‘ย่านเมืองเก่า’เห็นจะเป็นสถานที่แห่งความทรงจำในอดีตของคนเฒ่า คนแก่ บ้านไม้แบบเก่าติดแม่น้ำ การโดยสารผ่านเรือ มีโชห่วยเล็ก ๆ ให้ได้จับจ่ายซื้อขนม ของใช้ เป็นระบบนิเวศน์เล็ก ๆ ที่ใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน
‘ชุมชนหัวตะเข้’ ชุมชนริมคลองที่คนไม่พลุกพล่าน แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ มองจากอีกฝั่ง คงความเป็นบ้านไม้เก่า ไม่ร้อนเพราะร่มเงาของต้นไม้ และ ลมโชยจากริมน้ำ
เดินข้ามสะพานไป จะเห็นวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน เปิดร้านข้าวตามสั่งของคุณป้า ร้านก๋วยเตี๋ยวริมคลองของคุณลุง ขนมเบื้องคุณยาย ที่ขายกันในราคาสบายกระเป๋า
สถาปนึก* นึกอะไร?
หลังจากเกิดเหตุไฟไหม้ใหญ่ที่ตลาดเมื่อปี พ.ศ. 2541 ผู้คนก็อพยบออกจากชุมชน จนตลาดแห่งนี้เกือบรกร้าง จนกระทั่งเริ่มมีถนนสู่ลาดกระบังและความเจริญก็ได้ก่อตัวขึ้นคุณอำภา บุณนเกต ผู้ประสานงานกลุ่มชุมชนคนรักหัวตะเข้ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้กับ Thaipost ว่า‘เมื่อเริ่มต้นฟื้นฟูตลาดไม่มีต้นทุนทางศิลปะที่จะทำ โดนท้วงติงแบบนี้ แต่ป้าก็ยืนยัน คนหัวตะเข้คุ้นเคยกับภาพนักศึกษามาทำกิจกรรมในชุมชน มานั่งวาดภาพที่ตลาดริมคลอง มีกิจกรรมศิลปะชาวชุมชนก็ร่วมมือเป็นแบบวาดภาพ หรือคนเฒ่าคนแก่มาเล่าเรื่องเก่าๆ ให้ฟัง คนหัวตะเข้เก็บภาพวาดที่นักศึกษาทิ้งไว้ ชาวบ้านเห็นความงาม รับรู้เป็นงานศิลปะ นี่เป็นบรรยากาศ กลิ่นอายที่แวดล้อมมาแต่ไหนแต่ไร จึงใช้ศิลปะฟื้นฟูชุมชน’
จากแนวคิดนี้ มีการเริ่มผนวกนิทรรศการศิลปะที่เบื้องหลังคือฉากวิถีชีวิตเก่าของคนในชุมชน ก็คืองาน ‘RakDok Floral Week(s)’ การตีความตลาดเก่านี้ด้วยดอกไม้นานาชนิด ที่เป็นเสียงฮือฮามากในโซเชียล ดึงนักท่องเที่ยวมาสร้างความคึกคักให้ชุมชนอีกครั้ง แม้จะจบไปแล้วแต่ยังมีนิทรรศการอื่น ๆ หมุนเวียนมาทุกเดือนรอให้ทุกคนไปเยี่ยมเยือน ซึ่งในวันที่เราไปก็เป็นวันแรกของ นิทรรศการใหม่ ที่นำของเหลือใช้จากชุมชนมารีไซเคิลเป็นงานศิลปะต่าง ๆ เช่น เฟอร์นิเจอร์ ภาพวาด ชิ้นงานที่ประดับอยู่ทั่วตลาด ให้ได้แปลกตาอยู่ทีเดียว
*สถาปนึก ในที่นี้คือผู้นึกไม่ได้ประกอบอาชีพ สถาปนิก แต่มีหัวคิดอยากสร้างสรรค์ให้เกิดสิ่งใหม่ให้ดีขึ้น*
