โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

“กระเช้าลอยฟ้า” ยานพาหนะน่าจับตาของปัจจุบันและอนาคต

นิตยสารคิด

อัพเดต 31 ม.ค. 2567 เวลา 23.28 น. • เผยแพร่ 31 ม.ค. 2567 เวลา 23.28 น.
cable-car-cover

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา คุณเคยขึ้น “กระเช้าลอยฟ้า” ทั้งหมดกี่ครั้ง

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ด้วยสภาพภูมิประเทศของบ้านเราที่ความเจริญจะอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มเป็นส่วนใหญ่ ทำให้ “กระเช้าลอยฟ้า” ไม่ใช่ยานพาหนะที่เป็นที่คุ้นเคยของเราสักเท่าไรนัก และมีเพียงประสบการณ์ไม่กี่ครั้งจากการไปเที่ยวสวนสนุกที่มีกระเช้าลอยฟ้าเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกในการย้ายจากพื้นที่ความสนุกหนึ่งไปยังอีกพื้นที่ หรือบางคนอาจมีประสบการณ์จากการทำกิจกรรมแนวแอดเวนเจอร์ที่มีกระเช้าลอยฟ้าช่วยพาเดินทางข้ามผืนป่าได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายกันมาบ้าง

แต่ข้ามออกไปในอีกซีกโลก ผู้คนนับแสนใช้กระเช้าลอยฟ้าเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งนั่งกระเช้ายามเช้าเพื่อออกไปโรงเรียน ไปทำงาน หรือไปทำธุระในเมือง ตกเย็นก็ตีตั๋วขึ้นกระเช้ากลับบ้านที่มักอยู่ติดกับสถานีรถไฟใกล้ที่ทำงาน เดินทางสัญจรในแบบที่มีกระเช้าลอยฟ้าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันนี้เป็นเส้นทางปกติที่คุ้นเคย ขณะที่ในอีกหลายซีกโลก กระเช้าลอยฟ้าก็ไม่ได้เป็นเพียงยานพาหนะที่แค่พาผู้คนให้เคลื่อนที่ไปยังจุดหมายบนยอดเขาอันสวยงาม แต่เส้นทางสายเคเบิลนี้ยังขับเคลื่อนเศรษฐกิจและชีวิตผู้คนไปพร้อม ๆ กัน

Jack Prommel / Unsplash

กระเช้าลอยฟ้าในเมเดยิน สายเคเบิลที่แล่นนำความเจริญ
กรณีศึกษาแรกเกี่ยวกับการใช้กระเช้าลอยฟ้า หรือเคเบิลคาร์ในชีวิตประจำวันก็คือที่เมืองเมเดยิน (Medellin) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศโคลอมเบีย โดยในช่วงยุค 90 ปลาย ๆ ถึงเริ่มต้นปี 2000 เมืองเมเดยินเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “หนึ่งในสถานที่ที่มีความรุนแรงและอันตรายมากที่สุด” เพราะเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมและยาเสพติดระดับโลก เมืองประสบปัญหาด้านความยากจน และการกีดกันทางสังคม เนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่เป็นภูเขา ทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชุมชนไหล่เขา ไม่สามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะของเมืองได้

ในปี 2004 จึงถือกำเนิด “เมโทรเคเบิล” (Metrocable) หรือกระเช้าลอยฟ้าที่มีจุดหมายหลักเพื่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและไม่ต้องการให้เกิดการแบ่งแยกทางสังคม ผ่านโครงสร้างพื้นฐานอย่างรถสารธารณะ รถกระเช้านี้จึงถูกพัฒนาโดยเชื่อมเข้ากับชุมชนบริเวณภูเขา และมีปลายทางออกไปยังตัวเมือง ทางเท้าสาธารณะ และรถไฟใต้ดิน เพื่อพาผู้คนที่อาศัยอยู่ด้านบนที่สูงกว่า 1 กิโลเมตรจากระดับน้ำทะเล ได้ลงมาใช้ชีวิตที่ใจกลางเมืองโดยไม่มีอุปสรรคอย่างเรื่องความห่างไกลและการเดินทางที่ไม่อำนวย

