ข้อมูลเบื้องต้น
นิยายแปลเกาหลี ภารกิจพลิกชีวิตไอดอล
손맛으로 구제하는 망돌 인생
*** ลิขสิทธิ์ถูกต้องภายใต้หจก. EnJoyBook ***
ได้รับลิขสิทธิ์ออนไลน์ (Digital license) สำหรับแปลขายลงบนเว็บไซต์ได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ 100%
สงวนลิขสิทธิ์
ผู้แต่ง : 메로나르 (MELONAR) ผู้แปล : ทีมงาน Enjoybook
เรื่องย่อ
อิมฮยอนซอง ซีอีโอที่ประสบความสำเร็จถูกครอบครัวหักหลังและเสียชีวิตกะทันหัน เขาได้เจอกับ [ระบบสร้างสุขสมปรารถนาแกมวลมนุษย์] และได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในร่างชอนอีเซ ไอดอลเมนแดนซ์แห่งวงไคลแม็กซ์ที่อยู่ในช่วงขาลง เพื่อปฏิบัติภารกิจจนกลายเป็นไอดอลที่ประสบความสำเร็จและกลับไปแก้แค้นคนที่ฆาตกรรมเขา
บทนำ
บทนำ
ความสำเร็จหอมหวาน แต่ชีวิตขมขื่น
อิมฮยอนซอง ผู้สร้างตำนานเปิดแฟรนไชส์ร้านอาหารที่สั่นสะเทือนวงการไปทั้งประเทศเกาหลี ในขณะนี้ เขากำลังจะต้องจมลงสู่ก้นทะเลกลายเป็นศพนิรนามศพหนึ่ง
นี่เราต้องมาตายแบบนี้จริง ๆ เหรอเนี่ย?
น้ำทะเลไหลทะลักเข้ามาในจมูกของผม ประสาทสัมผัสทั้งหมดในร่างกายหยุดทำงาน
ผมกำลังนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่แม่เลี้ยงของผมพูด ก่อนที่เธอจะผลักผมตกหน้าผา
"ฮึ่ย ฉันก็ไม่อยากทำแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ! นี่เป็นความผิดของแกคนเดียว ถ้าแกให้เงินพวกเรา เรื่องราวก็คงไม่เป็นแบบนี้!"
แต่นั่นเป็นแค่ข้อแก้ตัวชัด ๆ ตอนที่ผมเป็นนักเรียน แม่ของผมเสียชีวิตในโรงพยาบาล แล้วพ่อก็พาแม่เลี้ยงมาเปิดตัวในอีก 1 ปีหลังจากนั้น นี่คือความประทับใจแรกแย่ ๆ ที่ผมมีต่อเธอ
เธอมักจะดูแลลูกชายของตัวเองกับผมแตกต่างกันเสมอ ผมเติบโตขึ้นมาในครอบครัวที่เย็นชาและขมขื่น
ถ้าผมสามารถเปิดใจยอมรับเธอได้สักครึ่งหนึ่ง ถ้าผมจะทำเหมือนตัวเองเป็นลูกแท้ ๆ ของเธอ เรื่องราวทั้งหมดนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้มันสายเกินไปแล้ว
ผมเติบโตขึ้นมาโดยที่มีแม่เลี้ยงคอยกดขี่อยู่เสมอ และเมื่อผมบรรลุนิติภาวะ ผมก็รีบใช้สิทธิ์ขอแยกตัวออกมาจากครอบครัวทันที ดูเหมือนพวกเขาจะไม่เสียใจเลยสักนิด
จนกระทั่งผมกลายเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ
ผ่านไป 20 ปี ผมกลายเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังในวงการอาหาร ในช่วงเวลาระหว่างนี้ พวกเขาไม่เคยช่วยเหลือผมเลย
พวกเขาทำเป็นอยู่เพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากการที่แม่เลี้ยงของผมกับลูกชายของเธอเริ่มขอเงิน และถึงกับขอใช้ชื่อผมไปเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง
แต่ก็ไม่น่าประหลาดใจสักเท่าไหร่ที่บริษัทของแม่เลี้ยงผมจะล้มเหลวไม่เป็นท่า สุดท้าย ทุกอย่างก็จบลงด้วยการฟ้องร้อง
