โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ธุรกิจ-เศรษฐกิจ

ทำไม OR เลือก “กัมพูชา” เป็นบ้านหลังที่สอง

ประชาชาติธุรกิจ

อัพเดต 25 ต.ค. 2566 เวลา 10.31 น. • เผยแพร่ 25 ต.ค. 2566 เวลา 09.31 น.

“โออาร์” เดินหน้านโยบายการลงทุนธุรกิจต่างประเทศ ทั้งในส่วนของธุรกิจน้ำมันและค้าปลีก พร้อมประกาศให้ “กัมพูชา” เป็นบ้านหลังที่สอง น่าสนใจว่าทำไม “โออาร์” ถึงเลือกประเทศกัมพูชาเป็นบ้านหลังที่สอง ทั้งที่มีกำลังซื้อจากประชากรแค่ 16-17 ล้านคนเท่านั้น

วันที่ 25 ตุลาคม 2566 นายดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เปิดเผยถึงแผนการขยายธุรกิจของโออาร์ในต่างประเทศ โดยมุ่งเสริมความแข็งแกร่งของการดำเนินธุรกิจในต่างประเทศที่ OR ดำเนินการอยู่ เพิ่มความหลากหลายในการดำเนินธุรกิจ

โดยในการขยายธุรกิจต่างประเทศของโออาร์มี PTT Station และร้านคาเฟ่อเมซอน เป็น backbone หรือกระดูกสันหลัง ก่อนขยายไปสู่สินค้าบริการอื่น ๆ เป็นการนำโมเดลธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในประเทศไทยไปขยายในกัมพูชาและประเทศอื่น ๆ โดยตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มสัดส่วน EBITDA (กำไรก่อนหักดอกเบี้ย+ภาษี) ของกลุ่มธุรกิจต่างประเทศเป็น 15% ในปี 2570 จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 7%

“การดำเนินธุรกิจต่างประเทศไม่ง่าย ต้องเข้าใจทั้งวัฒนธรรมและการเมืองของประเทศนั้น ๆ และสิ่งสำคัญต้องเลือกพาร์ตเนอร์ให้ถูก”

สำหรับการลงทุนต่างประเทศของโออาร์ ตอนนี้มุ่งเน้น 4 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ 1.กัมพูชา ซึ่งเปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของโออาร์ 2.ฟิลิปปินส์ 3.สปป.ลาว และ 4.เวียดนาม ซึ่งทั้ง 4 ประเทศนี้ โออาร์มีการตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อดำเนินธุรกิจ

นายดิษทัตอธิบายว่า กัมพูชาเปรียบเสมือนบ้านหลังที่ 2 ของโออาร์ แม้ว่าเป็นประเทศที่มีประชากรแค่ 16-17 ล้านคน เนื่องจากเป็นประเทศที่โออาร์มีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะเป็นประเทศที่ไม่มีโรงกลั่น ซึ่งหมายความว่าน้ำมันที่ใช้ในกัมพูชาเป็นการนำเข้า 100% ในขณะที่โออาร์ถือว่ามีความได้เปรียบคู่แข่งจากประเทศอื่น ๆ เพราะการขนส่งน้ำมันจากไทยไปกัมพูชามีต้นทุนต่ำกว่าประเทศอื่น ๆ เพราะด้วยระยะทางที่ใกล้ และเป็นการขนส่งน้ำมันทางเรือ

เรียกว่าลงเรือจากศรีราชามากัมพูชาใช้เวลาแค่วันกว่า ๆ แต่ถ้าเป็นการนำเข้าน้ำมันจากสิงคโปร์ต้องใช้เวลาเดินทางราว 3 วัน ขณะที่ประเทศไทยมีโรงกลั่นน้ำมันเยอะ ก็เป็นโอกาสของโออาร์ในการที่จะส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้าน และที่สำคัญคือตลาดน้ำมันในกัมพูชาเป็นฟรีมาร์เก็ต ไม่มีการคุมราคาขาย ทำให้ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันมีอัตรากำไรที่ค่อนข้างดี นอกจากนี้กฎหมายของกัมพูชาก็เปิดกว้างสำหรับการลงทุนของบริษัทต่างชาติ

“ขณะนี้โออาร์มีแผนขยายการลงทุนในกัมพูชาหลายโครงการ ทั้งนี้ไม่ใช่ว่ากัมพูชาสำคัญกว่าประเทศอื่น แต่วันนี้ถึงเวลาลงทุนในกัมพูชา”

นายดิษทัตกล่าวว่า ปัจจุบันในกัมพูชาโออาร์มีสถานีบริการพีทีที สเตชั่น 169 สาขา และคลังเก็บน้ำมัน 7 แห่ง และกำลังหาพื้นที่เพื่อขยายการลงทุนสร้างคลังน้ำมันขนาดใหญ่กว่าที่มีอยู่เดิม 2-3 เท่า รวมถึงคลังน้ำลึก และคลังก๊าซ LPG เพื่อรองรับแผนขยายธุรกิจก๊าซแอลพีจีในกัมพูชา

จากที่ผ่านมาได้ร่วมลงทุนในบริษัทร่วมค้า เพื่อให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ณ สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ในกรุงพนมเปญ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างก่อสร้าง มีกำหนดแล้วเสร็จไตรมาส 3 ปี 2567 สำหรับกลุ่มธุรกิจไลฟ์สไตล์ (น็อนออยล์) ในกัมพูชา ขณะนี้มีร้านคาเฟ่อเมซอนอยู่ 231 สาขา และร้านสะดวกซื้อ 65 สาขา รวมถึงแสวงหาโอกาสในการดำเนินธุรกิจพลังงานอื่น ๆ

ทั้งนี้บริษัท PTT (CAMBODIA) Limited ซึ่งเป็นบริษัทลูกของโออาร์ ได้มีการตั้งสำนักสาขาเพื่อดำเนินธุรกิจในกัมพูชาตั้งแต่ปี 1995 และได้เปิดร้านคาเฟ่อเมซอนสาขาแรกในกัมพูชาเมื่อปี 2013 ซึ่งได้รับการตอบรับจากชาวกัมพูชาจำนวนมาก ทำให้ปัจจุบันมีการขยายไปแล้วถึง 231 สาขา รวมถึงการขยายธุรกิจร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ และในปี 2023 นี้ก็ได้เริ่มดำเนินธุรกิจอีวี โดยเปิดสถานีชาร์จไฟฟ้า EV Station PluZ 3 แห่ง และสถานี battery swapping สำหรับรถสามล้ออีวี รวมถึงการร่วมกับพันธมิตรเปิดร้านสะดวกซัก Otteri wash & dry แห่งแรกในกัมพูชา

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...