เมโทรเคเบิลสายแรกของเมืองเมเดยิน คือ “สาย K” มีต้นทางอยู่ที่ Acevedo และปลายทางอยู่ที่สถานี Santo Domingo เชื่อมโยงเมืองทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเข้าไปสู่ใจกลางเมืองโดยผ่าน 12 ชุมชน ให้บริการประชาชนไปมากกว่า 230,000 คน (ตัวเลขปี 2016) ซึ่งต่อมาในปี 2008 เมืองได้เปิดอีกเส้นทางเดินรถอย่าง “สาย J” เพื่อรองรับผู้ใช้บริการจำนวนมากจากสาย K โดยสาย J เดินรถจากสถานี La Aurora ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ไปยังตัวเมืองที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อกับรถไฟใต้ดินได้เช่นกัน โดยตั้งแต่เปิดให้บริการจนถึงปี 2016 เส้นทางสายเคเบิลนี้มีผู้ใช้บริการแล้วกว่า 315,000 คน จาก 37 เขตทั่วเมือง

จาก 2 ชั่วโมง เป็น 1 ชั่วโมง จาก 1 ชั่วโมง เหลือเพียงครึ่งชั่วโมง กระเช้าลอยฟ้ากลายเป็นหนึ่งในขนส่งหลักที่ช่วยให้ชาวเมเดยินประหยัดเวลาในการเดินทางไปได้กว่าครึ่ง และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยค่าโดยสารเพียงรอบละประมาณ 3,000 เปโซ หรือ 30 บาท (ยกเว้นสาย L ที่เป็นเส้นทางพิเศษ)

จุดแข็งของเมโทรเคเบิลในเมเดยินที่ทำให้เมืองไหน ๆ ต่างก็อยากใช้เป็นโมเดลในการปรับปรุงระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะกระเช้าลอยฟ้าก็คือ การมีส่วนร่วมของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโครงการ และการเข้ามาใช้บริการขนส่งเป็นหลักแสนคน จนระบบเดินรถเคเบิลคาร์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั้งภูมิภาค สร้างแรงบันดาลใจให้กับเมืองอื่น ๆ ในแถบละตินอเมริกาที่มีภูมิประเทศ สภาพเศรษฐกิจและสังคมคล้ายคลึงกัน ให้เข้ามาเริ่มศึกษาเรื่องกระเช้าลอยฟ้าเพื่อการคมนาคมทางเลือกที่สะดวกและปลอดภัย เช่น เมืองลาปาซ-เอลอัลโต โบลิเวีย เมืองการากัส เวเนซุเอลา เมืองรีโอเดจาเนโร บราซิล รวมถึงเมืองมานิซาเลส อีกเมืองในโคลอมเบียที่อยู่สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ที่ก็ได้ริเริ่มสร้างเคเบิลคาร์เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทาง และเชื่อมต่อชุมชนรอบนอกเข้ากับใจกลางเมืองด้วยในเวลาต่อมา

https://www.gondolaproject.com/tag/medellin/page/4/

เส้นทางสายเคเบิล สู่ประสบการณ์ใหม่ในต่างแดน
วิวทิวทัศน์ 360 องศาเหนือเมืองนองปิงและเกาะลันเตา รายล้อมด้วยกระเช้าลอยฟ้าขนาดไม่เกิน 10 ที่นั่งที่กำลังเคลื่อนที่ไปตามสายเคเบิลความยาวประมาณ 5 กิโลเมตรกว่า ๆ “นองปิง 360” คืออีกรูปแบบของการนำกระเช้าลอยฟ้าหรือเคเบิลคาร์มาเป็นจุดเช็กอินของนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือนเกาะฮ่องกง เส้นทาง 5.7 กิโลเมตรของที่นี่ได้รับการออกแบบสายเคเบิลแบบสองทิศทางด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย และเป็นที่แรกในฮ่องกง ทั้งยังเป็นเคเบิลคาร์สายคู่ที่ยาวที่สุดในเอเชีย