ส่วนพ่อของผมก็มีอายุได้ 70 ปีแล้ว และเขาต้องพลอยมาเดือดร้อนไปด้วย พ่อเอาแต่พูดย้ำเสมอว่าเขาเสียใจขนาดไหน ซึ่งเป็นอีกครั้งที่พ่อเลือกครอบครัวใหม่ ไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆ อย่างผม
สุดท้าย ผมก็ต้องมีเรื่องฟ้องร้องกับครอบครัวของตัวเอง
ตอนที่ผมยังเด็ก ผมไม่รู้เลยว่าแม่เลี้ยงที่คอยกดขี่ข่มเหงผมเหมือนไม่ได้เป็นมนุษย์ด้วยกันนั้นจะมีความไร้ยางอายถึงเพียงนี้ เธอและลูกชายสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อเงิน
การฟ้องร้องกินเวลาหลายปี มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้น และด้วยความที่ต้องบริหารร้านไปพร้อมกับดูแลเรื่องการฟ้องร้อง สภาพจิตใจและสภาพร่างกายของผมก็เริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
ผมจำเป็นต้องหาเวลาพักให้กับตัวเอง ผมจึงมาพักร้อนที่บ้านพักริมชายหาด
แต่แม่เลี้ยงผมก็ตามมารังควานจนได้
ในวินาทีที่ผมเปิดประตู ชายฉกรรจ์สองคนก็ทุบผมจนสลบอยู่ตรงหน้าประตูนั้นเอง
พวกเขาลักพาตัวผม จับตัวผมมาที่ริมหน้าผา ก่อนจะโยนผมทิ้งทะเล
"ขอแค่แกหายไป! พวกเราก็มีความสุขแล้ว!"
ถ้าผมตายแบบนี้ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของผมก็จะตกเป็นของพ่อผมทันที เพราะพ่อเป็นญาติทางสายเลือดคนเดียวที่ผมเหลืออยู่
"ฉัน… ฉันพาบริษัทโจยองฟู้ดมาถึงจุดนี้ได้ยังไง… ฉันนี่มันโง่จริง ๆ…"
ความคิดมากมายปรากฏขึ้นในหัวสมองของผมขณะที่น้ำทะเลกลืนกินไปทั่วร่างกาย ผมหลับตาลง รู้สึกได้ถึงน้ำทะเลเย็น ๆ ที่ไหลทะลักเข้าปอด
…
[คุณสามารถเริ่ม ‘ภารกิจพิเศษ - ไอดอล, ชอนอีเซ’ ได้ ณ บัดนี้]
[ต้องการเริ่มภารกิจเลยหรือไม่?]
บทที่ 1 : ราคาของการเกิดใหม่เป็นไอดอล
บทที่ 1 : ราคาของการเกิดใหม่เป็นไอดอล
เมื่อผมลืมตาขึ้น ผมก็อยู่ในสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่ง
รอบกายมีแต่แสงสีฟ้า ที่นี่เหมือนกับลอยอยู่ในอากาศ ไม่มีสิ่งใดให้สองเท้าเหยียบยืน ดูเหมือนที่นี่จะไม่มีแรงโน้มถ่วงเช่นกัน
ผมไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อผมมองไปรอบตัว ผมก็เห็นหน้าต่างข้อความเด้งขึ้นมาอยู่ตรงหน้าพอดี
"นี่มันอะไรกันเนี่ย…?"
[ต้องการรับภารกิจพิเศษหรือไม่?]
[ตกลง / ปฏิเสธ]
นี่ผมตายแล้วใช่ไหม? ที่นี่ก็คือโลกหลังความตายงั้นสินะ
ผมมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
แต่แล้วในทันใดนั้นเอง ผมก็เห็นลูกหมาตัวเล็ก ๆ นั่งอยู่ใต้หน้าต่างข้อความนั้น
มันเป็นหมาหูกาง ขาสั้น ขนดกหนาสีขาวปนน้ำตาล จมูกยาว นี่คือสุนัขสายพันธุ์เวลช์คอร์กี้ที่ผมเคยเห็นแต่ในทีวีเท่านั้น
"ภารกิจพิเศษอะไรเนี่ย?"
หลังจากนั้น เจ้าหมาก็เห่าตอบกลับมา เหมือนกับว่ามันรอให้ผมถามอยู่แล้ว
โฮ่ง!