คุณอำภา ยังให้สัมภาษณ์ไว้อีกว่า 'บ้านต้นมะขามด้านหลังตลาดหัวตะเข้ ซึ่งเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ส่วนกลาง ใช้เสนอวิถีและภูมิปัญญาดั้งเดิมของชุมชนหัวตะเข้ ให้ลูกหลานเห็นคุณค่าของตนเอง แล้วยังขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อม อดีตมีน้ำเน่าเสีย ขยะทิ้งเรี่ยราดในชุมชน ก็จัดกิจกรรมเก็บขยะ ทั้งพายเรือเก็บขยะ เดินเท้าเก็บขยะ ในที่สุดก็นำถุงก๊อบแก๊บที่ไร้ค่ามีรีไซเคิลเป็นถุงใบใหม่ ขายให้นักท่องเที่ยวที่มาชมตลาด มีฝรั่งสนใจมาเรียนทำถุงกับชุมชน สินค้านี้มาแรงมาก' เราเห็นจุดแยกขยะกระจายอยู่ตามจุดต่าง ๆ ความเรียบร้อยที่เรียบง่ายในการรักษาทัศนียภาพให้คงความสะอาดไว้ คลองที่ไม่มีกลิ่นเหม็น และยังใสน่ามอง ทำให้‘ตลาดหัวตะเข้’ คงไว้ซึ่งเสน่ห์ที่ทุกคนในชุมชนร่วมกันสร้างไว้
ใครแวะเวียนผ่านไปแถวลาดกระบัง 17 ก็แวะเข้าไปพักผ่อนหย่อนใจ นั่งกินข้าว เอาเท้าหย่อนลงไป ให้ลมพัดโชยสักหน่อย ก็ดีไม่น้อยเลย ชาว ‘ตลาดหัวตะเข้’ รอทุกคนไปเยี่ยมเยียนอยู่ค่ะ : )
.
ครั้งหน้าสถาปนึก จะพาไปพักผ่อนหย่อนใจที่ไหน ติดตามกันได้ทุกวันเสาร์ ทาง LINE TODAY ที่เดียวค่ะ
.
อ้างอิง
ความเห็น 14
คราวหน้าถ้าชวนเที่ยว ควรบอกทางไปด
22 ส.ค. 2563 เวลา 02.32 น.
สร้อย-สร้อยพิชญ์กร
คนชอบก็จะดูเป็นศิลปะ คนไม่ชอบก็คือไม่ชอบ ต่างรสนิยมกันไป ไม่มีถูกไม่มีผิด
ตลาดเดิมเหมือนไม่น่าจะทนทาน เพราะเป็นไม้ แต่ก็อยู่มาได้หลายสิบปีจนจะเป็นร้อยปีแล้วด้วยซ้ำ นี่ถ้าไม่โดนไฟไหม้ ก็จะยังคงอยู่ เพราะแต่ละร้าน เค้าก็ซ่อมเค้าก็ดูแลกันตลอด มองดูว่าเก่า เพราะเค้าอยากให้ดูเก่า ไม่อยากเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นก็คงไม่ใช่ตลาดเก่าแต่เจ้าห้องเค้าก็ดูแลของเค้า คงไม่พังง่ายๆ แม้แต่คุณเรย์ ที่เคยมาถ่ายทำรายการ ยังแอบหลงใหลในเสน่ห์ของความเก่า มาซื้อไว้ห้องนึงเลย
คนรุ่นเก่าอย่างเรามีความทรงจำดีๆที่นี่มากมาย
21 ส.ค. 2563 เวลา 17.41 น.
nok
เด็กวันรุ่นคงไม่ชอบเที่ยวอะไรที่โบราณ คร่ำครึ
แต่เราชอบบรรยากาศริมน้ำ ร่มรื่น สบายๆ
21 ส.ค. 2563 เวลา 14.08 น.
ต่าย
ไปมาเงียบควรฟื้นฟูด่วนเรือหางเร่งเครื่องดังมาก
17 ส.ค. 2563 เวลา 12.16 น.
apinimit
ใครบอกไม่มีอะไรที่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำร้านผัดไทยร้านสเต็กริมคลองร้านกาแฟร้านขายไอติมแต่มันไม่มากเหมือนตลาดน้ำคลองลัดมะยมหรืออัมพวาหรอก
17 ส.ค. 2563 เวลา 07.11 น.
ดูทั้งหมด