โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

ต่างประเทศ

กฎหมายครอบครองปืนในอเมริกา เสรีภาพที่แลกมาด้วยความสูญเสีย

TODAY

อัพเดต 28 มี.ค. 2566 เวลา 13.58 น. • เผยแพร่ 28 มี.ค. 2566 เวลา 13.58 น. • workpointTODAY

เหตุกราดยิงโรงเรียนประถมในเมืองแนชวิลล์ รัฐเทนเนสซี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 6 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กประถม อายุเพียง 9 ขวบรวมอยู่ด้วย 3 คน จุดชนวนให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมอาวุธปืนในสหรัฐฯ ขึ้นมาอีกครั้ง

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากการสืบสวนเบื้องต้นของตำรวจ ปืนที่คนร้ายพกเข้าไปก่อเหตุในโรงเรียน 2 กระบอก ทั้งปืนพกและปืนไรเฟิล พบว่า เป็นปืนที่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย เกิดเป็นคำถามตามมาว่า ในเมื่อกฎหมายเปิดกว้างให้เสรีภาพในการครอบครองอาวุธปืน แต่มือปืนมีสิทธิอะไรในการใช้อาวุธเหล่านั้นมาพรากชีวิตผู้บริสุทธิ์

หรือชาวอเมริกันครอบครองปืนง่ายเกินไป?

เรื่องนี้เป็นคำถามที่มีการถกเถียงมานานแล้วในสหรัฐฯ สำหรับชาวอเมริกันหลายคน อาวุธปืนดูเหมือนจะเป็นของใช้ธรรมดาๆ ที่มีอยู่ในชีวิตประจำวัน ชาวอเมริกันที่มีอายุ 21 ปีขึ้นไป (หรือ 18 ปีในบางรัฐ) สามารถซื้อหรือครอบครองปืนได้โดยชอบธรรม ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 2 (Second Amendment)

บทบัญญัตินี้ได้กลายมาเป็นแนวคิดที่ฝังรากลึกในสังคมอเมริกัน ซึ่งมองว่า สิทธิการครอบครองปืน เป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนพึงมี เหมือนกันกับเสรีภาพในการแสดงออก ดังนั้นการห้ามหรือจำกัดการครอบครองปืนจึงถือเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของพลเมือง

จากการสำรวจของ Small Arms Survey ซึ่งเป็นองค์กรที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอาวุธเบา ระบุว่า ข้อมูลในปี 2561 ชาวอเมริกันมีอาวุธปืนอยู่ในครอบครองเฉลี่ย 120.5 กระบอก ต่อประชากร 100 คน นับเป็นสัดส่วนการครองปืนมากที่สุดในโลก โดยเพิ่มขึ้นจากการสำรวจในปี 2554 ซึ่งสัดส่วนการครองปืนอยู่ที่ 88 กระบอก ต่อประชากร 100 คน

อัตราการครองปืนที่สูงขึ้นได้ถูกนำมาโยงกับเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดจากอาวุธปืนที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ ทำให้เกิดการผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมาย เพื่อเพิ่มความเข้มงวดในการครอบครองอาวุธปืน แต่มีหลายครั้งที่ร่างแก้ไขกฎหมายถูกปัดตกในสภาคองเกรส จากฝ่ายที่คัดค้านการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งให้เหตุผลว่าพลเมืองมีสิทธิที่จะครอบครองปืน เพื่อปกป้องเสรีภาพและทรัพย์สินของตนเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน สามารถผลักดันการปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนครั้งใหญ่ได้สำเร็จ

โดยกฎหมายดังกล่าวกำหนดให้มีการตรวจสอบประวัติของผู้ที่จะซื้อปืนเข้มงวดขึ้น และจูงใจให้รัฐต่างๆ บังคับใช้กฎหมาย ‘ธงแดง’ ซึ่งอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถยึดปืนจากบุคคลที่พิจารณาแล้วว่า เป็นอันตรายหรือภัยคุกคามต่อบุคคลอื่น นับเป็นการยกระดับการควบคุมอาวุธปืนที่เข้มงวดสุดในรอบ 28 ปีของสหรัฐฯ