ในเวลาเดียวกับที่เจ้าหมาเห่า ซึ่งเอาจริง ๆ มันก็ไม่มีเสียงหรอก และหน้าต่างข้อความที่อยู่ข้างหน้าผมก็มีข้อความใหม่ปรากฏขึ้น
[ภารกิจพิเศษ : ไอดอล, ชอนอีเซ]
[คุณคือซีอีโอของบริษัทโจยองฟู้ด เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ แต่ถูกฆาตกรรมโดยครอบครัวของตัวเองที่ไม่ยอมแบ่งสมบัติให้]
นี่ผมฝันอยู่ใช่ไหม? ผมนี่มันตายอย่างโง่ ๆ โดยแท้…
ความจริงผมก็อยากปฏิเสธ แต่ก็คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้อยู่ดี สุดท้ายผมก็พยักหน้า
[เมื่อเป็นเช่นนี้ ทรัพย์สินทั้งหมดของคุณก็จะตกเป็นของบิดาคุณไปโดยปริยาย]
ใช่สิ มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว
[มีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่ต้องตายอย่างน่าเศร้าเช่นเดียวกัน]
แล้วรูปของชายหนุ่มที่หล่อเหลาคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนฝั่งหนึ่งของหน้าต่างข้อความ ผมคิดว่าตัวเองเคยเห็นผู้ชายคนนี้จากที่ไหนสักแห่ง…
แต่ผมก็นึกไม่ออกว่าเขาเป็นใคร ดูเหมือนผมจะไม่ค่อยสนิทกับเขาสักเท่าไหร่
[ชอนอีเซ ไอดอลที่เดบิวต์มา 5 ปี แต่ยังไม่ดังสักที เขาพยายามฆ่าตัวตายเพราะปัญหาส่วนตัว อาการขณะนี้อยู่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย]
"แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย?"
ไอดอลเหรอ…ไม่ใช่วงเกิร์ลกรุ๊ปด้วย พ่อหนุ่มคนนี้อยู่คนละโลกกับผู้ชายอายุ 40 กลาง ๆ อย่างผมโดยสิ้นเชิง
[กรุณาอ่านข้อความให้จบ สอบถามเมื่อมีข้อสงสัย]
แฮรรรรรร่…
เจ้าหมาที่นั่งอยู่ข้างหน้าต่างข้อความจ้องมองมาที่ผมเล็กน้อย
มันอวดเขี้ยวสีขาวที่หลายคนเห็นคงขยาด
แม้หน้าตาของมันจะดูไม่สบอารมณ์ แต่หางปุกปุยก็ยังกวัดแกว่งอยู่ตลอดเวลา ดูเหมือนมันคงไม่ได้โกรธแค้นอะไรผมจริง ๆ หรอก
ผมเดาะลิ้นแล้วเลื่อนสายตาอ่านข้อความ
"ไหนดูซิ…"
เมื่อเลื่อนสายตาลงไป ผมก็เห็นบันทึกชีวิตของชายหนุ่มที่มีชื่อว่าชอนอีเซ
ชอนอีเซเดบิวต์ในฐานะเมนแดนซ์*[1]ประจำวงไอดอลชายวงหนึ่ง แต่วงของเขาไม่เคยมีชื่อติดท็อปชาร์ต 100 เพลงฮิตเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพลงที่ได้อันดับสูงที่สุดของวงก็คือเพลงเดบิวต์ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีใครสนใจความสดใหม่ของวงไอดอลหน้าใหม่วงนี้อีกแล้ว
แล้วเหตุการณ์ก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเมื่อเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่ไม่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน…
แต่ร่างกายของเขาเริ่มเคลื่อนไหวได้ไม่สะดวกเหมือนเดิม
ปัญหาจึงเริ่มขึ้น
เขาไม่ใช่คนเสียงดี เขาไม่ใช่คนตลก และเขาก็ไม่สามารถเต้นได้เหมือนเดิมอีกแล้ว ดังนั้น ชอนอีเซจึงรู้สึกมืดแปดด้าน
เพราะอาวุธเดียวที่เขามีก็คือการเต้น ถ้าเต้นไม่ได้ เขาก็ไม่มีความมั่นใจที่จะขึ้นเวทีอีกครั้ง
"แต่ก็ไม่ได้ถูกไล่ออกสักหน่อยนี่"
