ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้ ศึกชี้ชะตาแชมป์พรีเมียร์ลีก?
ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้มีคู่อภิมหาบิ๊กแมตช์ที่ผลลัพธ์อาจตัดสินแชมป์ของฤดูกาล กับการดวลกันระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่สนามแอนฟิลด์ ในวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม เวลา 22.45 น. ถ่ายทอดสดทางช่องทรู พรีเมียร์ ฟุตบอล 1 และ 2
สถานการณ์ในลีกปัจจุบัน อาร์เซน่อล ซึ่งลงเตะคืนวันเสาร์ เฉือนชนะ เบรนท์ฟอร์ด จนแซงขึ้นจ่าฝูง มี 64 คะแนน จาก 28 นัด เหนือกว่าหงส์แดง 1 แต้ม และเหลือกว่าแชมป์เก่า 3 สมัยซ้อนอย่างแมนซิตี้ 2 แต้ม
หมายความว่าถ้าเกมเตะที่แอนฟิลด์มีผลแพ้ชนะเกิดขึ้น ถ้าทีมชนะเก็บชัยนัดที่เหลือของฤดูกาลได้ทั้งหมดก็จะเป็นแชมป์ทันที ในทางกลับกัน ถ้าผลคู่บิ๊กแมตช์ลงเอยด้วยการเสมอ โมเมนตัมจะตกอยู่กับอาร์เซน่อลทันที เนื่องจากช่วงหลายนัดที่ผ่านมา นอกจากปืนใหญ่จะเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องแล้ว ยังยิงคู่แข่งเป็นว่าเล่น จนผลต่างประตูตอนนี้เป็น +46 ส่วนลิเวอร์พูลผลต่าง +39 และแมนซิตี้ +35 ถ้ามีแต้มเท่ากัน ณ ปัจจุบัน ปืนใหญ่ก็จะได้เปรียบทันที
สำหรับประวัติการเจอกันของคู่นี้ ดวลกันมาทั้งสิ้น 139 นัด หงส์แดงมีสถิติเหนือกว่า ชนะ 67 นัด คิดเป็น 48.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนซิตี้ชนะ 33 นัด และเสมอกัน 39 นัด
หากนับเฉพาะในยุคพรีเมียร์ลีกอย่างเดียว ทั้ง 2 ทีมเจอกัน 53 นัด ลิเวอร์พูลก็ทำได้ดีกว่าเช่นกัน เมื่อเก็บชัยชนะได้ 21 นัด ส่วนซิตี้ชนะ 12 นัด และเสมอกัน 20 นัด
ถ้าวัดกันเฉพาะการเจอกัน 5 นัดหลังสุด ถือว่าผลงานทำได้ดีพอๆ กัน เพราะต่างเก็บชัยชนะฝั่งละ 2 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง แต่ชัยชนะของหงส์แดงครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปเมื่อเดือนตุลาคมปี 2022 ตอนที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวยิงชาวอียิปต์ ทำประตูชัยให้ทีมเฉือนชนะหวุดหวิด 1-0
กระนั้น ประวัติการไปเยือนแอนฟิลด์ของแมนซิตี้ก็ไม่ได้โดดเด่นแต่อย่างใด นับเฉพาะยุคพรีเมียร์ลีก ซิตี้เคยไปเก็บชัยถึงถิ่นลิเวอร์พูลได้เพียง 2 ครั้ง และครั้งสุดท้ายต้องนับย้อนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2021 ตอนที่บุกถล่มอย่างเหนือชั้น 4-1 ในยุคปิดสนามแข่งเพราะสถานการณ์โควิดระบาด
ส่วนการดวลกันนัดล่าสุดระหว่างทั้ง 2 ทีม คือเกมพรีเมียร์ลีกที่เอติฮัด สเตเดียม เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ซึ่งลงเอยด้วยผลเสมอ 1-1 โดย เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ทำประตูให้เจ้าถิ่นในนาที 20 ก่อนที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ จะตีเสมอได้หวุดหวิดในนาที 80
