยาแล้วหรือไม่เล่า
คู่หมั้นมีหญิงอื่นหรือ ใครสนเจ้านั่นกัน คนที่เพรียบพร้อมทั้งพลังและเงินทองอย่างข้า เหตุใดต้องไปสนใจคนที่ไม่ให้เกียรติกันแบบนั้นเล่า แต่ว่านะเหตุใดความฝันเมื่อคืนถึงบอกว่าข้าเป็นตัวร้ายที่จะถูกทำลายหนอ

ข้อมูลเบื้องต้น

พ่อหนุ่มรูปงามท่านนั้น มีภรรยาแล้วหรือไม่เล่า

หยางอินปา คือนามของบุตรสาวคนโตของตระกูลหยาง เป็นบุตรสาวที่ใต้เท้าหยางรักและตามใจมากที่สุด บวกกับพลังที่ติดตัวนางมาตั้งแต่เกิด ทำให้ใครต่างก็เอาอกเอาใจนาง ตระกูลหยางประคบประหงมเด็กสาวดั่งไข่ในหิน

ทำให้เด็กสาวแซ่หยางเติบโตมาเอาแต่ใจ อยากทำสิ่งใดล้วนแล้วแต่ต้องได้ในสิ่งที่ต้องการ โดยเฉพาะความชอบบุรุษรูปงามของนาง มันดังไปทั่วเมืองหลวง ใคร ๆ ก็รู้ว่า หยางอินปาผู้นี้ชมชอบบุรุษรูปงามเพียงใด แม้ว่านางจะมีคู่หมั้นอยู่แล้วคนหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้เห็นว่าทั้งคู่รักใคร่อันใดกันนัก

จนวันหนึ่งที่คู่หมั้นผู้นั้นหันไปเกี้ยวพาสตรีอื่น หยางอินปาตั้งใจจะไปทำร้ายทั้งสองคนที่กล้าหยามหน้านาง แต่กลับโดนเจ้าไข่อสูรท่าทางประหลาดดึงดูดความสนใจเข้า จนความตั้งใจถูกเบี่ยงเบนไปจากทั้งสอง

แต่หลังจากนั้o นางกลับได้รู้ความลับสวรรค์ผ่านการฝัน แม้จะไม่แน่ใจนักว่ามันเป็นฝันอันใด แต่นางก็เชื่อไปแล้วมากกว่าครึ่ง นับตั้งแต่นั้นมา หนทางการหนีจากความตายในตอนจบจึงได้เริ่มขึ้น! อ้อ แน่นอนว่าต้องควบคู่ไปกับการชื่นชมบุรุษรูปงามทั้งแผ่นดินในเวลาเดียวกัน

***นิยายเรื่องนี้ด่าตัวละครได้ แต่ห้ามด่าไรท์เด็ดขาด ย้ำว่าห้ามด่าไรท์***

เป็นนิยายที่ไรท์เขียนขึ้นมาเพราะอยากเขียน อยากอ่านแนวนี้ ถึงจะงง ๆ ไปบ้าง แต่ก็นั่นแหละ ไรท์อยากอ่านแบบนี้ ห้ามด่า ย้ำอีกหนึ่งรอบว่าห้ามด่า

หยางอินปา

“ไอ๋ยา…ไอ๋ยา…บุรุษรูปงามเหล่านี้ช่างเจริญหูเจริญตาเสียจริง ตกรางวัล ๆ” หญิงสาวตัวน้อย ดูท่าทางอายุเพิ่งจะสิบสี่ไม่เกินสิบหกหนาวนั่งทำตัวแก่แดด ในห้องส่วนตัวของโรงระเริงชายขึ้นชื่อของเมืองหลวง

เป็นที่รู้จักกันดี ว่าหยางอินปา บุตรสาวใต้เท้าหยางจากตระกูลหยางนั้นน่าหวาดกลัวต่อบุรุษเพียงใด แรกเริ่มเดิมทีผู้คนต่างก็หวาดกลัวต่อพลังที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับเด็กสาว ทำให้มีข้อถกเถียงกันมากมาย ว่าเด็กที่สังหารคนทั้งห้องทำคลอดตายแบบนาง ควรจะไว้ชีวิตต่อไปหรือ แต่สุดท้ายคำว่าลูก บิดาอย่างใต้เท้าหยางก็ตัดสินใจอย่างกล้าหาญ เดินเข้าไปโอบอุ้มเอาลูกสาวที่สูบพลังวิญญาณของคนทั้งห้องทำคลอดตายหมด ไม่เว้นแม้แต่มารดาที่พึ่งให้กำเนิดนางให้ลืมตาดูโลก

เรื่องราวในตระกูลแบบนี้เดิมทีไม่มีใครอยากให้หลุดรอดออกไป แต่เพราะการแย่งชิงความดีความชอบของคนในตระกูล สุดท้ายก็มีหนึ่งในภรรยาของใต้เท้าหยางที่ปล่อยข่าวออกไป หวังจะทำลายเด็กที่เกิดจากฮูหยินออกที่ตนเกลียดชัง ตอนนี้หากหยางอินปาตาย ลูกของนางที่กำลังจะเกิดมาย่อมได้ขึ้นเป็นที่หนึ่ง นางเองก็เช่นกัน จากฮูหยินรอง ก็จะกลายเป็นฮูหยินเอกแทนนางดอกบัวขาวที่ตายไป

แต่ใครจะคิด ว่าเพราะการกระทำโง่ ๆ ของฮูหยินรอง ใต้เท้าหยางที่สืบรู้ความจริงนั้นโกรธมาก เขาต้องจัดการกับเรื่องทั้งในและนอกตระกูล ซ้ำลูกน้อยก็ยังเกาะติดตน ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ แล้วมันไม่ใช่แค่การงอแงเหมือนเด็กทั่วไป ที่ไม่ให้เข้าใกล้ หมายถึงนางจะดูดวิญญาณของคนผู้นั้นจนตายตก หากโชคดีหนีรอดมาได้ ก็ต้องรักษาตัวหรือมียาดีมากินนานเป็นเดือน ๆ เลย ความเหนื่อยนั้นทำให้ใต้เท้าหยางไม่ได้ไปเอาเรื่องฮูหยินรองของตน