จุดหมายปลายทางของเคเบิลคาร์สายนี้คือการดื่มด่ำศิลปะพื้นเมืองในหมู่บ้านนองปิง และการแวะสักการะพระพุทธรูปในวัดโป่หลิน ที่นักท่องเที่ยวต้องออกแรงเดินขึ้นบันไดไปอีกราว 200 ขั้น เพื่อไปขอพรกับพระพุทธรูปปางสำริดปางนั่งองค์ใหญ่ที่สุดในโลก ทั้งหมดนี้กลายเป็นแพ็กเกจวันเดย์ทริปที่ใครแวะไปที่ฮ่องกงจะต้องห้ามพลาด นั่นทำให้ในปี 2561 และ 2562 กระเช้านองปิงมีผู้มาเยี่ยมชมมากถึงปีละ 1.8 และ 1.4 ล้านคน ไม่เว้นแม้กระทั่งในปีแห่งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ยังมีนักท่องเที่ยวจากในท้องถิ่นไปเยี่ยมเยือนถึงกว่า 2 แสนคน หรือเฉลี่ยวันละ 1,271 คน

https://www.np360.com.hk/en/cable-car#cabin-2

ข้ามฝั่งไปคาบสมุทรเกาหลี หนึ่งในประเทศท่องเที่ยวสุดฮิตของคนไทย ที่นั่นมี “นัมซานเคเบิลคาร์” (Namsan Cable Car) เส้นทางกระเช้าลอยฟ้าสายเก่าแก่อายุกว่า 60 ปี คอยพาเหล่านักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศขึ้นไปดื่มด่ำกับความสวยงามของวิวจากบนยอดเขาและหอคอย “นัมซานทาวเวอร์” (N Seoul Tower) หอคอยสัญลักษณ์ของกรุงโซลที่มีความสูงจากภูเขานัมซานขึ้นไปอีก 236.7 เมตร หรือสูงถึง 479.7 เมตรจากระดับน้ำทะเล ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของการท่องเที่ยวในกรุงโซลที่ใช้สายเคเบิลและกระเช้าขนาดใหญ่ที่จุคนได้รอบละกว่า 50 คน มาเปลี่ยนยอดภูเขาแห่งนี้ให้กลายศูนย์กลางการท่องเที่ยวของกรุงโซลที่รองรับนักท่องเที่ยวได้เฉลี่ยปีละกว่า 8 ล้านคน

Hongsoek Kim / Unsplash

ยานพาหนะของ “วันพรุ่งนี้”
เราพูดถึงความสะดวกสบายและคุณภาพชีวิตที่มาพร้อมกับการถือกำเนิดของกระเช้าลอยฟ้า แต่ตลอดการมีอยู่ของยานพาหนะชนิดนี้ กระเช้าลอยฟ้ามี “ความยั่งยืน” เป็นหนึ่งในจุดแข็งมาตลอด โดยเมื่อเทียบปริมาณการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในหน่วยกรัมต่อกิโลเมตรจะพบว่า รถยนต์ปล่อยคาร์บอนฯ มากที่สุดคือ 1.45 กรัม รองลงมาเป็นรถบัส 0.21 กรัม รถไฟใต้ดินและรถราง 0.02 กรัม และสุดท้ายคือกระเช้าลอยฟ้าที่ปล่อยคาร์บอนฯ เพียง 0.01 กรัมต่อการเดินทาง 1 กิโลเมตร

กรณีศึกษาเกี่ยวกับความยั่งยืนจากระบบเมโทรเคเบิลในเมืองเมเดยิน ประเทศโคลอมเบียที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ พบว่า ตลอดปี 2553 ถึง 2559 หรือประมาณ 7 ปี ที่ระบบเมโรเคเบิลมีอัตราการขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่ 3,000 คน ต่อชั่วโมง ต่อเส้นทางเดินรถ 1 สาย จะสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปได้มากถึง 121,029 ตัน ทำให้นอกจากประเทศจะได้นำโมเดลการสร้างระบบขนส่งสาธารณะไปใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้คนแล้ว ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลกในการสร้างระบบขนส่งแบบ Zero-Carbon อีกด้วย