ตอนแรก ชอนอีเซแจ้งกับทางต้นสังกัดว่าจะขออนุญาตพักจากการร่วมกิจกรรมกับทางวงไปก่อนสักระยะหนึ่ง
ต้องขอบคุณที่บริษัทต้นสังกัดของเขาอยู่ในเครือของบริษัทชอนซูกรุ๊ป ซึ่งหัวหน้าใหญ่ก็คือพ่อของเขาเอง
หากไม่ได้เป็นเพราะปัจจัยข้อนี้ เขาก็คงต้องถูกบีบออกจากวงอย่างแน่นอน เพราะการเป็นไอดอลที่ไม่มีชื่อเสียงคือเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด
แน่นอนว่าม้าที่บาดเจ็บสมควรได้รับเวลาพักฟื้น…ทุกคนคิดว่าการพักผ่อนครั้งนี้จะทำให้ชอนอีเซพบเจอทางออกของปัญหา
เพียงมองดูก็รู้ว่า ในชีวิตของชอนอีเซ เขาไม่ต้องการสิ่งใดนอกจากการเป็นไอดอล ถ้าเขาต้องสูญเสียความฝันไปทั้งที่ยังมีอายุเพียงเท่านี้ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากจริง ๆ
ผมพยักหน้าและอ่านข้อความต่อไป
[ระบบสร้างสุขสมความปรารถนาแก่มวลมนุษย์ของพวกเราจะมอบโอกาสให้คุณอิมฮยอนซองได้ช่วยเติมเต็มความฝันของชอนอีเซ]
[ลูกค้า : ชอนอีเซ]
[ความปรารถนา : เป็นไอดอลที่ประสบความสำเร็จ]
[ลูกค้า : อิมฮยอนซอง]
[ความปรารถนา : แก้แค้นแม่เลี้ยง]
[ถ้าคุณสามารถทำภารกิจได้สำเร็จ เราก็จะมอบโอกาสให้ความปรารถนาของอิมฮยอนซองได้กลายเป็นจริง]
นี่มันอะไรกันเนี่ย
โฮ่ง!
มวลอากาศสั่นไหวเล็กน้อย แล้วผมก็ละสายตาจากหน้าจอข้อความ จ้องมองไปที่เจ้าหมาเหมือนมันกำลังเรียกผมอยู่
ไม่นะ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
"โอกาสงั้นเหรอ? พวกคุณจะส่งผมกลับไปเกิดใหม่หรือไง?"
[คุณเสียชีวิตแล้วจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะกลับไปเกิดใหม่]
"งั้นผมจะแก้แค้นได้ยังไง?"
[หลังจากที่คุณกลายเป็นชอนอีเซ และทำความฝันของเขาให้เป็นจริงได้สำเร็จ ความปรารถนาของอิมฮยอนซองก็จะกลายเป็นจริงเช่นกัน]
ผมจ้องมองหน้าต่างข้อความที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าด้วยความสงสัย
"หมายความว่า…ถ้าผมกลายเป็นไอดอลหนุ่มที่มีชื่อเสียงโด่งดังและประสบความสำเร็จได้เมื่อไหร่ พวกคุณก็จะมอบโอกาสให้ผมได้แก้แค้นครอบครัวตัวเองงั้นสินะ?"
"แต่น แต่น แต๊น…ถูกต้องนะคร้าบบบ!"
แต่น แต่น แต๊นกับผีน่ะสิ ผมถอนหายใจให้กับสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ ผมไม่เข้าใจอะไรอีกแล้ว เช่นเดียวกับที่ผมไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วเหมือนกัน นอกจากบริษัทแฟรนไชส์ร้านอาหารที่ผมสร้างพวกมันขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจเป็นเวลากว่า 20 ปี
"พวกคุณคงไม่ได้มอบโอกาสนี้ให้ผมฟรี ๆ หรอกใช่ไหม หมายความว่า…"
[เวลาในการรับภารกิจเหลือ 10…]
ผมยังพูดไม่ทันจบ หน้าต่างข้อความก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าผมอีกครั้ง
"10 นาทีงั้นเหรอ?"
[9… 8… 7…]
"เฮ้ย? นี่มันอะไรกันเนี่ย? ผมจะเชื่อพวกคุณได้จริงเหรอ…!"
ในขณะนี้ ตัวเลขก็กระโดดข้ามไป
[3… 2…]
"ทำไมถึงข้าม 6 ถึง 4 ไปละโว้ย! ไอ้พวกหลอกลวง!"