เขาเลือกจะเมินเฉย และปล่อยตำแหน่งฮูหยินเอกข้างกายไว้เช่นนั้น ไม่เลื่อนและไม่แต่งใครเข้ามา อำนาจในการดูแลจวนก็ยกให้พ่อบ้าน ภรรยาทุกคนไม่ว่าจะเล็กจะใหญ่ล้วนไร้ซึ่งอำนาจใด ๆ ในเรือน ทุกอย่างเป็นแบบนั้นเพราะใต้เท้าหยางเองก็ทำอะไรมากไม่ได้ สตรีที่แต่งเข้ามาทุกคนล้วนแล้วแต่มาจากตระกูลที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน แม้แต่มารดาของอินปา

แต่เพราะความชิงชังที่พวกนางอยากลงมือกำจัดเด็กน้อยตาดำ ๆ ซ้ำเด็กคนนั้นยังเป็นบุตรสาวคนแรกของตน เขาจึงเลือกจะเมินเฉยพวกนาง ไม่ไปค้างที่เรือนใดอีกเลย นับตั้งแต่หยางอินปาถือกำเนิดจนบัดนี้

ใต้เท้าหยางตามใจบุตรสาวอย่างอินปาจนนางนิสัยเสีย เพราะผู้คนหวาดกลัวพลังในตัวนาง บวกกับผู้อาวุโสในตระกูลหยางคอยให้ท้าย เด็กสาวนามว่าหยางอินปาจึงทั้งดื้อรั้นและเอาแต่ใจ หากถามว่าดื้อรั้นเพียงใด ก็ขนาดที่ว่านางเป็นสตรีน้อยวัยแรกแย้ม แต่กล้าเข้ามานั่งในโรงระเริงชาย ที่ที่มีเหล่าผู้ฝึกตนและคนที่ชื่นชอบชายงามที่เข้ามาใช้บริการนั่นอย่างไร

นางมาบ่อยจนสามารถเปิดห้องส่วนตัวแบบพิเศษได้ ตระกูลหยางก็สุดจะห้ามนาง ถึงขนาดที่ว่าไปคัดเลือกคุณชายหน้าหยกจากตระกูลที่อยากผูกมิตรมาให้เป็นคู่หมั้น แต่นางก็ยังไม่เลิกมาโรงระเริงชาย คนแก่ ๆ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เพราะนอกจากบ่นนางแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ ทุกวันนี้ตระกูลหยางโผล่ขึ้นมาผงาดเพราะตัวตนของหยางอินปา นางถูกมองว่าเป็นต้นกล้าชั้นยอดของตระกูลหยาง หากเทียบกันในเมือง จะมีสักกี่คนที่กล้าเข้าไปต่อสู้กับนาง จะมีบ้างก็แค่พวกที่ต่อสู้ระยะไกล

ตระกูลหยางก็แก้ทางด้วยการฝึกเรื่องการเคลื่อนที่ให้อินปา วิชาราคาแพงที่สามารถทำให้เข้าประชิดคู่ต่อสู้ได้ ไม่ว่าจะราคาแพงจนต้องเอาสมบัติเก่ามาขาย ตระกูลหยางก็ยินดีเอามันมาให้นาง นั่นแหละความสำคัญของหยางอินปา

แต่คนที่สำคัญขนาดนี้กลับกำลังนอนเอนหลังพิงหมอน มือเรียวหยิบเมล็ดแตงโมขึ้นมาแทะด้วยท่าทางเกียจคร้าน หากว่านางไม่ได้มีหน้าตาที่ค่อนข้างอ่อนหวานและงดงาม สภาพของนางตอนนี้คงจะดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“คุณหนูอยากตกรางวัลคนไหนเป็นพิเศษหรือไม่ขอรับ” การตกรางวัลเป็นพิเศษก็คือ การเรียกชายงามผู้นั้นขึ้นมานั่งจิบชาทานอาหารในห้องส่วนตัวนี้ด้วยกัน แน่นอนว่าไม่มีเรื่องเกินเลย เพราะคุณหนูของเขายังไม่คิดทำการแก่แดดเพียงนั้น

“อืม ไม่ล่ะ พวกเขาหล่อเหลาถูกใจข้า แต่ไม่มีใครเลยที่ทำให้ข้าตื่นเต้นและอยากเชยชมใกล้ ๆ แถมมีแต่พวกหน้าเดิม ๆ ไม่รู้เจ้าของที่นี่ไม่มีเงินหาบุรุษหน้าหยกเข้ามาทำงานให้เพิ่มหรืออย่างไร เห้อ อยากกลับแล้วล่ะ” การมาที่โรงระเริงชายทุกวันก็เพื่อชื่นชมความงดงามของเหล่าบุรุษหน้าหยก แต่พอมาเข้าทุกวัน ความตื่นเต้นก็เปลี่ยนเป็นความเบื่อหน่าย

ขงชื่อ หรือคนสนิทเพียงหนึ่งเดียวของหยางอินปาโค้งทำความเคารพ ก่อนจะออกไปจัดการอย่างที่คุณหนูของตนต้องการ เขาเองก็คิดเช่นคุณหนู โรงระเริงแห่งนี้ไม่มีหน้าใหม่เข้ามานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคุณหนูก็จะมานั่งชมทุกวันอยู่ดี

อินปาออกจากร้านโดยไม่รอขงชื่อที่ไปตกรางวัลตามคำสั่ง นางเดินออกมาจากร้านซึ่งตั้งอยู่ใจกลางตลาด ทั้งโรงเตี๊ยมทั้งหอจักรวาล ทุกร้านที่ตั้งอยู่บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าที่ดินแถบนี้เจริญแค่ไหน

หางตาเจ้ากรรมเหลือบไปมองร้านถังหูลู่ แต่มันกลับเห็นคนคุ้นเคยเดินผ่านตาไปเร็ว ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางจึงหยิบผ้าปิดหน้าขึ้นมาสวมใส่ ก่อนจะเริ่มเดินตามไปเงียบ ๆ ชาวบ้านหลายคนย่อมจำนางได้ พวกเขาไม่ตื่นเต้นแล้ว ขอแค่ไม่ทำให้หยางอินปาไม่พอใจ หรือไม่เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปชนนาง แค่นี้ชีวิตน้อย ๆ ของพวกตนก็พ้นจากมือของผู้ครอบครองพลังแห่งวิญญาณแล้ว

อินปาเดินตามหนึ่งชายหนึ่งหญิงเข้ามาในหอจักรวาล พนักงานที่ดูแลร้านรีบเข้ามาประกบตัวเพื่อบริการ แต่ถูกนางยื่นบัตรประจำตัวสมาชิกตระกูลหยางให้ พวกเขาจึงล่าถอยออกไป

หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินเคียงคู่กัน ช่างเหมาะสมราวกับกิ่งทองใบหยก แต่น่าเสียดาย หากว่าชายคนนั้นไม่ใช่คู่หมั้นที่หมั้นหมายกับนางไปเมื่อสามสี่ปีก่อน นางคงจะมองว่าทั้งคู่เหมาะสมกันอย่างยิ่ง

นางเลือกจะไม่เปิดเผยตัวตน แต่เลือกแอบตามพวกเขาเงียบ ๆ ทั้งสองคนเดินไปยังชั้นสามที่เป็นที่ตั้งของลานฟักไข่ หอจักรวาลแห่งนี้มีด้วยกันหกชั้น ชั้นหนึ่งและสองขายพวกยา ยัน อาวุธและวิชาระดับทั่ว ๆ ไป ชั้นสามเป็นที่สำหรับขายไข่สัตว์อสูรและที่สำหรับฟักไข่ ชั้นสี่เป็นชั้นที่ขายวิชาและอาวุธระดับสูง ส่วนชั้นห้าเป็นสถานที่ประมูล และชั้นหกไม่เคยมีผู้ใดได้ขึ้นไป เห็นว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านาย แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน

หนึ่งชายหนึ่งหญิงเดินเข้าไปเลือกไข่สัตว์อสูรท่าทางกะหนุงกะหนิง มีหลายคนมองไปยังทั้งสองคนด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน แต่ทุกคนก็ค่อย ๆ ถอยหนีออกไปราวกับไม่ต้องการเป็นพยานรับรู้เรื่องใด ๆ ทั้งสิ้น

หญิงสาวผู้นั้นชี้ไปยังไข่ใบหนึ่ง มันมีสีขาวอมชมพูน่ารักน่าชัง ดูเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกของนางยิ่งนัก ท่าทางมีความสุขของทั้งสองคนตกอยู่ในสายของของอินปา นางเป็นคู่หมั้นของชายคนนั้น กู้หยาง จากตระกูลกู้ ส่วนหญิงสาว นางไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ใด น่าเสียดายที่นางไม่ค่อยสนใจเหล่าสตรีในเมืองนัก แต่หากถามเรื่องของบุรุษ ยิ่งรูปงามนางก็ยิ่งรู้จักดี

“กู้หยาง ข้าอยากได้ใบนั้น เจ้าว่ามันน่ารักหรือไม่” เสียงอ่อนหวานเจือความออดอ้อนเอ่ยถามชายหนุ่มที่มาด้วยกัน ชายหนุ่มนามว่ากู้หยางมีรูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าค่อนข้างหวานเล็กน้อย หากไม่ติดว่าสันกรามและจมูกของเขาคมสมกับเป็นบุรุษ บวกกับผิวที่ขาวสะอาด ทำให้เขาเป็นหนึ่งในคุณชายหน้าหยกที่ขึ้นชื่อของแคว้นเลยคนหนึ่ง

“มันเหมาะกันเจ้ามาก ตานเอ๋อร์” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าตานเอ๋อร์มีใบหนาเขินอาย ท่าทางพองามนั่นช่างแตกต่างกับคู่หมั้นที่มีแต่ข่าวเสียของกู้หยางเสียเหลือเกิน เห็นแบบนั้นกู้หยางก็ยิ่งหลงใหลสตรีตรงหน้า

เดิมเขาก็ไม่ได้รักหยางอินปาอยู่แล้ว โลกใบนี้แต่งงานกันเพราะผลประโยชน์ทั้งสิ้น ยิ่งตระกูลใหญ่ยิ่งไม่มีทางได้เลือกคนที่ตนเองรักอย่างแท้จริง เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แม้จะน่าเจ็บใจ แต่ทุกคนล้วนรับรู้ ว่าที่เขาได้หมั้นกับอินปา เป็นเพราะนางชี้เลือกเอาเขามาเป็นคู่หมั้น แรก ๆ นางก็มีท่าทางชมชอบเขาดีอยู่หรอก แต่ไม่รู้ทำไม อยู่ ๆ นางก็เริ่มไม่สนใจเขา แต่ไปหมกมุ่นอยู่กับที่สกปรกอย่างโรงระเริงชายนั้นได้

บวกกับไม่ว่าจะทำอย่างไรนางก็ไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้นาง เมื่อมาเจอกับเหลียนมู่ตาน เขาก็มีความคิดที่ว่า ในเมื่อแต่งงานไป อย่างไรก็คงจะแตะต้องตัวนางหรือมีลูกด้วยกันไม่ได้ เช่นนั้นเขาจะสานสัมพันธ์กับมู่ตานย่อมไม่ผิด แต่ท่านพ่อและท่านแม่ก็เอ่ยเตือนให้เขาเกี้ยวนางอย่างระมัดระวัง อย่าให้อินปารับรู้จนกว่าจะแต่งงานกัน แม้ว่าเขาจะไม่สนใจอินปา แต่ก็ไม่ได้โง่จนไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตระกูลกู้ของเขามีหน้าขึ้นมาได้ทุกวันนี้ก็เพราะเขาได้หมั้นหมายกับอินปา เขาจึงยอมทำตัวหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่เช่นนี้

“น่าเสียดาย…เจ้าพวกนี้ราคาแพงจนข้าไม่กล้าจ่ายนี่สิ เช่นนั้นเราไปหาดูทางนู้นดีหรือไม่ ราคาพวกมันไม่ได้แรงมาก หากโชคดีก็คงจะได้สัตว์อสูรหายากมาสักใบ” มือหนาของกู้หยางจับแขนเรียวหอมกรุ่นของนางเอาไว้ ก่อนจะยิ้มอย่างใจดีส่งให้นาง

“ไม่ต้องหรอก ข้าจะซื้อให้เจ้าเอง มาเถอะ เจ้าชอบใบนี้ใช่หรือไม่” ท่าทางใกล้ชิดของทั้งสองไม่ได้ทำให้อินปาหึงหวง แต่นางกลับรู้สึกหมั่นไส้ กล้าดีอย่างไรมาหักหน้านาง หากแอบทำเงียบ ๆ ก็ว่าไปเถอะ แต่ไม่สังเกตรอบตัวเลยหรือว่าพวกเขากำลังมองและซุบซิบเรื่องของทั้งสองคนอยู่ แม้แต่นางที่ยืนอยู่ห่าง ๆ ยังได้ยินเสียงพวกนั้นเข้ามาในหูได้อย่างชัดเจน

