ภาษี 1,916,088,000,000 บาทเงินหายไปไหนหมด! ทำไม ปชช. ต้องระดมทุนบริจาคกันเอง?
ใช้เวลาไม่กี่วัน ยอดบริจาคสมทบทุนเพื่อการวิจัยยารักษาโรคมะเร็งของกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯที่ชาวไทยร่วมกันโอนเงินช่วยเหลือ ก็ทะยานสู่ตัวเลข 100 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อย
แต่จากข้อมูลของคุณหมอ กว่าโครงการนี้จะสำเร็จจนถึงขั้นสุดท้าย จนได้ออกมาเป็นยารักษาโรคร้ายที่เข้าถึงได้ง่ายตามเป้าหมายของทีมวิจัย ก็ยังต้องใช้เงินอีกมากถึง 1,500 ล้านบาท!
เห็นตัวเลขแล้วก็รีบเก็บพลุที่เตรียมจุดฉลองแทบไม่ทัน…
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เราเห็นพลังการร่วมแรงร่วมใจของคนไทยก็จริง แต่คำถามที่น่าคิดต่อคือ ทำไมปัญหาที่เกี่ยวกับโครงสร้างระบบสาธารณสุขของประเทศทั้งหลายแหล่ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นงานวิจัยทางการแพทย์ที่ทำให้คนไทยสุขภาพดีขึ้น ไปจนถึงการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ทั้งหลายแหล่ วิธีการส่วนใหญ่ที่เห็น มักชูการ ‘บริจาค’ ขึ้นมาเพื่อหาทุนไปแก้ไขปัญหาทั้งสิ้น
ตั้งแต่รายการพิเศษทางโทรทัศน์ หาดารามานั่งรับสายคนที่โทรมาบริจาค ตั้งกล่องรับบริจาค ประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อแบบทั่วไป จนถึงการ ‘วิ่ง’ ใต้จรดเหนือของ "ตูน บอดี้แสลม"ซึ่งระดมเงินบริจาคมาได้ถึง 1,400 ล้านบาท
หรือพี่ตูนต้องวิ่งอีกรอบเพื่อสู้มะเร็งกันนะ?
ขอบอกก่อนว่าเราไม่ได้คิดว่าการบริจาคเป็นเรื่องเสียหาย เพราะการระดมทุนที่ง่ายและรวดเร็วที่สุด คือการร่วมใจกันคนละนิดคนละหน่อยจากพวกเราทุกคน และเป็นเรื่องปกติที่กองทุนวิจัยทางการแพทย์หลายๆ แห่งในโลกก็ทำกัน
แต่หนึ่งตัวแปรสำคัญที่ควรเป็นเจ้าภาพสนับสนุนงานวิจัย ส่งเสริมสุขภาพคนไทยในอนาคต คือ รัฐ!
การจัดการเงินภาษีที่เหมาะสมตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่เพิ่งประกาศใช้ไป หนึ่งในนั้นคือการสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่ขับเคลื่อนด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ซึ่งผู้รับหน้าที่เสนอของบประมาณจากรัฐ คือกระทรวงสาธารณสุข
ถ้าลองไปดูงบประมาณจัดสรรในปี 2562 ที่หน่วยงานรัฐเริ่มจำแนกงบประมาณตามยุทธศาสตร์ชาติ จากชิ้นเค้กมูลค่ากว่า 136,000 ล้านบาทที่กระทรวงสาธารณสุขได้มาในปีงบประมาณหน้า เชื่อหรือไม่ว่ามีเงินที่จัดสรรเพื่อสนับสนุนงานวิจัยและนวัตกรรมเพียง 184 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียง 0.14% ของงบก้อนใหญ่เท่านั้น!
แต่ถ้าเราดูงบประมาณปี 2561 เงินที่จัดสรรเพื่องานวิจัยด้านสาธารณสุขจะอยู่ที่ 318 ล้านบาท
นั่นหมายความว่าในปีเดียว รัฐตัดงบที่ควรใช้ส่งเสริมงานวิจัยเพื่อสุขภาพของคนไทยไปถึงเกือบครึ่ง!
