โปรดอัพเดตเบราว์เซอร์

เบราว์เซอร์ที่คุณใช้เป็นเวอร์ชันเก่าซึ่งไม่สามารถใช้บริการของเราได้ เราขอแนะนำให้อัพเดตเบราว์เซอร์เพื่อการใช้งานที่ดีที่สุด

การเมือง

เข้าใจแนวคิด ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ ว่าที่ รมว.คลังจากก้าวไกล ผ่านงานวิจัยความเหลื่อมล้ำไทย

TODAY

อัพเดต 01 มิ.ย. 2566 เวลา 18.47 น. • เผยแพร่ 31 พ.ค. 2566 เวลา 14.06 น. • workpointTODAY

‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ คือ ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในฐานะว่าที่ ‘ขุนคลัง’ หรือว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจากพรรคก้าวไกล หัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่ถูกวางตัวเอาไว้ก่อนการเลือกตั้ง

เพราะเข้าสู่วงการการเมืองมาได้ไม่นาน นับรวมๆ แล้วเพียง 5-6 ปีเศษเท่านั้น จึงทำให้หลายๆ คนอยากรู้ว่านอกจากนโยบายเศรษฐกิจของพรรคก้าวไกลแล้ว ว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนต่อไป มองปัญหาสภาพเศรษฐกิจและสังคมไทยอย่างไร

TODAY Bizview ชวนย้อนดูประวัติและงานวิจัยเรื่องความเหลื่อมล้ำของสังคมไทยที่ศิริกัญญาและคณะเคยทำร่วมกับสถาบันอนาคตไทยเมื่อหลายปีก่อน เพื่อทำความเข้าใจแนวคิด ‘ศิริกัญญา ตันสกุล’ หญิงแกร่งแห่งก้าวไกล

[ เด็กชลบุรีสู่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจก้าวไกล ]

‘ศิริกัญญา’ เป็นเด็กชลบุรีเรียนชั้นประถมศึกษาในโรงเรียนอนุบาลชลบุรี และเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นในโรงเรียนชลกันยานุกูล ก่อนย้ายมาเรียนต่อชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

และเข้าเรียนต่อระดับอุดมศึกษาในคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบปริญญาตรีและปริญญาโท รวมถึงได้เรียนต่อระดับปริญญาโทอีกใบในสาขา Economics, Market and Organization, Toulouse School of Economics ประเทศฝรั่งเศส

หลายปีก่อนจะมาเป็น ‘รองหัวหน้าพรรค’ และ ‘หัวหน้าทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล’ ศิริกัญญาเคยทำงานในฐานะนักวิจัยของสถาบันเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และสถาบันอนาคตไทยศึกษา รวมถึงในบริษัท ดิแอดไวเซอร์ จำกัด

จนกระทั่งในเวลาต่อมาถูก ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ชวนมาเริ่มต้นงานทางการเมืองในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายนโยบาย พรรคอนาคตใหม่ ในปี 2561

หลังเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรก็ได้ทำงานในฐานะ ‘มือทำงานสภา’ ของพรรคก้าวไกล ดำรงตำแหน่งประธานกรรมาธิการการพัฒนาเศรษฐกิจ ก่อนลงเลือกตั้งอีกครั้งในฐานะผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่ออันดับ 3 ของพรรคก้าวไกลและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ด้วยข้อเสนอเศรษฐกิจไทยจะพัฒนาได้ต้องยกเครื่องระบบราชการและวิธีการงบประมาณครั้งใหญ่

[ งานวิจัยเก่า เล่าเรื่องความเหลื่อมล้ำ ]

ย้อนกลับไปในช่วงที่ยังทำงานในฐานะนักวิจัย ศิริกัญญาเคยเผยแพร่ผลงานชิ้นหนึ่งในปี 2557 ร่วมกับสถาบันอนาคตไทยศึกษา เรื่อง ‘8 ข้อเท็จจริงความเหลื่อมล้ำในไทย’ ที่เนื้อหาสะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำไทยให้เข้าใจง่าย

หลักๆ คือ งานวิจัยชิ้นนี้นำ ‘ครอบครัวไทย’ ทั้งประเทศกว่า 22 ล้านครอบครัวมาเรียงกันจาก ‘รายได้น้อย’ ไปหา ‘รายได้มาก’ แล้วแบ่งออกเป็น 10 กลุ่มหรือเรียกว่า ‘10 หมู่บ้าน’ เท่าๆ กัน