***

ไรท์จะเริ่มติดเหรียญอ่านล่วงหน้าตั่งแต่ตอนที่14นะคะ ใครที่กดซื้อไปแล้ว สามารถกลับมาอ่านได้ตลอดเลยไม่ต้องซื้อใหม่ค่า

เดี๋ยวแม่ก็ฆ่าทิ้งซะหรอก

ขงชื่อที่ตามหาคุณหนูจนพบได้แต่มองด้วยความงุนงง ปกติคุณหนูชอบจะเปิดเผยใบหน้าของตนจะตายไป วัน ๆ ส่องแต่กระจก พร้อมถามเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในเงาว่านางงดงามหรือไม่นับสิบรอบ แต่ตอนนี้ ทั้งที่ไม่มีแดด แต่กลับยังใช้ผ้าปิดหน้าอยู่ นี่ไม่ปกติแล้ว แต่จะให้เปิดปากถาม บรรยากาศรอบกายของคุณหนูก็น่ากลัวเกินกว่าจะทำใจกล้าเข้าไปถามตอนนี้

“ไข่จากตรงนั้นราคาสิบเหรียญทอง เจ้าว่าแพงหรือไม่ขงชื่อ” อินปาพูดโดยไม่ได้หันไปมองคนด้านหลัง สายตาของนางมองไปยังหนึ่งชายหญิงที่ทำตัวหน้าไม่อาย อันที่จริงการกระทำแบบนี้ก็ไม่ได้น่าอายหรอก เพียงแต่ว่าหนึ่งในนั้นมีคู่หมั้นแล้วนี่สิ

“สิบเหรียญทอง คุณหนู เงินเล็กน้อยเพียงนั้นจะแพงสำหรับคุณหนูได้อย่างไรขอรับ” เงินสิบเหรียญทอง หากเป็นคนอื่นก็นับว่ามหาศาล แต่สำรับคุณหนูของเขาและผู้ฝึกตนแล้ว เงินเพียงสิบเหรียญทองนั้นนับว่าเป็นเศษเหรียญในกระเป๋าเงินเท่านั้น

“แล้วเหตุใดสตรีนางนั้นจึงบอกว่าเงินไม่พอ” สิ่งหนึ่งที่คนรวยไม่เข้าใจ ขงชื่อมองไปยังทิศทางที่คุณหนูชี้ ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นคุณชายกู้ คู่หมั้นของคุณหนูกำลังทำท่ากะหนุงกะหนิงกับสตรีอื่น เขากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างห้ามไม่อยู่

“คุณหนูขอรับ เรื่องนี้…จะยอมไม่ได้” นั่นแหละ เจ้านายเป็นอย่างไร บ่าวก็เป็นอย่างนั้น ที่อินปาเลือกขงชื่อ คงเพราะขงชื่อไม่เคยขัดใจนาง ไม่ห้าม แต่จะสนับสนุนและช่วยคิดแผนและการกระทำที่ได้ผลและดีที่สุด ตำแหน่งผู้ติดตามจึงตกไปอยู่ที่ขงชื่อ

“แล้วจะทำอย่างไร ข้าไม่ชอบให้คนมองข้าว่าเป็นตัวตลก สองคนนั้นกำลังทำให้ข้าตกเป็นขี้ปากของคนทั้งเมือง…หรือว่า ข้าควรจะสังหารทั้งสองคนนั้นทิ้งเสียตั้งแต่ตอนนี้เลย” สำหรับนาง การสังหารใครสักคนนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายจนน่าใจหาย

“ไม่ดีขอรับ หากคุณหนูลงมือสังหาร คนทั้งเมืองจะยิ่งกลัวคุณหนู ขงชื่อว่า เรารอดูท่าทีของสองคนนั้นก่อนดีหรือไม่ขอรับ ข่าวเสียพวกนั้น ถึงจะสังหารทั้งสองคนไป อย่างไรก็แพร่ออกไปอยู่ดี แถมยังเป็นข่าวประมาณว่า คุณหนูหึงหวงจนลงมือสังหารคู่หมั้นและสตรีอื่นโดยไม่มีหลักฐานมายืนยันให้แน่ชัด คนที่ซวยจะเป็นนายท่านนะขอรับ บ่าวว่ารอดูท่าทีก่อน พรุ่งนี้ก็ไม่สายที่จะแก้แค้นขอรับ” คุณหนูนางนั้น เขาคุ้น ๆ ว่านางมาจากตระกูลใดสักตระกูล แต่จำไม่ได้ว่ามาจากไหน เพราะอย่างนั้นไม่ควรเอาคุณหนูไปเสี่ยงรับโทสะจากตระกูลนั้น

ถึงชื่อเสียงของพลังจะโด่งดัง แต่คุณหนูนั้นยังเด็ก ผู้อาวุโสของตระกูลใหญ่ บางคนอายุเกือบพันปี เพียงแต่ไม่ได้มาออกหน้าให้ใครเห็นบ่อย ๆ เท่านั้น ในเมืองเต็มไปด้วยเสือหมอบมังกรซ่อน ถ้าคุณหนูของเขาเป็นที่หวาดกลัวจริง คนเหล่านั้นคงจะรวมตัวกันกำจัดตั้งแต่ยังเป็นเพียงทารกตัวแดงแล้ว ที่คุณหนูยังรอด เพราะพวกเขาไม่ได้กลัวจริง ๆ มากกว่า

“…ข้าเชื่อเจ้า งั้นกลับ หือ เดี๋ยวก่อน เจ้าดูไข่ในกองตรงนั้น” ในตอนที่กำลังจะหันกลับ สายตาของนางกลับเหลือบไปเห็นไข่ในกองสูงเกือบท่วมหัว ไข่นับพันใบ แต่นางกลับเห็นเจ้าไข่ใบขนาดเท่าขันใส่น้ำใบหนึ่งเตะตาเข้า

“ฟองไหนเล่าขอรับ ในห้องนั้นมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งพันใบ คุณหนู อ้าว” ไม่รอให้ขงชื่อได้พูด อินปาก็ทิ้งเขาไว้ด้านหลัง ส่วนตนก็เดินไปหยิบเอาเจ้าไข่หน้าตาน่าเกลียดนั้นขึ้นมา ท่าทางของมันดูไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง ออกจะ…อัปลักษณ์