แต่ความพยายามปรับปรุงกฎหมายครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เหตุการณ์ความรุนแรง ที่เรียกได้ว่าเป็นอาชญากรรมที่มีสาเหตุมาจากอาวุธปืนในสหรัฐฯ ลดน้อยลงไปถึงระดับที่ไว้วางใจได้

ข้อมูลจากเว็บไซต์คลังข้อมูลความรุนแรงจากปืน Gun Violence Archive ระบุว่า ปี 2566 ล่วงมาเพียงยังไม่ครบ 3 เดือนเต็ม ก็มีเหตุการณ์ที่เรียกว่า ‘กราดยิง’ ซึ่งตามคำนิยามคือมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน ไม่รวมมือปืน เกิดขึ้นในสหรัฐฯ แล้วอย่างน้อย 130 ครั้ง รวมเหตุการณ์ในเมืองแนชวิลล์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น

อีกทั้งเหตุการณ์ล่าสุดนี้ยังนับเป็นเหตุยิงกันในสถานศึกษาที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย ครั้งที่ 19 ที่เกิดในปีนี้ของสหรัฐฯ หลังเกิดเหตุนักเรียนวัย 17 ปี ใช้อาวุธปืนยิงครูได้รับบาดเจ็บ 2 คน ในโรงเรียนมัธยมที่เมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ก่อนที่มือปืนจะจบชีวิตตัวเอง

ขณะที่สถิติตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีเหตุกราดยิงเกิดขึ้นในสหรัฐฯ มากกว่า 600 ครั้ง เท่ากับว่าในเวลาไม่ถึง 2 วันจะมีการกราดยิงเกิดขึ้น 1 ครั้งโดยเฉลี่ย นับเป็นอัตราที่น่าตกใจอย่างยิ่ง และที่น่าสลดใจยิ่งกว่านั้น เหตุกราดยิงหลายๆ ครั้งถูกพบว่า เกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเด็กๆ

โดยโศกนาฏกรรม ซึ่งเรียกได้ว่าฝันร้ายของชาวอเมริกันครั้งหนึ่งเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา เมื่อคนร้าย อายุเพียง 18 ปี ควงปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติ AR-15 บุกเข้าไปกราดยิงในโรงเรียนประถม Robb Elementary School ที่เมืองยูวัลดี รัฐเท็กซัส เมื่อวันที่ 24 พ.ค. ทำให้เด็กประถมเสียชีวิตไป 19 คน และครู 2 คน นับเป็นเหตุการณ์กราดยิงครั้งร้ายแรงสุดในรอบ 10 ปี

เหตุการณ์สะเทือนขวัญที่เกิดขึ้นจากอาวุธปืนซ้ำแล้วซ้ำเล่าในโรงเรียน จะเป็นอีกหนึ่งบททดสอบครั้งสำคัญของประธานาธิบดีไบเดน หลังจากที่เขาเพิ่งประกาศชัดเจนในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะเดินหน้ายกระดับกฏหมายควบคุมอาวุธปืนให้ไปถึงจุดที่มีการห้ามครอบครองอาวุธปืนประเภทจู่โจมทั้งหมด เพราะที่ผ่านมา แม้จะมีความพยายามจากรัฐบาลหลายสมัยที่จะแก้ไขกฎหมายเพื่อลดความสูญเสียจากอาวุธปืน แต่ก็ทำได้เพียงการควบคุมหรือจำกัดการครอบครองเท่านั้น ไม่สามารถไปถึงการห้ามครอบครองอาวุธปืนได้เลย

เนื่องจากเมื่อไหร่ก็ตาม ที่มีการเสนอร่างกฎหมายต่อสภา จะถูกคัดค้านจากสมาชิกพรรครีพับลิกัน และพรรคเดโมแครตบางคนที่ยังคงมองว่าเสรีภาพในการครอบครองปืนยังควรต้องมีอยู่ โดยมีสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (National Rifle Association - NRA) เป็นผู้ทรงอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ด้วยการบริจาคเงินก้อนใหญ่สนับสนุนพรรครีพับลิกันในแต่ละปี ทำให้การปฏิรูปกฎหมายควบคุมอาวุธปืนไม่สามารถก้าวไปถึงจุดที่ควรจะเป็นเพื่อความปลอดภัยของพลเมืองทุกคนได้สำเร็จ

ที่มา BBC, CNN, USA Today

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...