โดยหมู่บ้านที่ 1 คือ หมู่บ้านที่รายได้น้อยที่สุดหรือหมู่บ้านที่จนที่สุด
ส่วนหมู่บ้านที่ 10 คือ หมู่บ้านที่รายได้มากที่สุดหรือหมู่บ้านที่รวยที่สุด

– หมู่บ้านที่ 1 ที่จนที่สุด มีรายได้เฉลี่ย 4,300 บาทต่อเดือน
ส่วนใหญ่ 40% เป็น ‘ครอบครัวคนชรา’ มีผู้สูงอายุเป็นหัวหน้าครอบครัว
ส่วนอีกราว 20% เป็น ‘ครอบครัวเกษตรกร’

– หมู่บ้านที่ 10 ที่รวยที่สุด มีรายได้เฉลี่ย 90,000 บาทต่อเดือน
ส่วนใหญ่ 40% ทำอาชีพเฉพาะทางอย่าง หมอ หรือ วิศวกร
อีกราว 12% เป็นเจ้าของธุรกิจหรือเถ้าแก่

– ส่วนหมู่บ้านที่ 5 ที่อยู่ระดับกลางๆ มีรายได้เฉลี่ย 13,000 บาทต่อเดือน
ส่วนใหญ่ 20% หัวหน้าครอบครัวเป็นเสมียนหรือพนักงานขาย
รองลงมา 16% เป็นพ่อค้าแม่ค้า และอีก 16% เป็นหนุ่มสาวโรงงาน

โดยงานวิจัยได้สรุปออกมาเป็น 8 ข้อเท็จจริงที่ได้ค้นพบเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำในประเทศไทย

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 1 : เกือบ 30 ปีผ่านไป ปัญหา ‘ความเหลื่อมล้ำ’ ไม่ดีขึ้นเลย

– เพราะ 25 ปีที่ผ่านมา (2529-2554) GDP ของประเทศไทยไทยเพิ่มขึ้น 4 เท่า แต่ส่วนแบ่งรายได้ไม่ได้ตกถึงครอบครัวไทยทั้งหมด ทำให้ครอบครัวไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นแค่ 3 เท่า และรายได้ของทั้ง 10 หมู่บ้านไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่ากัน

– หมู่บ้านที่จนที่สุด เพิ่มขึ้นไม่ถึง 3 เท่า
– หมู่บ้านที่รวยที่สุด เพิ่มขึ้นราว 3.2 เท่า
– ทำให้ยิ่งนานวัน รายได้ของหมู่บ้านที่ 1 และ 10 ยิ่งแตกต่างและยิ่งทิ้งห่าง เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้น

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 2 : ครอบครัวที่จนที่สุด ส่วนใหญ่ มี ‘คนชรา’ เป็นหัวหน้าครอบครัว

– 40% ของครอบครัวในหมู่บ้านที่ 1 (หมู่บ้านที่จนที่สุด) มีหัวหน้าครอบครัวเป็น ‘คนชรา’ และอีก 20% เป็นเกษตรกร

– 40% ของครอบครัวในหมู่บ้านที่ 10 (หมู่บ้านที่รวยที่สุด) มีหัวหน้าครอบครัวทำ ‘อาชีพเฉพาะทาง’ อย่างเช่นหมอหรือวิศวกร และอีก 12% เป็นนักธุรกิจ

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 3 : ครอบครัวไทยครึ่งประเทศมีรายได้ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือน

– ครอบครัวในหมู่บ้านที่ 5 (หมู่บ้านที่อยู่ตรงกลาง) มีรายได้เฉลี่ยไม่ถึง 15,000 บาท และรายได้สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท แปลว่า ครอบครัวไทยเกือบครึ่งประเทศที่อยู่ในหมู่บ้านที่ 1-5 มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท

– ถ้านำรายได้ของทุกครอบครัวไทยมาเฉลี่ยจะเท่ากับ 23,000 บาท = รายได้เฉลี่ยของหมู่บ้านที่ 8 แปลว่า รายได้เฉลี่ยของครอบครัวไทยไม่ได้สะท้อนรายได้จริงของคนส่วนใหญ่ในประเทศ

– โดยครอบครัวที่มีรายได้ 7,000-8,000 บาท คือ กลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย มีจำนวน 1 ล้านครอบครัวอยู่ในหมู่บ้าน 2-3

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 4 : ข้อมูล ‘คนรวย’ หายไป ความเหลื่อมล้ำจริงจึงแย่กว่ารายงานอย่างน้อยๆ 25%

ข้อมูลหมู่บ้านที่ 9 และ 10 มีส่วนที่หายไปเกือบ 1 ล้านล้านบาท ถ้าเติมข้อมูลส่วนนี้หรือ 1 ล้านล้านบาทกลับไปในหมู่บ้านที่ 9 และ 10