“คุณหนู ไข่กองนี้มีราคาเพียงสิบเหรียญเงิน ไปดูกองอื่นกันไม่ดีกว่าหรือขอรับ” ตอนที่ขงชื่อปรากฏตัว คนรอบข้างก็รู้แล้ว ว่าเด็กสาวท่าทางร่ำรวยตัวบางปิดหน้าปิดตาคนนั้นคือใคร แต่เพราะเห็นคุณชายกู้และคุณหนูเหลียนมาด้วยกัน พวกเขาก็ได้แต่ถอยตัวไปดูเหตุการณ์อยู่ห่าง ๆ

“ไม่เป็นไร ราคาไม่ได้วัดว่าเราจะได้ตัวอะไรกลับไปไม่ใช่หรือ ราคาแค่สิบเหรียญเงิน ถือว่าข้าทำเงินร่วงจากกระเป๋าเสื้อก็เท่านั้น เราไม่จำเป็นต้องเสียดายเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ข้ารู้สึกว่าเจ้าไข่นี่มีอะไรดี ๆ สักอย่าง แถมมันยังเรียกร้องข้าแปลก ๆ เอาใบนี้แหละ ไปจ่ายเงินกัน” ขงชื่องุนงง แต่ก็ยอมเดินตามคุณหนูไปอย่างว่าง่าย

“เอ่อ คุณหนูขอรับ เรื่องคุณชายกู้ล่ะขอรับ” ถ้าไปคิดเงิน ก็ต้องเผชิญหน้ากับคุณชายกู้และคุณหนูคนนั้นที่กำลังต่อแถวฟักไข่

“ก็ช่างปะไร ข้าไม่ได้เป็นคนทำผิด เหตุใดต้องหลบซ่อนตัว คนที่ต้องอับอายและหลบซ่อนมันเป็นสองคนนั้นต่างหาก ไปเร็ว”

พออินปาพูดแบบนี้ ขงชื่อก็เห็นด้วยทันที นั่นสิ คนที่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ คือคุณชายกู้ที่ไปสนิทสนมกับสตรีอื่น หาใช่คุณหนูของเขาไม่ คิดได้แบบนั้นเขาก็เดินเข้าไปจ่ายเงินให้คุณหนูอย่างสบายใจ

รอบด้านที่เดิมมีเสียงลุ้นของเด็ก ๆ จากตระกูลร่ำรวยโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น การฟักไข่เป็นกิจกรรมหนึ่งที่พวกเด็กตระกูลใหญ่ชอบเล่นกัน ยิ่งอีกไม่นานก็ใกล้ถึงวันประลองยุทธ์ของรุ่นเยาว์ด้วยแล้ว คุณหนูคุณชายที่หวังจะได้สัตว์อสูรไปช่วยในการต่อสู้ก็ยิ่งหลั่งไหลเข้ามาในหอจักรวาลแห่งนี้

แต่เสียงพูดคุยจอแจก็เงียบลง เมื่อคนมาใหม่นั้นเป็นเด็กสาวที่คนรุ่นเดียวกันล้วนรู้จักดี หยางอินปาผู้ครอบครองพลังแห่งวิญญาณ เรื่องตัวตนของนางนั้นคนเลิกกลัวไปนานแล้ว เพราะท่าทางเจ้าชู้เสเพลของนางนั้นกลบความน่ากลัวไปจนคนแทบจะหลงลืม แต่ที่ทุกคนเงียบ ก็เพราะเมื่อสักครู่นี้ คู่หมั้นของนางอย่างกู้หยางเดินกะหนุงกะหนิงเข้ามาพร้อมคุณหนูรองแซ่หลาน

หนึ่งชายหนึ่งหญิงที่เห็นคนเดินเข้ามาใหม่มือไม้ชาไปหมด โดยเฉพาะกู้หยาง เขาไม่เคยเห็นอินปาโกรธหรือหึงหวง นางเป็นคนอารมณ์ดี ท่าทางที่แสดงออกคือเจ้าสำราญ แต่ข่าวว่านางเผลอสังหารบ่าวหรือคนที่ขัดหูขัดตาตายนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเขาไปตามสืบมาหมดแล้ว หากนางรู้ว่าเขากำลังเกี้ยวพาสตรีอื่นกลางเมือง ไม่ใช่เขาหรอกหรือที่จะเป็นศพรายต่อไป

“ข้าเอาไข่ใบนี้ และก็เรียกคนมาฟักไข่ให้ข้าด้วย” ตอนแรกนางจะกลับเอาไปให้บ่าวที่จวนฟักให้ แต่เพราะอยากจะอยู่กดดันและจับตามองสองคนนั้นให้กระอักกระอ่วนเล่น ๆ

นางไม่ได้ชอบหรือรักกู้หยางหรอก สามีของนางจะต้องเป็นคนที่หล่อเหลาเหนือทุกคน แต่กู้หยางยังไม่ใช่ ตอนที่เลือกเขา ก็เพราะในบรรดาคุณชายที่ท่านพ่อส่งมาให้เลือก มีกู้หยางนี่แหละที่หน้าตาดีที่สุด นางก็เลยรับเอาไว้ก่อนด้วยความเด็ก พอโตขึ้นก็เบื่อหน่าย เพราะแม้แต่โรงระเริงชาย นายโรมเหล่านั้นยังหล่อเหลากว่าคู่หมั้นของนางเสียอีก

ขงชื่อแปลกใจที่คุณหนูไม่โวยวาย แต่นั่นก็ดี เขาเลี้ยงคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก อยากให้คุณหนูโตเป็นผู้ใหญ่จริง ๆ สักที แต่เรื่องที่คุณชายกู้หักหน้าตระกูลหยาง อย่างไรก็ต้องเอาเรื่อง จำได้ว่าทางนั้นเสียค่าสินสอดให้คุณหนูของเขามหาศาล ถ้ามีเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่ว่านายท่านสามารถหาเรื่องยึดของพวกนั้นไว้ได้หรือ ดียิ่ง อยู่ ๆ ก็มีเงินหล่นจากฟ้า

