แต่งตัวเป็นแสนก็แค่อยากโชว์จะไปเดือดร้อนแทนทำไม!
ปัญหาเรื่องการแต่งตัวด้วยไอเท็มแพงๆ ดูจะเป็นที่พูดถึงเหลือเกินในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่มีรายการหนึ่งได้ไปสอบถามวัยรุ่นเดินสยามว่าแต่ชิ้นบนตัวนั้นราคาเท่าไหร่กัน บางคนแต่งตัวเยียบหลักแสน มีตั้งแต่ชิ้นที่เราพยักหน้าเห็นด้วยกับราคาค่าตัว ในขณะที่บ้างชิ้นถือกับต้อง “หื้ม…จริงดิ่”
“ใส่แล้วบินได้เหรอ?” เป็นหนึ่งในคำถามยอดนิยมในช่องแสดงความเห็นของโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ ก็คงต้องเรียนกันตามตรงว่า “บินไม่ได้หรอก” ของเหล่านี้ไม่ใช้เสื้อวิเศษหรือรองเท้ามีปีกที่ทำให้คนเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ทำไมคนถึงยอมจ่ายแพงเพื่อซื้อสิ่งเหล่านั้นมาสวมใส่กันล่ะ
“ใส่ของแพงแล้วบินไม่ได้ แต่ใส่ของแพงแล้วมีแรงเดิน” การซื้อของแพง ของมีแบรนด์ ของมีราคามาใช้มันอยู่นอกเหนือจากกฎของเหตุผลไปอีกขึ้นหนึ่งแล้ว เพราะมันมีเรื่องของ “ความพอใจ” เข้ามาเอี่ยวด้วย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลายจึงยังขายดิบขายดีมาถึงทุกวันนี้ เพราะนอกจากเรื่องคุณภาพแล้ว “เรื่องราว” และ “ที่มาที่ไป” ก็เป็นส่วนสำคัญให้คนที่ “อิน” ตัดสินใจซื้อเช่นกัน
แล้วยังมีเรื่องของ “ความมั่นใจ” เข้ามาเกี่ยวด้วย มีน้องคนหนึ่งใส่เสื้อยืดตัวละสองหมื่น เป็นเสื้อยืดง่ายๆ แทบไม่ต่างอะไรกับเสื้อยืดทั่วๆ ไป (อาจจะดีกว่าในเรื่องของเนื้อผ้าและการตัดเย็บ) แต่ถ้าคนใส่เขาพอใจจะใส่ เขารับรู้ว่ามันยี่ห้ออะไร เขาซื้อมาเท่าไหร่ เขาอาจจะใส่แล้วเดินหลังตรงขึ้นมาอัตโนมัติ “มึงไม่รู้เสื้อกูแพงไม่เป็นไร แต่กูรู้” นี่แหละ คือมันได้ทำหน้าที่ของมันไปแล้ว
นี่ยังไม่นับรวมว่าสินค้าเหล่านี้เป็น “การลงทุน” อย่างหนึ่งด้วยนะ อาทิ นาฬิกา Rolex บางรุ่น หรือกระเป๋า Chanel คู่บารมีหญิงสาว เผลอๆ ราคาพุ่งกว่าทองอีกจะว่าไป
บางคนอาจจะมองว่าไร้สาระ แต่อย่าลืมว่าความมีสาระของเราก็อาจเป็นสิ่งที่ไร้สาระกับคนอื่นเช่นกัน อย่างเขาชอบแต่งตัวด้วยของมียี่ห้อ หรืออาจจะเสาะแสวงหารองเท้าคอลเลกชั่นสุดพิเศษมาใส่ คนนั้นอาจจะมองคนสะสมฟิกเกอร์จากการ์ตูนเรื่องโปรดว่า “แกสะสมอะไรรกบ้านชิบเป๋ง…” ก็ได้
ฉะนั้นแล้วเรื่องแบบนี้เป็นของปัจเจก การใช้ของแพงไม่ได้ผิดอะไรเลยและการทำเรื่องไร้สาระในสายตาคนอื่นก็ไม่ได้ผิดเลย ถ้ามันเป็นสาระของเรา ตราบเท่ามันยังอยู่ในกรอบที่ไม่ได้ระรานใคร
ยิ่งในยุคที่โซเชียลมีเดียเข้าครอบงำโลกมนุษย์ หลายคนก็อยากแต่งตัวตามกระแส อยากโชว์ว่าตัวเองก็มีของ ทำให้คนที่เสพติดโลกเสมือนนี้ถูกครอบงำด้วยความอิจฉาและอยากได้อยากมีโดยไม่รู้ตัว เลยสร้างคำวิจารณ์แง่ลบขึ้นมาเพื่อป้องกันจิตใจตัวเอง เกิดเป็นถ้อยคำเหยียดๆ เสียๆ หายๆ
ในท้ายที่สุด “ความพอดี” ดูจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด…
ทั้งแต่งตัวอย่างพอดีกับฐานะ
ทั้งวิจารณ์อย่างพอดีโดยไม่กดคนอื่นให้ต่ำลง
ทั้งเสพโซเชียลอย่างพอดี
และเตือนตัวเองอย่างพอดีว่าเขาจะแต่งตัวอะไรก็เรื่องของเขา!
ความเห็น 91
จรรยา
อย่าไปอิดฉาเค้าเลย ดีแล้วที่เค้าซื้อความสุขให้กับตัวเค้าเอง ชีวิตอย่าคิดอะไรมากภัยธรรมาชาติมันเกิดใด้เมื่อไรเราไม่รู้ อะไรที่ทำแล้วสุขกายสบายใจก็ทำเลยจ้า
03 ต.ค. 2561 เวลา 14.35 น.
winter breeze
เห็นคุณภาพอนาคตของชาติ สามารถทำนายอนาคตประเทศได้ค่ะ
03 ต.ค. 2561 เวลา 13.57 น.
Jak
นาฬิกาเพื่อน แหวนแม่ .. จบ ปิ๊ง หรูแบบไม่ต้องลงทุน
03 ต.ค. 2561 เวลา 12.47 น.
ศักดิ์สยาม
คนขี้อวด ไปดูคนเขารวยจริงๆก่อน
เขาไม่ทำอย่างนี้นะ ต้องสอนให้คนพอเพียง พอดี
เหมือนจะให้เขาทำอย่างเลยว่ะ
03 ต.ค. 2561 เวลา 11.54 น.
❕
กูไม่มองเลยเพราะกูไม่รู้ราคา ของที่มันใส่ มันไม่ได้ติดป้ายราคาไว้ ครั้นไอ้กูจะไปหาราคาก็ไม่ใช่ธุระ กูมองนมหญิงอย่างเดวพอ อิอิ
03 ต.ค. 2561 เวลา 11.40 น.
ดูทั้งหมด