รองอธิบดีกรมวิทย์ฯ แนะ "สมุนไพรไทย กินอย่างไร ให้ถูกต้องและเหมาะสม"
(4 ส.ค.64) นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตรการแพทย์ เลขาธิการสมาคมเวชกรรมไทย อดีตนายกสภาการแพทย์แผนไทย ได้โพสต์ข้อความ ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า : หลังข่าวที่ว่า โกฐจุฬาลัมพา ขาดตลาด หลังงานวิจัยจากอเมริกาเปิดเผยว่ายับยั้งไวรัสโควิด-19 ได้ในหลอดทดลอง…แค่ในหลอดทดลองเอง นะครับ
ทำเอายาหอมหลายชนิดเดือดร้อนลำบากลำบนในการหาตัวยามาปรุงยาหอมต่างๆ ที่มีโกฐจุฬาลัมพาผสมอยู่ เช่น ยาหอมเทพวิจิต ยาหอมอินทจักร ยาหอมนวโกฐ เป็นต้น
หมอยาแผนโบราณเคยบอกไว้ว่า โกฐ (เบญจโกฐ สัตตโกฐ นวโกฐ) ที่ดีมาจากเมืองจีน เทียน (เบญจเทียน สัตตเทียน นวเทียน) ที่ดีมาจากอินเดีย และเกสร (เบญจเกสร สัตตเกสร นวเกสร) ที่ดีอยู่เมืองไทย ยาหอมอินทจักรเป็นตำรับยาหอมที่รวมของดีไทย จีน อินเดีย เคยมีการวิจัยพบว่าเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ด้อยกว่ายาแผนปัจจุบัน
จากโหนกระแสช่วงเที่ยงครึ่งหลายวันก่อนกับคุณหนุ่ม กรรชัย เพื่อไปบอกว่า สมุนไพรถ้าใช้เป็นอาหารก็ต้องปรุงเป็นอาหาร ถ้าใช้เป็นยาก็ต้องใช้เป็นตำรับยา หลายคนที่ไม่ติดเชื้อแต่อาจป่วยด้วยสรรพสมุนไพรที่ใช้โดยไม่จำเป็นและไม่ถูกต้อง
สมุนไพรไทยกำลังเป็น “พระเอกดาวรุ่ง” พุ่งแรง อย่าเพิ่งให้กลายเป็น “ผู้ร้าย” เลยครับ เสียดายของดี
เมื่อจะใช้ ขอให้ใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม เวลาเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา จะได้ไม่ไปโทษว่าสมุนไพรเป็นต้นเหตุ สมุนไพรกลายเป็นแพะรับบาป
เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นกับขี้เหล็กแคปซูลเมื่อหลายปีก่อน มีคนกินติดต่อกันนานจนตัวเหลืองตาเหลือง ทำให้คนบางกลุ่มตำหนิว่า สมุนไพรไม่ดี ทั้งๆที่สมุนไพรล้วนเป็นของดี แต่คนที่ใช้เอาไปใช้ไม่ถูกต้อง
เห็นใครว่าสมุนไพรอะไรดี ก็เหมามากินรวมไปซะหมด อาจส่งผลเสียออกมา กินเยอะเปะปะ สารในสมุนไพรมันทะเลาะกันบ้าง ร่วมมือกันบ้าง (Herb drug interaction) อวัยวะภายในอาจเสียหายชำรุดกันได้
เตือนกันนะครับ ฟ้าทะลายโจร กินเมื่อทราบผลติดเชื้อแล้วตามขนาด ปริมาณและระยะเวลาที่กำหนด ไม่ควรกินร่วมกับยาฟาวิพิราเวียร์ หรือกระชายหรือสมุนไพรอื่นๆที่แสลงต่อตับไต