บรรยากาศกระอักกระอ่วนกระจายออกไปทั่วทิศทาง ก่อนจะถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของสัตว์ตัวน้อยที่พึ่งฟักออกมาจากไข่ มันเป็นอสูรสี่ขาชนิดหนึ่ง บอกไม่ได้ว่าคือตัวอะไร คนที่เป็นเจ้านายของมันดูผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เจ้าตัวน้อยพยายามเข้าหาเจ้านายที่ฟักมันออกมา แต่เจ้านายของมันกลับชี้นิ้วสั่งให้พนักงานเอามันขายคืนให้ร้าน นั่นแหละคือสิ่งที่คุณหนูคุณชายทั้งหลายชมชอบ ฟักพวกมันออกมา หากไม่ชอบใจก็ขายคืนให้ร้าน

“ต่อไปเป็นตาของคุณหนูเหลียนมู่ตานขอรับ” เสียงเรียกของพนักงานดังขึ้น ทำให้คนเลิกสนใจคุณชายที่อารมณ์เสียเพราะเปิดได้สัตว์อสูรไร้ค่า แต่หันมาสนใจหญิงสาวนามว่าเหลียนมู่ตานแทน ที่น่าสนใจกว่า เพราะนางคือคนที่มากับกู้หยาง คู่หมั้นของคุณหนูหยาง และตอนนี้คุณหนูหยางก็ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม

“มู่ตานไปสิ ถึงตาของเจ้าแล้ว” เป็นคุณหนูกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะรู้จักกับเหลียนมู่ตาน ทำให้คุณหนูที่ก้มหน้าลงกล้าเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเดินเข้าไปหาไข่อสูรของตน ส่วนคนรอบข้างกลับยิ้มแย้มและรอชมเรื่องสนุกบนความทุกข์ของผู้อื่น

การฟักไข่จำเป็นต้องใส่พลังของคนซื้อเข้าไปด้วยส่วนหนึ่ง เพื่อให้เจ้าตัวในไข่นั้นจดจำได้ว่าใครคือเจ้านายของมัน น่าแปลกที่ใช้คนงานสามคนแล้วไข่ก็ยังไม่ยอมฟักออกมา คนรอบข้างยิ่งสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเข้าไปใหญ่ จากตอนแรกที่สนเพียงเรื่องรักสามเส้าของคนอื่น ตอนนี้ทุกคนพุ่งความสนใจเข้ามาที่ไข่ปริศนาที่กำลังฟักอยู่ใบนี้แทน

“คุณหนูขอรับ ตอนนี้ต้องใช้คนฟักเพิ่มอีก ราคาในการฟักก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย คุณหนูยินดีหรือไม่ขอรับ” เหลียนมู่ตานตื่นเต้นยินดีจนเผลอพยักหน้าโดยไม่ได้คิด ตัวนางเป็นแค่บุตรสาวจากภรรยารอง เงินที่ได้รับต่อเดือนเพียงแค่สิบห้าเหรียญทองเท่านั้น และตอนนี้เงินในมือก็เหลือไม่เท่าไหร่แล้ว แต่เพราะนางมั่นใจว่าไข่ที่กำลังฟักต้องคุ้มค่าอย่างแน่นอน ดังนั้นหากไร้หนทางจริง ๆ เครื่องประดับติดตัวก็คงพอแลกเงินมาจ่ายเพิ่มได้ อย่างไรไข่นี่กู้หยางก็จ่ายเงินซื้อให้นางเพื่อปลอบใจ

เมื่อลูกค้าพยักหน้าตกลง คนงานที่ทำหน้าที่ฟักไข่โดยเฉพาะก็ถูกเรียกออกมาเพิ่มอีก จนครบห้าคน ในที่สุดไข่สีขาวอมชมพูดูน่ารักก็เริ่มมีการตอบสนอง มีแสงสว่างจ้าออกมาจากด้านในไข่ ทำให้ทุกคนต้องหยีตาเพื่อหลบแสงนั้น ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่เหมือนแก้วร้าว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงแก้วที่แตกดังเพล้ง!

น่าตื่นเต้นเสียจริง

“จะ จิ้ง จิ้งจอก จิ้งจอกสีขาวขอรับ ขอน้อยขอไปตามผู้ตรวจสอบมาดูสักครู่ขอรับ” เพราะเหตุการณ์เมื่อครู่มันดูพิเศษเกินกว่าจะเป็นจิ้งจอกธรรมดา คนรอบข้างที่คาดหวังกับสัตว์ในไข่ล้วนแล้วแต่ถอนหายใจ บางคนหัวเราะที่เหลียนมู่ตานต้องจ่ายค่าฟักถึงห้าเท่า แต่กลับได้จิ้งจอกธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น

มีเพียงอินปาเท่านั้นที่ยังคงนิ่ง นางมองจิ้งจอกน้อยที่กำลังคลอเคลียกับมือขาว ๆ บอบนางของเจ้านายที่ให้กำเนิดมัน แต่ละคนคงจะรู้ดีว่าตนไม่ถูกกับสิ่งใด พูดง่าย ๆ ว่านางคือตัวตนหนึ่งของธาตุมืด ส่วนเจ้าจิ้งจอกที่เกิดมาเมื่อครู่ มันเป็นธาตุแสง ความเป็นปรปักษ์ในหัวนางกู่ร้องเตือนว่านี่คือตัวอันตราย

“ขออภัยที่ต้องให้รอขอรับ ข้าน้อยขอตรวจสอบมันสักครู่ อืม…ดูเหมือนจะเป็นจิ้งจอกที่ไม่ธรรมดา โอ้ มันเป็นธาตุแสงที่หายาก ธาตุแสงจริง ๆ ขอรับ คุณหนูโชคดีจริง ๆ เอาล่ะ เรียบร้อยแล้วขอรับ จิ้งจอกตัวนี้เป็นจิ้งจอกเก้าหางที่มีธาตุแสงบริสุทธิ์ขอรับ” สัตว์อสูรธาตุแสง แน่นอนว่าต้องหายาก ออกจะยากมากเลยนั่นแหละ คนรอบ ๆ ถึงกับร้องขอซื้อต่อจากเหลียนมู่ตาน แต่นางกลับยิ้มอ่อนหวาน ในมือโอบอุ้มเอาเจ้าลูกจิ้งจอกที่พึ่งมีเพียงหางเดียวไว้ ก่อนจะปฏิเสธคนอื่น ๆ อย่างมีมารยาท