[…1!]
[ขอบคุณที่ตอบรับทำภารกิจ ระบบสร้างสุขสมความปรารถนาแก่มวลมนุษย์ซาบซึ้งใจต่อความพยายามของคุณเป็นอย่างยิ่ง พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างภารกิจที่น่าพึงพอใจต่อไป]
"ใครบอกว่าจะรับทำกันวะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย…!"
ก่อนที่ผมจะทันได้โต้แย้ง รอบกายผมก็เริ่มมืดมิด ผมหลับตาลง รู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังจะหมดสติไป
โฮ่ง!
เสียงสุนัขเห่าอย่างตื่นเต้นดังมาจากที่ไหนสักแห่ง
[1] เมนแดนซ์ (Main Dance) หรือนักเต้นหลักของวง คือสมาชิกในวงที่มีทักษะการเต้นอันโดดเด่น
บทที่ 2 ภารกิจฝึกสอน 1 (1)
บทที่ 2 ภารกิจฝึกสอน 1 (1)
เมื่อผมลืมตาขึ้นมา ผมก็เห็นเพดานห้องที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
"นี่มันที่ไหนอีกล่ะเนี่ย?"
ตอนแรกผมลองขยับแขน แต่แขนก็ขยับไม่ได้ ผมรู้สึกเจ็บปวดที่ศีรษะอย่างรุนแรง ทำให้ต้องทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอีกครั้ง
ผมนอนนิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่แบบนั้น รู้สึกเวียนหัวตาลาย คล้ายกับอยากอาเจียน เหมือนกินอะไรบางอย่างที่ผิดปกติเข้าไป แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ผมพยายามม้วนตัวลงจากเตียง ไม่รู้เลยว่าอาการเวียนหัวตาลายจะหายไปหรือไม่
"หรือว่าเราจะเข้ามาอยู่ในร่างของชอนอีเซ?"
ดูเหมือนอาการจะดีขึ้นเล็กน้อย แต่ผมก็ยังคง…ผมซวนเซขณะที่พยายามจะลุกขึ้น
[สวัสดี อิมฮยอนซอง ขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณสามารถทำก้าวแรกในฐานะของชอนอีเซได้สำเร็จแล้ว]
ผมยังไม่ทันจะได้ทำก้าวแรกอะไรทั้งนั้น
แต่ก่อนที่ผมจะตั้งสติได้ หน้าต่างข้อความที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แสงสว่างของมันดึงดูดสายตาผมเหลือเกิน
และข้างหน้าต่างข้อความก็มีเจ้าลูกหมาที่ผมเคยเห็นมาก่อน มันห้อยสร้อยคอที่เขียนว่าเลเวล 1 เอาไว้ ผมไม่เคยเห็นสร้อยคอเส้นนี้มาก่อน
"นี่ฉันกลายเป็นวัยรุ่นอายุ 20 จริง ๆ เหรอ?"
เจ้าหมากระดิกหางเหมือนรอคอยคำตอบอยู่ก่อนแล้ว หน้าต่างข้อความเกิดการสั่นไหวเล็กน้อย แล้วข้อความใหม่ก็ปรากฏขึ้น
[ถูกต้อง! สนใจทำแบบทดสอบการทำภารกิจเพื่อความราบรื่นในอนาคตหรือไม่?]
[ตกลง / ปฏิเสธ]
ผมเป็นคนที่ยอมรับความจริงเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
"เดี๋ยวก่อนนะ ฉันขอถามหน่อย แล้วตอนนี้ร่างกายที่แท้จริงของฉันอยู่ที่ไหน?"
พูดออกไปแล้วผมก็รู้สึกแปลก ๆ ผมพูดเหมือนตัวผมเองตายไปแล้ว ไม่มีความหวังที่จะกลับเข้าร่างเดิมอีก…แต่ถึงกระนั้น ผมก็ยังต้องตรวจสอบดูก่อน
ในทันใดนั้น
คำตอบไม่ได้ปรากฏขึ้นบนหน้าต่างข้อความ แต่โทรทัศน์ในห้องกลับเปิดขึ้นมาโดยที่ผมไม่ได้กดเปิด
โฮ่ง!
