โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ไลฟ์สไตล์

7 ธรรมเนียม เมื่อถึงวันคริสต์มาสต้องทำกัน

TOJO NEWS

เผยแพร่ 22 ธ.ค. 2563 เวลา 13.37 น. • noonnitha@gmail.com

บทสุดท้ายของปี 2020 ช่วงคริสต์มาสแบบนี้จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ตกแต่งต้นคริสต์มาสในบ้าน ตกแต่งไฟสวยๆ ทำอาหารอร่อยๆ ทานกับคนเพื่อน คนรัก หรือครอบครัว 

แต่รู้หรือไม่ว่าเทศกาลคริสต์มาสเองก็มีสิ่งที่ถูกทำต่อๆ กันมาจนกลายเป็นประเพณีประจำเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว! วันนี้โตโจ้นิวส์จะพาไปดูกันว่ามีประเพณีวันคริสมาสนั้นมีอะไรบ้าง และประเพณีเหล่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร ตามมาเลย…

  • การแขวนถุงเท้า (HANGING STOCKINGS) 

ในวันคริสต์มาสอีฟ (24 ธันวาคมของทุกปี) ผู้คนจะนิยมเอาถุงเท้ายาวไปห้อยไว้ที่หน้าเตาผิง หรือว่าตามต้นคริสต์มาส เพราะจะเชื่อกันว่า ซานตาคลอสจะเอาของขวัญที่อยากได้มาใส่ไว้ในถุงเท้า แต่ความจริงแล้ว ที่มาของการแขวนถุงเท้านั้นมาจากความเชื่อที่ว่า การวางหญ้าแห้งไว้ในถุงเท้า เมื่ออีกความเชื่อก็ว่า มีพี่น้อง 3 คน ฐานะยากจน ไม่มีเงินกระทั่งจะต้องไปทำงานโสเภณี เมื่อเรื่องถึงนักบุญนิโคลัส จึงได้นำเหรียญทองไปหยอดลงปล่องไฟ แต่เหรียญกลับตกลงไปในถุงเท้าของ 3 พี่น้องที่แขวนไว้หน้าปล่องไฟ เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อ 3 พี่น้องมาเจอเหรียญ ทำให้พวกเธอดีใจ และเลิกล้มความคิดที่จะไปเป็นโสเภณี หรืออีกความเชื่อก็ว่า นักบุญนิโคลัส (ซานตาคลอสคนแรก) เดินทางผ่านมา จะนำหญ้าแห้งมาเป็นอาหารให้กับลาของเขา  และจะทิ้งเหรียญเงินไว้ในรองเท้าเพื่อเป็นการตอบแทน ต่อมาก็เลยทำให้มีผู้คนมากมายแขวนถุงเท้ายาวไว้ในวันคริสต์มาส โดยหวังว่าจะได้รับของขวัญแบบเดียวกันบ้าง

  • เคาะประตูร้องเพลงเฉลิมฉลอง (CAROLING) 

เป็นการไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน คนรู้จัก หรือญาติพี่น้อง เพื่ออวยพร และสร้างความสุขให้กับคนที่รักในวันคริสต์มาส การเคาะประตูร้องเพลง คือการรวมกลุ่มกันและเดินไปเคาะประตูทีละบ้าน เมื่อประตูเปิด พวกเขาจะร้องเพลง ประมาณ 1 – 2 เพลง และเจ้าของบ้านก็จะตอบแทนโดยให้ขนม อาหาร เครื่องดื่มเพื่อเป็นน้ำใจตอบแทน ส่วนเพลงที่จะนิยมร้องกัน ก็คือ  White Christmas,” “Santa Claus Is Coming to Town”  และ “Rudolph the Red-nosed Reindeer.” Oh Come, All Ye Faithful, Silent Night, Holy Night

  • ต้นคริสต์มาส (EVERGREENS) 

เรื่องราวของต้นคริสต์มาส เริ่มต้นมาจากประเทศเยอรมัน โดยคนชื่อ “Martin Luther” ตอนเขาเดินกลับบ้าน เขาดันหันไปเห็น แสงของดวงจันทร์ที่ทะลุผ่านกิ่งไม้ พอถึงบ้านเขาเลยออกไปหาและตัดเอาต้นไม้ต้นเล็กๆ กลับเข้ามาในบ้านและเอาเทียนมาประดับ ต่อมาเลยทำให้ประเพณีวันคริสต์มาสนี้แพร่ไปจนทั่วประเทศเยอรมัน จนราชวงศ์อังกฤษได้เอาการตกแต่งต้นไม้แบบนี้เข้ามาใช้อย่างจริงจัง เลยทำให้คนทั่วโลกเริ่มหันมาตกแต่งต้นคริสต์มาสกันมากขึ้น และกลายเป็นธรรมเนียมที่ทำกันทุกปี