กระชายขาวถ้าจะกินควรปรุงแบบอาหารและไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 7 วัน แต่ควรกินเป็นอาหาร รสเผ็ดร้อนกระตุ้นธาตุไฟช่วยเรื่องภูมิคุ้มกันทั่วไปได้
ตรีผลา (สมอพิเภก:สมอไทย:มะขามป้อม) ถ้าจะกินก็ต้องกินให้ถูกต้องและไม่ติดต่อกันเกิน 7 วันเช่นกันและคนปกติควรกินพิกัดตรีผลา (เสมอภาค) คือ ใช้สัดส่วนเท่ากัน (1:1:1) หรือปรับเล็กน้อยเพื่อรสชาติดีขึ้น (1:2:3) ปรุงแต่งรสชาติตามชอบ
ไม่ควรใช้แบบมหาพิกัดตรีผลาเพราะใช้สำหรับผู้ป่วยที่วินิจฉัยโดยแพทย์แผนไทยว่าร่างกายมีตรีโทษ (ปิตตะ วาตะ เสมหะ ผิดปกติ) เอามากินเอง ควรให้แพทย์แผนไทยสั่งใช้ตามความเหมาะสมกับสภาพร่างกาย งานวิจัยความเป็นพิษในหนูทดลองที่ทำโดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่ามีปริมาณสารแทนนินสูง อาจกระทบตับไตได้ง่ายให้ใช้ตามแพทย์แผนไทยสั่ง คือ ตามสุมฏฐานของโรค และไม่ควรกินนานเกิน 5 วัน
พลูคาว (ผักคาวตอง) กินแกล้มกับลาบดีที่สุด เพราะได้สารสำคัญครบ งานวิจัยในหลอดทดลองและในสัตว์ทดลองมีฤทธิ์หลายอย่าง เพราะมีสารหลายกลุ่ม ที่แยกแยะออกมาแล้วก็ 50-60 ชนิดสาร ช่วยต้านมะเร็ง ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยรวบรวมและศึกษาไว้ งานวิจัยส่วนใหญ่ใช้แบบต้มน้ำ
ถ้าไม่สะดวกการทำน้ำต้มใบพลูคาวก็ได้แต่กลิ่นคาวจะแรง ต้องปรุงรสแต่งกลิ่นเข้าไปเช่น น้ำมะนาว ใบเตย หรืออื่นๆเข้าไปช่วยด้วย ให้รสดี ไม่คาว กลมกล่อมขึ้น
ใครที่คิดว่ากินเหมารวมแล้วดีทั้งกระชายขาว ฟ้าทะลายโจร จันทลีลา ตรีผลา ยาห้าราก เจตพังคี น้ำย่านาง ฯลฯ ถ้ามากขนาดนี้ตับทำงานหนักเกินครับ อาจจะรับไม่ไหวมีโอกาสเอนไซม์ตับขึ้นหรือตับอักเสบได้มากครับ…สติ สมาธิ ปัญญา ครับ
ฟ้าทะลายโจรกินรักษาโควิด-19 (ยับยั้งการแบ่งตัวของไวรัส) ให้กินที่มีสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ 180 มก.ต่อวัน ไม่เกิน 5 วันและต้องไม่กินร่วมกับยาหรือสารสกัดสมุนไพรตัวอื่นๆ กินแล้วมีผลข้างเคียงควรหยุดแล้วปรึกษาแพทย์ แนะนำกินกับน้ำอุ่น น้ำผึ้งผสมมะนาว หรือน้ำต้มลูกผักชีลาเป็นกระสายยา จะช่วยตัดฤทธิ์เย็นลง
กระชายเหลือง (แต่ตอนนี้ชอบเรียกกันว่า กระชายขาว) ยังไม่มีวิจัยในคนว่าใช้รักษาการติดเชื้อโควิด-19 ได้ (แค่ยับยั้งเชื้อในหลอดทดลองเท่านั้น บอกความเป็นยายังไม่ได้) ถ้าจะกินควรกินแบบสุกในอาหารหรือเครื่องดื่ม ถ้าต้มดื่มควรเพิ่มสมุนไพรรสเย็นเติมไปด้วย เช่น ใบเตย น้ำตาลกรวด อัญชัน จะช่วยลดฤทธิ์ร้อนลงได้ ไม่กินติดกันเกิน 7 วัน