จากที่มีน้อยอยู่แล้ว (และต้องแบ่งให้กับงานวิจัยอีกหลายฉบับตลอดปี) ก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เทียบกับอัตราการสะสมบุญ สมทบยอดบริจาคในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา คิดเล่นๆ ดูแล้วเราอาจได้กองทุนสนับสนุนงานวิจัยทางการแพทย์แบบไม่ต้องพึ่งงบจากรัฐที่มียอดเงินเท่ากัน ในเวลาไม่กี่วัน
หันไปดูตัวเลขเงินลงทุนวิจัยเพื่อสาธารณสุขของพี่ใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา กลับมีทิศทางที่ดีกว่า เพราะนับตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปี 2559 รัฐบาลกลางสหรัฐฯ อัดฉีดเงินมากขึ้นเรื่อยๆ จาก 33,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นเกือบ 38,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 12.77% ภายในเวลา 3 ปี
เราอาจจะสู้กับเขาในแง่เม็ดเงินไม่ได้ แต่การเติบโตของเงินที่รัฐลงทุนด้านการวิจัยก็สะท้อนให้เห็นการมองอนาคตยุทธศาสตร์ชาติอเมริกาได้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่
ในขณะที่สหรัฐฯ เพิ่มตัวเลขการสนับสนุนมากขึ้น แต่ไทยเรากลับลดมันลงเกือบครึ่ง
น่าสะท้อนใจ และน่าคิดว่าทำไมการสนับสนุนจากรัฐถึงไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น
"รศ. ยุทธพร อิสรชัย" รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช และอดีตคณบดีรัฐศาสตร์ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่า การจัดสรรงบประมาณนยุคหลังมีการตั้งงบก้อนที่เรียกว่า ‘งบกลาง’ ไว้เป็นจำนวนมาก (ในปี 2561 ตั้งไว้สูงถึง 390,000 ล้านบาท) เพื่อเป็นเงินสำหรับใช้ยามจำเป็นและไม่อาจคาดการณ์ได้ ซึ่งมักจะหมดไปกับสวัสดิการและเงินเดือนข้าราชการเป็นส่วนใหญ่
เป็นเหตุให้งบกลางที่ว่า ถูกใช้ไปกับกระทรวงใหญ่ๆ เช่นกระทรวงกลาโหม หรือกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีจำนวนข้าราชการเยอะ ขนาดองค์กรใหญ่ แต่ไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณกลางให้ไปตามหน่วยงานอื่นๆ ทำให้หน่วยงานย่อยในกระทรวงสาธารณสุข ต้องออกมารับบริจาคกันอยู่เรื่อยๆ
ด้วยความเชื่อที่ว่า การช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ คือการให้ที่ยิ่งใหญ่ (พอๆ กับบุญที่ตัวเองได้รับ)
เมื่อความเชื่อมารวมกับการจัดสรรงบประมาณที่ไม่พอดีตามความต้องการ ทำให้โมเดล ‘รับบริจาค’ กลายเป็นที่พึ่งหลักของหน่วยงานด้านสุขภาพให้เราเปิดแอปพลิเคชั่นโอนเงินให้อยู่เรื่อยๆ
โดยลืมถามไปว่า "แล้วรัฐล่ะทำอะไรอยู่"
ที่มาข้อมูล:
http://canceriec.md.chula.ac.th/support/
https://www.facebook.com/CUCancerIEC/
https://www.kaokonlakao.com/kao_project_detail.pdf
http://budget.parliament.go.th/
ความเห็น 191
NOK
บ้านเรา น้ำยาสารเคมีที่ใช้ในงานวิจัยแพงกว่าเมกา แต่งบวิจัยน้อยกว่ามากนัก
05 พ.ย. 2561 เวลา 09.05 น.
Mongkonchai
ประเทศกูมี !!!
05 พ.ย. 2561 เวลา 06.32 น.
XzoduX
รู้ๆกันอยู่กว่าจะถึงปลายน้ำก็เหลือแต่ขี้
05 พ.ย. 2561 เวลา 03.15 น.
KASEM
โกง กิน
05 พ.ย. 2561 เวลา 01.50 น.
wang suntaree王
ฟัอ่านแล้วเห็นด้วยเอาเปรียบคนที่เขาทำด้วยแรงกายแรงใจรัฐบาลไม่ใช่เราไม่ชอบเราชอบท่านแต่ในกรณีนี้ความถูกต้องสำคัญกว่าอย่าเห็นแก่ตัวค่ะท่าน
05 พ.ย. 2561 เวลา 00.39 น.
ดูทั้งหมด