มีแวบหนึ่งที่เหลียนมู่ตานเหลือบมองนาง อินปาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร อยากจะตั้งตนเป็นศัตรูกับนางเช่นนั้นหรือ กล้าดีนี่นา…ความท้าทายใหม่นี่ทำให้อินปาตื่นเต้น ชีวิตของนางจะไปมีเรื่องท้าทายใด ๆ ครอบครัวก็รักและตามใจ เงินทองมีใช้ไม่ขาดมือ อยากได้อะไรก็มีคนพร้อมใจกันเอามาประเคนให้ การถูกสายตาใสซื่อของเหลียนมู่ตานมองมาแบบนี้ทำให้นางตื่นเต้น อยากจะลงไปเล่นด้วยเสียจริง

“หากคุณหนูอยากขายให้หอจักรวาล ทางเรายินดีรับซื้อในราคาสูงนะขอรับ” หากได้ไป สัตว์ตัวนี้จะต้องถูกนำไปเลี้ยงดูอย่างดี ก่อนจะเอาขึ้นประมูลในราคาสูงลิบแน่นอน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ แต่ข้าอยากจะเลี้ยงมันไว้เอง” คนส่วนมากที่เปิดเจอดี ๆ ก็จะเป็นแบบนี้ ไม่มีใครขายให้ถูกหัวเราะเยาะหรอก

คนรอบข้างที่เห็นว่ามีคนเปิดได้สัตว์อสูรหายากก็กลับไปเลือกไข่มาเสี่ยงดวงบ้าง เผื่อว่าตนเองจะกลายเป็นผู้โชคดีอย่างคนอื่นเขาบ้าง กิจการการค้าขายไข่วันนี้จึงคึกคักกว่าในทุก ๆ วัน

“เช่นนั้นจะฟักของคนต่อไปเลยก็แล้วกันนะขอรับ คุณหนูหยางอินปาขอรับ” ชื่อของหยางอินปาทำให้ทุกคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาหาไข่เงี่ยหูฟัง แต่สายตาก็ยังหาไข่ต่อไป

การฟักไข่ต่อกันแบบนี้ถือว่าเป็นอะไรที่กดดันมาก ยิ่งคนก่อนหน้าได้ของดี ๆ แต่ตัวนางกลับได้เพียงสัตว์ธรรมดา นั่นจะยิ่งขายหน้าและเป็นที่เปรียบเทียบเข้าไปใหญ่ แต่แล้วอย่างไร การเห็นหยางอินปาขายหน้าสักครั้งก็ดีเหมือนกัน คนที่น่าอิจฉามาทั้งชีวิต หากถูกทำให้ขายหน้าบ้างก็คงจะดี

ไม่รู้ทำไมอินปาถึงคาดหวังกับเจ้าไข่ใบนี้นัก คงเพราะนางอยากจะแข่ง สัญชาตญาณของนางกู่ร้องว่า สตรีนางว่าเหลียนมู่ตานต้องการท้าทายตนเอง อินปาเดินเข้าไปใช้มือแตะที่ไข่ ก่อนจะส่งพลังขอตนเองเข้าไปในไข่ แต่เจ้าตัวด้านในกลับดูดพลังของนางจนมือเรียวเผลอกระตุก ยังดีที่ไม่ได้ชักมือออก ในใจของนางสังหรณ์แล้วว่าวันนี้เหมือนจะเป็นวันที่ดีของนาง

คนงานถูกใช้ในการฟักไข่ของเหลียนมู่ตานมากถึงห้าคน แม้ว่าหอจักรวาลจะเตรียมคนไปผลัดเปลี่ยนกัน แต่ทุกคนก็ต้องใช้เวลาในการฟื้นฟู ดังนั้นคนงานที่จะฟักต่อได้จึงเหลือเพียงสามคน ปกติการฟักไข่ก็จะใช้คนเพียงหนึ่งถึงสองคนถ่ายพลังเข้าไปเท่านั้น แต่วันนี้คนกลับไม่พอ คนงานคนสุดท้ายที่ปล่อยพลังเข้าไปในไข่เพื่อให้มันฟักออกมาหน้าซีด เพราะไข่ยังไม่มีท่าทีว่าจะขยับเขยื้อนเลยสักนิด

“คิก คงไม่ใช่ว่านางไปหยิบได้ไข่ที่ฝ่อแล้วหรอกหรือ นี่ก็ใช้คนงานมาสามคนแล้ว เห้อ คนเรามันแข่งดวงแข่งวาสนากันไม่ได้จริง ๆ ไหนข้าขอลูบจิ้งจอกของเจ้าบ้างสิมู่ตาน” เสียงหวานของสตรีกลุ่มที่เข้าไปพูดกับเหลียนมู่ตานก่อนฟักไข่ดังขึ้นแว่ว ๆ มา

อินปาไม่ได้หันไปสนใจ ตอนนี้นางกำลังสนใจเจ้าไข่ตรงหน้ามากกว่า สัญชาตญาณของนางร้องบอกว่ามันมีชีวิตแน่นอน สิ่งที่นางต้องทำก็คือถ่ายพลังและเอามันออกมาให้ได้ หากทำสำเร็จ นางเหมือนจะได้คู่หูที่ทรงพลังเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

“ขงชื่อ ไปรับช่วงต่อ” เมื่อเห็นคนงานหน้าซีด พร้อมทั้งผู้ตรวจสอบที่ยืนทำท่าพะว้าพะวังไม่รู้จะทำอย่างไรต่ออยู่ข้าง ๆ นางเข้าใจดีว่าเจ้าตัวด้านในนี้กินพลังแค่ไหน

ขงชื่อเข้าไปเปลี่ยนมือกับคนงานทันที ในตอนที่เริ่มถ่ายพลัง เขาจึงได้รู้ ว่าเหตุใดเวลาเพียงน้อยนิดถึงต้องใช้คนงานมากถึงสามคน เพราะเจ้าไข่ใบนี้ดูดพลังอย่างตะกละตะกลาม เขาที่มั่นใจว่ามีพลังมากก็ยังตกใจที่ตนถูกสูบออกไปจนเกือบจะกระตุกมือออก

คนรอบข้างเห็นว่านานแล้วไข่ยังไม่มีปฏิกิริยาออกมาจึงคิดว่าอินปาได้ไข่เน่ามา พวกเขาหันไปสนใจจิ้งจอกธาตุแสงของเหลียนมู่ตานกันหมด เหลือไม่กี่คนที่ยังพอจะมีไหวพริบอยู่บ้าง จิ้งจอกแห่งแสงอะไรนั่น หากว่าน่าตื่นเต้นแล้ว แล้วไอ้ตัวที่ดูดพลังจากคนงานออกไปหมดสามคนในเวลาครู่เดียวนี่ล่ะมันคืออะไร