สำหรับสถานการณ์ของทั้ง 2 ทีมก่อนเกมบิ๊กแมตช์ ฝั่งลิเวอร์พูลยังคงเผชิญปัญหานักเตะบาดเจ็บจำนวนมาก ทั้ง อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์, โจเอล มาติป, ติอาโก้ อัลคันทาร่า, เคอร์ติส โจนส์, สเตฟาน บายเซติช และ ดิโอโก้ โชต้า ทำให้ช่วงหลายนัดที่ผ่านมา กุนซือเยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องพึ่งพานักเตะดาวรุ่ง ซึ่งบรรดาแข้งหงส์หนุ่มก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เก็บชัยชนะให้ทีมได้อย่างต่อเนื่อง
ข่าวดีสำหรับคล็อปป์และแฟนๆ หงส์แดงคือ การที่นักเตะแนวรุกหลายคนฟื้นตัวจนกลับมาลงสนามช่วยทีมได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ดาร์วิน นูนเญซ, โดมินิก โซบอสซไล, โม ซาลาห์ รวมถึง ไรอัน กราเฟนเบิร์ช ที่อาการเจ็บจากแมตช์คาราบาวคัพนัดชิงไม่ได้รุนแรงอย่างที่กลัวตอนแรก
ฝั่งแมนซิตี้ กุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีตัวเลือกแทบจะฟูลทีม ล่าสุดเพิ่งเรียกความมั่นใจจากการเอาชนะ เอฟซี โคเปนเฮเก้น 3-1 ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฉลุยเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่อกลางสัปดาห์
บรรดานักวิจารณ์ก็ยกให้ซิตี้ที่กำลังฮึกเหิมได้เปรียบกว่าเจ้าถิ่น เพราะทีมกำลังมุ่งมั่นตั้งใจกับการเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือแชมป์ได้ 4 สมัยติดต่อกัน รวมถึงการประสบความสำเร็จคว้าเทรเบิลแชมป์ หรือกวาด 3 แชมป์ได้ 2 ปีซ้อน หลังจากปีที่แล้วทำสำเร็จกับถ้วยพรีเมียร์ลีก เอฟเอคัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
อย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูลเองก็มีสตอรี่ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะนี่จะเป็นปีสุดท้ายที่แอนฟิลด์ของกุนซือ เยอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งประกาศล่วงหน้าว่าจะอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้ ทั้งคล็อปป์ นักเตะ สโมสร และแฟนๆ ย่อมคาดหวังลึกๆ ในใจที่จะสั่งลาฤดูกาลสุดท้ายของกุนซือชาวเยอรมันด้วยการกวาดแชมป์ให้ได้มากที่สุด ซึ่งหมายถึงการเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้า 4 แชมป์ในฤดูกาลเดียว หลังจากทำสำเร็จไปแล้วก้าวแรกกับถ้วยคาราบาวคัพ
และต้องไม่ลืมว่า แอนฟิลด์ คือหนึ่งในสนามที่ทีมต่างๆ ขยาดที่สุดที่ต้องไปเยือน เพราะบรรยากาศการเชียร์ของแฟนบอลที่มักปลุกขวัญกำลังใจให้นักเตะได้ตั้งแต่ต้นจนจบเกม
ยิ่งมีชัยชนะซึ่งอาจหมายถึงการตัดสินแชมป์เป็นเดิมพัน เหล่า “เดอะ ค็อป” ย่อมจัดเต็มจัดหนักกันอย่างแน่นอน!
อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : ลิเวอร์พูล VS แมนซิตี้ ศึกชี้ชะตาแชมป์พรีเมียร์ลีก?
ติดตามข่าวล่าสุดได้ทุกวัน ที่นี่
– Website : https://www.matichon.co.th
ความเห็น 1