เมื่อ เชลซี ยุคใหม่กลายเป็นทีมที่ไร้ทิศทาง
การตัดสินใจปลด เกรแฮม พ็อตเตอร์ ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา ถือเป็นจุดพลิกผันอีกครั้งสำหรับ เชลซี ยุคใหม่ ภายใต้การบริหารงานของ ท็อดด์ โบห์ลีย์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน
โบห์ลีย์ เป็นคนแต่งตั้ง พ็อตเตอร์ เข้ามากุมบังเหียนในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยเซ็นสัญญายาว 5 ปี และประกาศอย่างชัดเจนว่า ต้องการให้เวลา เทรนเนอร์วัย 47 ปี ได้สร้าง เชลซี โฉมใหม่ขึ้นมาเพื่อวางแผนสู่ความสำเร็จร่วมกันในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หลังจากคุมทีมข้างสนามได้เพียง 31 เกม พ็อตเตอร์ ก็โดนไล่ออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งเกมสุดท้ายที่ได้ทำหน้าที่กุนซือ เชลซี คือ การพาทีมพ่าย แอสตัน วิลลา คาบ้าน 0-2
นับตั้งแต่ โบห์ลีย์ เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี ต่อจาก โรมัน อบราโมวิช เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่ผ่านมา เขาใช้เงินไปมากกว่า 600 ล้านปอนด์ เพื่อทำการเสริมทัพให้ เชลซี ในตลาดนักเตะ 2 รอบล่าสุด
อย่างไรก็ตาม การประกาศปลด โธมัส ทูเคิล อดีตโค้ชชาวเยอรมัน ไปก่อนหน้านี้ทั้งที่เพิ่งคว้าแชมป์ยุโรปมาหมาด ๆ และล่าสุดที่แยกทางกับ พ็อตเตอร์ นั้น โบห์ลีย์ ทำให้ เชลซี กลายเป็นสโมสรที่ไม่มีความแน่นอน ไร้ทิศทาง และโครงสร้างที่ชัดเจน
เชลซี ออกแถลงการณ์สั้น ๆ หลังแยกทางกับ พ็อตเตอร์ ว่า “เกรแฮม พ็อตเตอร์ ยินดีที่จะร่วมมือกับสโมสรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนแปลงที่ราบรื่น”
ตอนนี้เก้าอี้กุนซือ เชลซี กลายเป็นเผือกร้อนที่รอคนมารับช่วงต่อ โดยตัวเต็งอย่าง จูเลียน นาเกลส์มันน์ อดีตโค้ช บาเยิร์น มิวนิค ที่เพิ่งถูกไล่ออกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ รวมถึง เมาริซิโอ โปเชตติโน อดีตนายใหญ่ ทอตแนม ฮอตสเปอร์ และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ที่กำลังว่างงานต่างก็ตกเป็นข่าวอย่างหนัก
ขณะเดียวกัน แฟน เชลซี ส่วนใหญ่เริ่มมีเสียงต่อต้านการบริหารของ โบห์ลีย์ แล้ว ซึ่งพวกเขาเริ่มไม่พอใจตั้งแต่ที่ประกาศปลด ทูเคิล และแต่งตั้ง พ็อตเตอร์ เข้ามาคุมทีมแทน
สำหรับ โบห์ลีย์ เอง หลังจากนี้ก็เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่อีกรอบของเจ้าตัว และสำหรับคนภายนอกส่วนใหญ่มองว่า มหาเศรษฐีชาวอเมริกันรายนี้ ไม่มีความรู้เรื่องฟุตบอลเลยแม้แต่น้อย รวมถึงทุ่มเงินไปแบบสุรุ่ยสุร่ายกับนักเตะที่คว้าตัวเข้ามา
ยกตัวอย่าง กรณีที่ เชลซี ปาดหน้า อาร์เซนอล คว้าตัว มิไคโล มูดริก ปีกชาวยูเครน มาจาก ชัคเตอร์ โดเนทส์ค ด้วยค่าตัวเฉียด 100 ล้านปอนด์ ซึ่งทำให้ “ปืนใหญ่” ต้องหันไปคว้าตัว เลอันโดร ทรอสซาร์ด มาจาก ไบรท์ตัน ในราคา 21 ล้านปอนด์ แทน
อย่างไรก็ตาม ผลงานตอนนี้ มูดริก ลงเล่นให้ เชลซี ไป 8 เกม ยิงไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว แถมฟอร์มตกอย่าน่าใจหาย ส่วน ทรอสซาร์ด ระเบิดฟอร์ม ซัดไป 1 ประตู กับทำ 8 แอสซิสต์ จาก 13 เกม ให้กับ อาร์เซนอล
โบห์ลี่ กำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากขึ้นที่ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ทุกคนเห็นว่า มีความเข้าใจมากพอในการพาสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่อย่าง เชลซี ประสบความสำเร็จเหมือนกับที่ อบราโมวิช เคยทำได้