งานวิจัยทางพิษวิทยาที่มีของสมุนไพรหลายชนิดทำในหลอดทดลองหรือสัตว์ทดลอง ยังไม่ได้มีการวิจัยทางคลินิก การกินสมุนไพรเป็นยาจึงต้องมีความระมัดระวังในข้อบ่งชี้และข้อห้าม การใช้ร่วมกันหลายชนิด ยังไม่ค่อยมีผลศึกษาเรื่องปฏิสัมพันธ์ของสารในตัวยา (Herbal drug interaction)
ถ้าเอาพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นอาหารตามวิถีไทยอยู่แล้ว ไปปรุงอาหาร กินเป็น“กับข้าว” แบบปรุงกันในวิถีชีวิตไทยทั่วไป กินไปเถอะครับ ไม่ต้องกลัวอันตราย ร่างกายจะกินตามความจำเป็นได้เอง แต่ถ้ากินรูปแบบคล้ายยา หรือสารสกัด มักจะเผลอกินเกินได้ง่าย ยั้งใจไว้บ้าง เว้นช่วงห่าง หรือกินสลับกัน สมุนไพรไทยกระตุ้นภูมิคุ้มกันมีตั้งหลายอย่างให้เลือก
จะภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย หรือการแพทย์แผนปัจจุบัน อะไรที่มากเกินไป ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพราะมัน “เสียสมดุล” คำว่า สุขภาพ คือ ดุลยภาพของร่างกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณ หรือ ความสมดุลของธาตุ ตรีธาตุและเบญจขันธ์
ยังมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีผลต่อเชื้อโควิด-19 ในหลอดทดลอง นี่ขนาดแยกเป็นชนิดๆเดี่ยวนะ
หญ้านาง หรือย่านาง ในหลอดทดลองก็ยับยั้งเชื้อโควิด-19 ได้เช่นกัน และเป็นสมุนไพรตัวหนึ่งใน 5 ชนิดของยาตำรับห้ารากหรือเบญจโลกวิเชียร (แก้วห้าดวง)
ส่วนสารสกัดช่อดอกกัญชาอาจฆ่าไวรัสโควิด-19 ไม่ได้โดยตรง แต่ใจก็ยังเชื่อว่าระบบสารสกัดกัญชาภายในร่างกาย (Endocannabinoid system) ก็น่าจะช่วยให้คนไข้ทุเลาหรือหายได้จากการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเนื่องจากรสเมาเบื่อร้อนช่วยกระตุ้นทำให้เลือดลมเดินสะดวก
แต่ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยจะไม่ใช้ตัวเดียว จัดเป็นสมุนไพรชุด เรียกว่า ตำรับยา ไม่ว่าไวรัสจะกลายพันธุ์มาไม้ไหน ยาตำรับไทยก็น่าจะรับมือไหวอยู่ แต่เสียดาย ยังไม่มีใครเอาไปวิจัยจริงๆจังๆ อย่ามัวเพลินกับสมุนไพรตัวเดียวอยู่เลยครับ ของดียังมีอีกเยอะ
ยาตำรับ สมุนไพรรวมหมู่ น่าจะเอาไวรัสอยู่หมัดได้ ลองคิดดูสิครับ ตัวที่วิจัยในหลอดทดลองแล้วว่ากำจัดไวรัสโควิด-19 ได้ อย่างเช่น กระชายขาวก็อยู่ในตำรับตรีกาฬพิษ ย่านางก็อยู่ในตำรับยาห้าราก ขิงก็อยู่ในตำรับตรีกฏุกและเบญจกูล โกฐจุฬาลัมพาก็อยู่ในยาหอมหลายชนิด (ยาหอมเทพจิตร ยาหอมอินทจักร ยาหอมนวโกฐ)