“สหรัฐ” ประกาศลดภาษีนำเข้าจีนเหลือ 30% จีนตอบรับ หั่นภาษีตอบโต้เหลือ 10% มีผล 14 พ.ค.
"สหรัฐ-จีน" ประกาศลดภาษีนำเข้าทั้งสองฝ่าย "สหรัฐ" ลดภาษีจีนเหลือ 30% จาก 145% ส่วน "จีน" ลดภาษีตอบโต้เหลือ 10% จาก 125% มีผลภายใน 14 พ.ค. เปิดพื้นที่เจรจาต่ออีก 90 วัน
วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เวลา 14.01 น. สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สหรัฐและจีนตกลงลดภาษีศุลกากรต่อสินค้าของแต่ละฝ่ายลงชั่วคราว ตามแถลงการณ์ร่วมที่ออกในนครเจนีวาในวันนี้ เพื่อบรรเทาความตึงเครียดด้านการค้า และให้เวลาอีก 3 เดือน ในการเจรจาหาทางออกที่ยั่งยืนระหว่างสองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก
ภายใต้ข้อตกลงนั้น ภาษีนำเข้าสินค้าจีนจากสหรัฐที่รวมแล้วอยู่ที่ 145% จะลดลงเหลือ 30% ภายในวันที่ 14 พฤษภาคม รวมถึงภาษีที่เกี่ยวข้องกับสารเฟนทานิล (fentanyl) ขณะที่จีนจะลดภาษีต่อสินค้าสหรัฐจาก 125% เหลือเพียง 10%
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า “เรามีการหารือที่เข้มข้นและมีประสิทธิภาพเกี่ยวกับเฟนทานิล” พร้อมยืนยันว่า “ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่าไม่ต้องการแยกขาดจากกันทางเศรษฐกิจ (decouple)”
ซึ่งแถลงการณ์ยังระบุว่าทั้งสองประเทศจะจัดตั้งกลไกเพื่อสานต่อการเจรจาทางเศรษฐกิจและการค้า ในระยะถัดไป
โดยการประกาศนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการคลี่คลายสงครามภาษีที่ส่งผลให้การค้าข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกลดลงทันทีในช่วงที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ทั้งสองประเทศรายงานว่าได้มีความคืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญในการเจรจา ซึ่งช่วยหนุนตลาดหุ้นและทำให้ตลาดจีนฟื้นตัวหลังจากที่ทรัมป์ประกาศภาษีเมื่อวันที่ 2 เมษายน
ด้านเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ ระบุว่า “สหรัฐต้องการให้การค้ากับจีนมีความสมดุลมากขึ้น” ซึ่งทำเนียบขาวเรียกข้อตกลงนี้ว่าเป็นข้อตกลงการค้าในแถลงการณ์เบื้องต้นเมื่อวันอาทิตย์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายสุดท้ายตรงกันหรือไม่ และต้องใช้เวลาอีกนานเท่าใดจึงจะบรรลุข้อตกลงถาวร
ทั้งนี้จีนเคยเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกภาษีนำเข้าทั้งหมดที่กำหนดไว้ในปีนี้ ซึ่งขัดกับเป้าหมายของสหรัฐที่ต้องการลดหรือยุติการขาดดุลการค้า
แม้ว่ารายงานข่าวความคืบหน้าจะส่งผลเชิงบวกต่อภาพรวมตลาด แต่บทเรียนในอดีตเตือนว่าอาจต้องใช้เวลานานกว่าจะได้ข้อสรุปที่เป็นรูปธรรม เช่น ในปี 2018 สองประเทศเคยตกลงพักข้อพิพาทหลังการเจรจารอบหนึ่ง แต่สหรัฐ ก็ถอนตัวจากข้อตกลงในภายหลังนำไปสู่สงครามภาษีต่อเนื่องกว่า 18 เดือน ก่อนจะมีการลงนามใน “ข้อตกลงการค้าเฟสแรก” เมื่อเดือนมกราคม 2020
อย่างไรก็ตามจีนไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงการซื้อสินค้าได้ตามเป้า และสหรัฐยังมีการขาดดุลการค้ากับจีนเพิ่มขึ้นในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิด-19 จนนำมาสู่สงครามการค้าในรอบปัจจุบัน
อ้างอิง : bloomberg.com