เจ้าหมาเห่าเงียบ ๆ พยักหน้าไปทางหน้าจอโทรทัศน์
[อิมฮยอนซอง ซีอีโอบริษัทโจยองฟู้ด ผู้นำด้านธุรกิจอาหารเกาหลีระดับโลกและกิจการในเครืออีกมากมายถูกพบเป็นศพเมื่อเช้านี้]
[บิดาผู้ให้กำเนิดของเขา อิมซองฮวานจะเข้ามารับหน้าที่ดูแลธุรกิจที่มีเครือข่ายทั่วประเทศในฐานะเจ้าของกิจการคนใหม่ต่อไป และงานศพของนายอิมฮยอนซอง คาดว่าจะมีผู้มาเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก]
"ให้ตายเถอะ…ฉันตายแล้วจริง ๆ สินะ"
ก่อนหน้านี้ พวกเขาบอกผมแล้วว่าการที่ผมจะกลับไปเกิดใหม่ในร่างเดิมนั้นเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็ยังแอบหวังอยู่ดี… และการต้องมานั่งดูข่าวการตายของตัวเองในร่างของคนอื่นผ่านหน้าจอทีวี มันก็เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาดชอบกล
ผมเห็นพ่อของตัวเองยืนถือรูปถ่ายของผมด้วยสีหน้าเศร้าโศก แม่เลี้ยงของผมร้องห่มร้องไห้อยู่ข้าง ๆ คอยปกป้องพ่อผมไม่ยอมห่าง
เธอร้องไห้อย่างน่าสงสาร เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองพูดถึงความดีของผมด้วยความซาบซึ้งใจ
"เล่นละครกันทั้งนั้น"
ผมรู้สึกอยากจะมุดเข้าไปในทีวีและกระชากหน้ากากคนพวกนี้ออกมาให้หมด
[คำเตือน : คุณไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความปรารถนาของอิมฮยอนซองได้ เว้นแต่ว่าคุณจะทำภารกิจสำเร็จแล้วเท่านั้น]
หน้าต่างข้อความขึ้นคำเตือนสีแดงตรงหน้าผม เหมือนกับว่ามีใครบางคนอ่านใจผมอยู่อย่างนั้นแหละ
"เฮ้อ ฉันแค่คิดเฉย ๆ ! แค่คิด!"
ดังนั้น สรุปว่าผมกลับมามีชีวิตอีกครั้งในร่างของคนอื่น
และผมคงกลับไปแก้แค้นไม่ได้ นอกจากจะทำตามความฝันของเจ้าของร่างนี้ให้สำเร็จเสียก่อน
เมื่อไม่มีสิ่งใดให้หาข้อมูลอีก หลังจากที่ผมตั้งสติได้แล้ว ผมก็ถามเจ้าลูกหมาว่า
"มีเรื่องมากมายที่ฉันอยากจะถามแก แต่พวกแกมีสัญญาไหม? ถ้าฉันทำภารกิจไม่สำเร็จในระยะเวลาที่กำหนด จะมีบทลงโทษหรืออะไรตามมาหรือเปล่า"
แม้ว่าผมคนเดิมจะตายไปแล้วและได้มาอยู่ในร่างของคนใหม่ แต่วิญญาณนักธุรกิจยังตามตัวผมมาเสมอ รายละเอียดในสัญญาคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกิจ
หลังจากนั้น เจ้าลูกหมาก็เกิดอาการผิดปกติ มันล้มลงไปนอนหงายท้องอยู่บนพื้น ท่าทางวิตกกังวล
หน้าจอทีวีดับวูบลง
[กรุณารอสักครู่ พวกเรากำลังเขียนรายละเอียดในสัญญา เวลาในการรอคอย : 3 นาที]
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
ผมหรี่ตาลงและหันหน้ามองไปทางกระจกที่ตั้งอยู่ข้างเตียง แล้วผมก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาดีมีผิวพรรณขาวเนียนจ้องตอบกลับมาในกระจก
ทันทีที่ผมเห็นเงาในกระจก ผมก็จำได้ว่าตนเองได้กลายเป็นคนที่มีชื่อว่าชอนอีเซเรียบร้อยแล้ว