ก่อนที่ขงชื่อจะพลังหมดไปเสียก่อน ในที่สุดไข่ก็เริ่มมีปฏิกิริยา ซึ่งสิ่งที่มันแสดงออกมาก็คือการสั่นเบา ๆ แค่นั้น สั่นเบา ๆ ให้รู้ว่าตนเองยังมีชีวิตอยู่ อินปาเริ่มร้อนใจไม่ไหว นางคิดว่าเจ้าตัวด้านในนี่ต้องไม่ธรรมดา จึงเลือกยื่นมือของตนเข้าไปสัมผัสไข่และส่งพลังเข้าไปให้มัน ก่อนจะกระซิบให้ขงชื่อถอนตัวออกไปและไปส่งศิลาหาคนที่จวนให้มารับ

การได้ของดี ๆ ก็ถือว่าโชคดี แต่จะได้โชคดีกลับบ้านไปด้วยหรือไม่ก็อีกเรื่อง ระหว่างทางโจรจะดักปล้นเอาหรือไม่ก็ไม่มีใครทราบ ดังนั้นนางที่ตั้งใจจะใช้พลังของตนเองฟังมันจึงต้องการคนคุ้มกัน

พลังที่ถูกดูดเข้าไปมากขึ้นเรื่อย ๆ จนอินปาเริ่มหน้าซีด แต่ก่อนที่นางจะทนไม่ไหว เจ้าไข่น้อยก็เริ่มปริแตก ก่อนจะส่งกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนกับซากศพออกมาจนคนรอบ ๆ ต้องยกมือขึ้นปิดจมูก เสียงร้องโวยวายของคนบนชั้นสามดังระงม

เพล้ง! ก๊าาาาาาาซ

เสียงที่ดังออกมาทำให้ทุกคนมั่นใจว่ามันต้องเป็นสัตว์ร้ายอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นกลับเป็นเพียงหนอนหน้าโง่ ๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น แม้แต่อินปาที่มั่นอกมั่นใจยังมีสีหน้าแข็งค้างไปเมื่อเห็นมัน

“หนอน ฮะ คิกคิก หนอนเนี่ยนะ แถมยังเหม็นชวนอ้วกอีก” เสียงหัวเราะคิกคักทำให้อินปาเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่นางก็ยังคงรักษาสีหน้าของตนเองเอาไว้ได้

“ตรวจสอบเจ้านี่เสีย” แม้จับอับอาย แต่นางก็ยังสงวนท่าทีเอาไว้ได้ แถมเจ้าหนอนหน้าตาโง่ ๆ นี่ยังคลานไปคลานมาหนีมือของเจ้าหน้าที่ ก่อนจะนอนหงายท้องให้เจ้าหน้าที่เกาพุงป่อง ๆ นั่นให้

“เอ่อ คุณหนู เหมือนนี่จะไม่ใช่หนอนธรรมดาขอรับ ข้าตรวจสอบไม่ได้ รู้เพียงชื่อเท่านั้นขอรับ มันคือหนอนแห่งความตะกละ คุณหนูคงต้องไปเรียนรู้มันเพิ่มเอาเองขอรับ หรือหากไม่พอใจ ทางเราก็รับซื้อคืนนะขอรับ” หากเป็นปกติอินปาคงจะขายมันคืนให้ร้านนั่นแหละ แต่เพราะตาโต ๆ ที่เหมือนกำลังบีบน้ำตานั่นทำให้นางไม่กล้าขายมันลง

“ไม่ล่ะ เงินแค่เล็กน้อย มันก็ดูน่ารักดี ข้าจะเลี้ยงเอาไว้ดูเล่นก็แล้วกัน”

ถึงนางจะหาข้อแก้ต่างให้ตนเอง แต่คนรอบข้างก็พร้อมใจกันหัวเราะเยาะนางแล้ว ขงชื่อเห็นคุณหนูเอาเจ้าหนอนหน้าโง่นั่นกลับจวนด้วยก็แปลกใจนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะคุณหนูเดินถือเจ้าสัตว์หน้าหนอนนั่นออกไปแล้ว ไม่สนใจแม้แต่คู่หมั้นที่มากับสตรีอื่นที่ยืนทำท่าทางเงอะ ๆ งะ ๆ อยู่เลยสักนิด

อินปากลับถึงบ้านพร้อมกับหนอนตัวสีดำดวงตาก็สีเขียว ๆ ฟ้า ๆ จนกลับมาถึงบ้านนางถึงนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ไปจัดการกู้หยางและสตรีหน้าไม่อาย ไม่น่าอยากแข่งขันเลย

“นี่ เจ้าหนอนซื่อบื้อ ข้ารับเจ้ามาอยู่ด้วยแล้ว หากทำตัวไร้ประโยชน์ล่ะก็ ข้าจะจับเจ้าโยนให้พวกนกกินเสีย เข้าใจหรือไม่” อินปาเขี่ยพุงหนอนน้อยที่กำลังนอนแผ่พุงมาให้ตนเล่นอย่างสบายใจ

“ฮึก” แต่เมื่อเจอคำขู่ว่าจับให้นกกิน ดวงตากลมโตนั่นกลับเริ่มคลอหน่วยน้ำตาขึ้นมาอีกเขา นางได้แต่ถอนหายใจ คงไม่ใช่ส่าได้หนอนขี้แยไร้ประโยชน์มาแล้วหรือไร เห้อ

“คุณหนู เรื่องคุณชายกู้จะเอาอย่างไรต่อขอรับ” ขงชื่อเห็นคุณหนูเริ่มง่วงนอนแล้วก็อยากถามก่อนเจ้านายจะหลับไป

“ก็ต้องฟ้องท่านพ่อกับท่านปู่สิ เรื่องอะไรข้าจะเก็บเอาไว้คนเดียว เจ้านั่นกล้าหักหน้าตระกูลหยาง เช่นนั้นก็ต้องทำใจรับโทสะที่จะตามมา เจ้าเอาเรื่องนี้ไปรายงานท่านพ่อเลย ข้าง่วงมากแล้ว ไม่รู้ทำไม ออกไปได้แล้ว ข้าจะนอนพัก”

“ขอรับ”

อ่านต่อนิยายเรื่องนี้

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0