นอกจากจะช่วยลดมลพิษทางอากาศแล้ว อีกประเด็นที่เริ่มจะมีความสำคัญในยุคนี้ก็คือ “มลภาวะทางเสียง” เนื่องจากยานพาหนะแต่ละคันบนกระเช้าลอยฟ้าไม่จำเป็นต้องใช้มอเตอร์แยกกัน แต่จะมีระบบขับเคลื่อนกลางที่อยู่ในสถานี จึงทำให้แทบไม่มีเสียงรบกวนตลอดการเดินทางและเป็นมิตรต่อผู้โดยสารและผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียง

กระเช้าลอยฟ้าจึงเป็นยานพาหนะที่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของสังคมแห่งความยั่งยืน ซึ่งกำลังเป็นความใฝ่ฝันของหลาย ๆ ประเทศในโลก ขณะที่ “สังคมผู้สูงวัย” ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กระเช้าลอยฟ้าเป็นยานพาหนะที่มีแนวโน้มว่าจะได้อยู่ในชีวิตประจำวันของเราในอีกไม่นาน จากกราฟอัตราส่วนของผู้สูงวัย (มากกว่า 65 ปี) ของประชากรโลก รวมถึงประเทศไทยที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นในทุก ๆ ปี สวนทางกับอัตราการเกิดของประชากรที่ลดลงเรื่อย ๆ

เพราะท่ามกลางกระแสสังคมที่มีการรณรงค์และเปิดพื้นที่การมองเห็นให้กับสังคมผู้สูงวัยมากขึ้นทุกปี โลกของแบรนด์รอบ ๆ ตัวที่กำลังพุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคสูงวัยจนกลายเป็นเทรนด์ใหม่ในโลกธุรกิจ สังคมแห่งผู้สูงวัยที่กำลังจะเกิดขึ้นนับตั้งแต่วันนี้ และดำเนินต่อไปในวันพรุ่งนี้ จะขาดปัจจัยในเชิงโครงสร้างอย่าง “ระบบขนส่งมวลชน” ที่เอื้อต่อการใช้ชีวิต และการไปไหนมาไหนของผู้คนกลุ่มนี้ไม่ได้เลย

ที่มา : บทความ “Metrocable: the Medellin’s cable car everyone should give a chance” โดย Jorge Santos
บทความ “The Metrocable: transport by urban cable car in Medellín” จาก centreforpublicimpact.org
บทความ “Namsan Tower (N Seoul Tower), Seoul” จาก gpsmycity.com
บทความ “NGONG PING 360” จาก hongkongextras.com
บทความ “CABLE CARS: A LOW-CARBON TRANSIT SOLUTION FOR GROWING CITIES” โดย Jessy Appavoo, Matheus Ortega, Viola Follini และ Conrad Crees
บทความ “CO2 AND NOISE: CABLE CARS HAVE THE BEST ENERGY AND ECO-BALANCE” โดย Thomas Surrer
บทความ “World population age” โดย จาก data.worldbank.org

เรื่อง : N.J.K

Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...

วิดีโอแนะนำ

ข่าว ไลฟ์สไตล์ อื่น ๆ

ผี เด็ก และสัตว์ประหลาด 2025 ปีแห่งเยาวชนในภาพยนตร์สยองขวัญ

The Momentum

ระวัง เปิดแอร์แล้วจามไม่หยุด-กลิ่นเปรี้ยว อันตรายกว่าที่คิด

Khaosod

กินดีไม่จำเป็นต้องแพง เผยลิสต์วัตถุดิบสุขภาพราคาเบาๆ ตัวช่วยลดน้ำหนักที่ควรมีติดครัว

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ROSÉ ขึ้นแท่นศิลปิน Global No.1 ประจำปี 2025 ของ Billboard

THE STANDARD

ภาวะหนังตาตก (Ptosis) ไม่ได้เกิดแค่ผู้สูงอายุ

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์

ขอนแก่นหนาว 18 องศา ดัน "ข้าวจี่ 5 บาท" ขายดีระเบิด! ปิ้งวันละ 2,000 ก้อน โกยเงินหมื่นเข้ากระเป๋า

Thairath - ไทยรัฐออนไลน์
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...