ผมเคยเห็นเด็กคนนี้ในรายการวาไรตี้ แต่เขาก็ถูกเพื่อนร่วมวงคนอื่น ๆ กลบรัศมีหมด
และเขาก็ได้ออกหน้าจอไม่บ่อยนัก เพลงที่ปล่อยออกมาก็ไม่ค่อยดัง ผมก็เลยไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเขาอีกแล้ว
"หน้าตาก็ดูดีแฮะ แถม…ยังอยู่ในบ้านที่น่าอยู่ด้วย"
ห้องพักดูจะมีขนาดใหญ่โตเกินกว่าที่ชายหนุ่มคนนี้จะอยู่เพียงลำพัง และถึงแม้จะเพียงกวาดตาดูผ่าน ๆ เท่านั้น ผมก็ทราบแล้วว่าเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องล้วนเป็นของราคาแพงทั้งนั้น
"ลองเดินสำรวจดูดีกว่า"
ผมรู้สึกเหมือนนี่ไม่ใช่ความจริง เหมือนผมกำลังอยู่ในความฝัน แต่ความรู้สึกที่ร่างกายกำลังสัมผัส ยืนยันว่าทั้งหมดนี้คือความจริง
ผมพยายามถ่ายเทพละกำลังลงไปที่สองขาและเคลื่อนไหวร่างกาย
หลังจากนั้น
ผมก็ล้มโครมลงไปทันที
[การฟื้นฟูร่างกายยังไม่เสร็จสมบูรณ์ กรุณารอสักครู่]
[กระบวนการฟื้นฟูร่างกาย 33%]
ไม่ต้องบอกก็ได้มั้ง!
ผมกัดฟันกรอด จ้องมองตัวเลขบอกกระบวนการฟื้นฟูเพิ่มจาก 33 เป็น 34 หลังจากนั้น เจ้าหมาที่อยู่ข้างหน้าต่างข้อความก็ลุกขึ้นมาทำท่าเหมือนจะพยายามปลอบโยนผม
ให้ตายเถอะ
ยังจะมาปลอบโยนอะไรกันอีก?
เรี่ยวแรงที่หายไปในร่างกายค่อย ๆ ฟื้นฟูกลับมาทีละนิด เช่นเดียวกับแถบเปอร์เซ็นต์ระบุสถานะการฟื้นฟู
ไม่นานหลังจากนั้น ผมก็รู้สึกดีขึ้นจนสามารถเดินได้โดยไม่หกล้ม
แต่ผมก็ยังเดินไม่คล่องอยู่ดี และผมก็มีคำถามที่อยากจะถามต่อไป
"สงสัยคงพอแค่นี้ก่อนดีกว่า…"
นับตั้งแต่ที่ผมพยายามออกเดินสำรวจทั้งที่ร่างกายยังไม่ฟื้นฟูครบ 100% หน้าต่างข้อความก็มีข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาตลอดเวลา
ที่มุมจอ ลูกหมาตัวนั้นก็ส่งเสียงเห่าเงียบ ๆ เหมือนกับว่ามันก็อยากจะเตือนผมเหมือนกัน
ดูเหมือนว่ามันจะเป็นห่วงผมไม่น้อย มันพยายามกระพริบตา แลบลิ้นยาว ๆ ของมันออกมา
ลิ้นสีชมพูเปียกชุ่ม จมูกของมันเป็นสีดำน่ารัก แต่ผมไม่ใช่คนที่จะแพ้ความน่ารักของสัตว์ตัวน้อย
[ร่างกายยังฟื้นฟูไม่เสร็จสิ้น กรุณารอสักครู่]
[กระบวนการฟื้นฟูร่างกาย 92%]
มีแต่เรื่องที่ขัดใจผมเต็มไปหมด!
ดังนั้น ผมจึงต้องนั่งรออีก 15 นาที จนกระทั่งกระบวนการฟื้นฟูร่างกายครบ 100%
ในที่สุด แถบสถานะก็เต็มร้อยสักที
เจ้าลูกหมาหมุนตัวไปรอบๆ เหมือนกับว่ามันกำลังแสดงความยินดี
[ร่างกายฟื้นฟูจากสภาวะเป็นพิษเรียบร้อยแล้ว กรุณาจดจำไว้ว่าการทำภารกิจได้สำเร็จในอนาคต จะส่งผลต่อความสามารถในการฟื้นฟูร่างกายเสมอ]
ผมเห็นกองอาเจียนและเม็ดยาที่ยังไม่ถูกย่อยจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ข้างเตียง
"คงเป็นเพราะยาพวกนี้สินะ…"
ความเห็น 0