สำหรับต้นคริสต์มาสนั้น เปรียบเสมือน ต้นไม้ในสวรรค์ โดยตามพระคัมภีร์นั้นได้เปรียบพระเยซูเจ้าว่าเป็นต้นไม้แห่งชีวิต ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เขียวเสมอในทุกฤดูกาล สื่อถึงนิรันดรภาพของพระเยซูเจ้า อีกทั้งความสว่างของพระองค์ยังเหมือนแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด และรวมถึงความชื่นชมยินดี และความสามัคคี ที่พระเยซูประทานให้ เพราะต้นไม้นั้นเป็นจุดศูนย์รวมของครอบครัวในเทศกาลคริสต์มาส

  • คู่สีแดง-เขียว (THE COLORS RED AND GREEN) 

ทำไมเทศกาลคริสต์มาสต้องเป็นสีแดงหรือสีเขียว เคยตั้งคำถามในหัวกันไหมว่าทำไมกันนะ นั้นก็เพราะว่า สีแดงจะหมายถึงความรัก ที่ผ่านพระโลหิตของพระเยซูบนไม้กางเขน และหมายถึงความรัก ความศรัทธาที่มีต่อพระเยซูของชาวคริสต์ ซึ่งจะใช้ผลสีแดงจากต้นฮอลลี่เป็นสัญลักษณ์ ส่วนสีเขียวนั้นจะหมายถึง ความมีชีวิตชีวา ความหวัง ซึ่งจะใช้ต้น Evergreen เป็นสัญลักษณ์

  • เตรียมขนมและนมให้กับซานต้า (LEAVING MILK AND COOKIES FOR SANTA) 

เด็กๆ จะเชื่อกันว่าซานต้าจะมาหาและนำของขวัญมาให้ ในคืนก่อนวันคริสต์มาส แต่ซานต้าต้องทำงานหนัก เพราะต้องรีบส่งของขวัญให้เด็กๆ ทุกบ้านมากมาย ก่อนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อที่จะเป็นการขอบคุณซานต้า จึงเกิดประเพณีการวางคุ้กกี้พร้อมกับนมสด เอาไว้ข้างๆ เตาผิง ก่อนเข้านอน เพื่อให้ซานต้า และบางครั้งก็อาจจะมีแครอทให้กับพวกกวางเรนเดียร์ทั้ง 9 ตัวด้วยเช่นกัน 

  • ดูหนังมาราธอน (THE A CHRISTMAS STORY MARATHON ON TBS) 

ในทุกๆ ช่วงวันคริสต์มาส ช่อง TBS รายการทีวีชื่อดังประเทศอเมริกัน จะเปิดภาพยนต์หรือหนังที่เกี่ยวข้องกับวันคริสต์มาสตลอดทั้งวัน หรือแบบมาราธอน โดยส่วนใหญ่แล้วช่วงเวลาคริสต์มาสจะเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ทานข้าวด้วยกัน ดังนั้นการได้ดูหนังในช่วงวันหยุดคริสต์มาสด้วยกัน จึงเป็นกิจกรรมที่ช่วยเติมเต็มความสุขให้กันในครอบครัว

  • ต้นมิสเซิลโท (MISTLETOE)

ต้นมิสเซิลโท เป็นเรื่องราวความเชื่อของชาว เคลท (Celtic) ในยุโรป ว่าในทุกหน้าหนาวที่มาถึง จะมีหนึ่งคืนที่จะมีกลางคืนยาวกว่ากลางวัน หรือจะเรียกว่า “เหมายัน”  โดยชาวเคลทจะนำต้นมิสเซิลโทซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการมีชีวิต และฮอลลีที่เป็นลัญลักษณ์ของการปกป้อง คุ้มครอง มาห้อยไว้ทีหน้าประตู เพราะเชื่อว่าจะช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ จนทำต่อๆ กันมา และได้กลายเป็นหนึ่งในประเพณีของเทศกาลคริสต์มาสไปแล้ว 

0 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0
reaction icon 0