ช่องว่างระหว่างหมู่บ้านที่ 9 และ 10 กับหมู่บ้านที่ 1 และ 2 จะห่างกันเพิ่มขึ้น 25% อันดับความเหลื่อมล้ำไทยจะขยับลงไปอีกกว่า 10 อันดับ

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 5 : ความเหลื่อมล้ำด้านความมั่งคั่งไทยอยู่อันดับท้าย ๆ ของโลก

ในงานวิจัยพบว่า ไทยมีความเหลื่อมล้ำสูงมากๆ และไม่ใช่แค่ด้านรายได้อย่างเดียว แต่เป็น ‘ด้านความมั่งคั่ง’ ด้วย ยกตัวอย่างเช่น ถ้าสมมติให้ประเทศไทยมีที่ดิน 100 ไร่

– หมู่บ้านที่จนที่สุด จะมีที่ดินรวมกันไม่ถึง 1 ไร่
– หมู่บ้านที่รวยที่สุด มีที่ดินรวมกันมากกว่า 60 ไร่

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 6 : ครอบครัว สส. รวยกว่า 99.999% ของครอบครัวไทย

ข้อมูลที่เก็บในปี 2554 ครอบครัวของ ส.ส. เกือบทั้งหมดอยู่ในหมู่บ้านที่ 10 และเกือบจะรวยที่สุดในหมู่บ้านที่ 10

– ส.ส. 500 ครอบครัว มีทรัพย์สินรวม 4.1 หมื่นล้าน หรือเท่ากับอีก 2 ล้านครอบครัวไทย ดังนั้น ในปี 2554 ส.ส. จึงไม่ใช่ตัวแทนของคนทุกกลุ่มรายได้

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 7 : ไม่ใช่แค่ ‘รายได้-ทรัพย์สิน’ แต่ด้านอื่นๆ ก็เหลื่อมล้ำ

ลูกหลานหมู่บ้านที่รวยที่สุด เรียนโรงเรียนดีกว่า มีโอกาสเรียนต่อปริญญาตรีมากกว่า หมู่บ้านที่จนที่สุด ถึง 3 เท่า แล้วยังมีโอกาสผ่านการทดสอบระดับนานาชาติมากกว่าลูกหลานหมู่บ้านที่จนที่สุดถึง 2 เท่า

ดังนั้น ไม่ใช่แค่ ‘รายได้-ทรัพย์สิน’ ด้านอื่นๆ อย่างการศึกษาหรือสาธารณสุขก็เหลื่อมล้ำเช่นกัน

⚫️ ข้อเท็จจริงที่ 8 : ความเหลื่อมล้ำที่ควรแก้ที่สุด คือ ความเหลื่อมล้ำด้านโอกาส

งานวิจัยของศิริกัญญา เสนอว่า การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในไทย ไม่ใช่การทำให้ทุกคนรายได้เท่ากันหมด รัฐไม่สามารถทำให้คนที่อยู่หมู่บ้านที่ 1 ไปอยู่ในหมู่บ้านที่ 10

แต่สิ่งที่รัฐทำได้คือการทำให้คนไทยทุกหมู่บ้านมี ‘โอกาสเท่าเทียม’ ผ่าน ‘การเข้าถึงบริการภาครัฐ’ อย่างการศึกษาหรือบริการสาธารณสุข เพราะโอกาสที่เท่าเทียมจะช่วยบรรเทาปัญหาความขัดแย้งจากความเหลื่อมล้ำได้ในที่สุด

ที่มา https://thaipublica.org/2014/04/ttf-inequality/

My Country Talks ร่วมกับสำนักข่าว TODAY ขอเชิญผู้ที่มีความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรม World Talks ที่จะชวนคนจากหลากหลายพื้นที่ของโลกมาแลกเปลี่ยนไอเดีย เรื่องราว มุมมอง ผ่านการสนทนาแบบ 1:1

ผู้เข้าร่วมจะได้รับโอกาสพูดคุยกับผู้ที่มาจากต่างวัฒนธรรม ต่างบริบท ต่างแนวคิด โดยคัดจากการตอบคำถามในแง่มุมต่างๆ

หากท่านสนใจเข้าร่วม สามารถเริ่มต้นจากการตอบคำถามด้านล่างนี้ หรือเข้าไปที่ https://www.theworldtalks.org/invite

*คำถามและบทสนทนาเป็นภาษาอังกฤษ

ดูข่าวต้นฉบับ
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...
Loading...